นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนนี้ว่า หลังจากได้นำกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานกรณีถูกแอบอ้างชื่อไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยแล้ว ปรากฎว่าจากการตรวจสอบเพิ่มเติมจากเว็ปไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยังพบว่า กรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในเขตพื้นที่ภาคใต้ถูกอ้างชื่อไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยถึง 36 คน จาก 21 สาขาใน 11 จังหวัด โดยเจ้าตัวไม่รู้มาก่อน บางรายเป็นถึงประธานสาขาพรรค ยังถูกนำชื่อไปเป็นสมาชิก ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้กรรมการสาขาพรรคที่ถูกอ้างชื่อเหล่านั้นทำหนังสือถึงพรรคไทยรักไทยและกกต.เพื่อให้ดำเนินการถอนชื่อออกจาการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยโดยทันที
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ยังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านกว่า 10 รายด้วยว่า เมื่อ2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ๆได้รับบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยส่งทางไปรษณีย์มาถึงบ้าน โดยที่ไม่เคยสมัคร จึงได้ฝากมาให้สาขาพรรคประชาธิปัตย์ช่วยดำเนินการ ตรวจสอบพบว่าบัตรสมาชิกดังกล่าวอ้างว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมเพิ่งมาส่งในช่วงนี้ นอกจากนั้นชาวบ้านที่เขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกจำนวนมาก โดยลงชื่อสมัครพร้อมแนบรูปถ่ายมาด้วย เมื่อทำบัตรแล้ว ตรวจสอบพบว่า ถูกพรรคไทยรักไทยอ้างชื่อไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่องอีกเช่นกัน
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยยุติการหาสมาชิกพรรคด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องนี้เสียที เพราะเป็นวิธีการที่ไม่สะอาด ไม่โปร่งใส เป็นการฉ้อฉล และลักโขมย วิธีการเช่นนี้ไม่สามารถทำให้พรรคไทยรักไทยพัฒนาไปเป็นสถาบันทางการเมืองได้ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยตรวจสอบความมีอยู่จริงของสมาชิกพรรคของตนเองว่า มีผู้สมัครใจเป็นสมาชิกพรรคที่เขียนใบสมัครลงชื่อเป็นหลักฐานมีกี่คน ที่ไปแอบอ้างชื่อจากพรรคการเมืองอื่น หรือเอาชื่อประชาชนมาใส่โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวมีจำนวนเท่าใด ที่บอกว่าสมาชิกพรรคมี 15 ล้านบ้าง 20 ล้านบ้าง เป็นจริงอย่างที่คุยโวไว้หรือไม่
“ในส่วนของกกต.เองก็ขอให้ยกเครื่องการตรวจสอบบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคที่ส่งให้กกต.เสียใหม่ เพราะกกต.ยอมรับรายชื่อสมาชิกพรรคที่ซ้ำซ้อนได้อย่างไร กกต.มีวิธีการตรวจสอบหลักฐานการสมัครเป็นสมาชิกพรรคละเอียดแค่ไหน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับการขอเบิกเงินกองทุนพรรคการเมืองไปใช้ด้วย ถ้ากกต.ไม่ตรวจสอบอย่างจริงจังก็เท่ากับว่ากำลังสมรู้ร่วมคิดกับพรรคการเมืองบางพรรคนำเงินภาษีอากรของประชาชนไปใช้จ่ายโดยมิชอบ ซึ่งจะต้องมีคนรับผิดชอบ” นายอภิชาต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า กกต.ต้องเอาผิดกับผู้กระทำการทุจริตในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อปกป้องเงินภาษีของประชาชนและปกป้องสิทธิการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองโดยสุจริตของประชาชนด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า ยังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านกว่า 10 รายด้วยว่า เมื่อ2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ๆได้รับบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยส่งทางไปรษณีย์มาถึงบ้าน โดยที่ไม่เคยสมัคร จึงได้ฝากมาให้สาขาพรรคประชาธิปัตย์ช่วยดำเนินการ ตรวจสอบพบว่าบัตรสมาชิกดังกล่าวอ้างว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมเพิ่งมาส่งในช่วงนี้ นอกจากนั้นชาวบ้านที่เขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกจำนวนมาก โดยลงชื่อสมัครพร้อมแนบรูปถ่ายมาด้วย เมื่อทำบัตรแล้ว ตรวจสอบพบว่า ถูกพรรคไทยรักไทยอ้างชื่อไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่องอีกเช่นกัน
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยยุติการหาสมาชิกพรรคด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องนี้เสียที เพราะเป็นวิธีการที่ไม่สะอาด ไม่โปร่งใส เป็นการฉ้อฉล และลักโขมย วิธีการเช่นนี้ไม่สามารถทำให้พรรคไทยรักไทยพัฒนาไปเป็นสถาบันทางการเมืองได้ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยตรวจสอบความมีอยู่จริงของสมาชิกพรรคของตนเองว่า มีผู้สมัครใจเป็นสมาชิกพรรคที่เขียนใบสมัครลงชื่อเป็นหลักฐานมีกี่คน ที่ไปแอบอ้างชื่อจากพรรคการเมืองอื่น หรือเอาชื่อประชาชนมาใส่โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวมีจำนวนเท่าใด ที่บอกว่าสมาชิกพรรคมี 15 ล้านบ้าง 20 ล้านบ้าง เป็นจริงอย่างที่คุยโวไว้หรือไม่
“ในส่วนของกกต.เองก็ขอให้ยกเครื่องการตรวจสอบบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคที่ส่งให้กกต.เสียใหม่ เพราะกกต.ยอมรับรายชื่อสมาชิกพรรคที่ซ้ำซ้อนได้อย่างไร กกต.มีวิธีการตรวจสอบหลักฐานการสมัครเป็นสมาชิกพรรคละเอียดแค่ไหน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับการขอเบิกเงินกองทุนพรรคการเมืองไปใช้ด้วย ถ้ากกต.ไม่ตรวจสอบอย่างจริงจังก็เท่ากับว่ากำลังสมรู้ร่วมคิดกับพรรคการเมืองบางพรรคนำเงินภาษีอากรของประชาชนไปใช้จ่ายโดยมิชอบ ซึ่งจะต้องมีคนรับผิดชอบ” นายอภิชาต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า กกต.ต้องเอาผิดกับผู้กระทำการทุจริตในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อปกป้องเงินภาษีของประชาชนและปกป้องสิทธิการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองโดยสุจริตของประชาชนด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--