สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยข้อมูลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของเกษตรกรที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเห็นได้ชัดจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้น
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้คาดคะเนผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2549 ซึ่งทั้งหมดมีประมาณ 3.649 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 6% แยกเป็นภาคเหนือ 2.302 ล้านตัน ลดลง 4% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลง 10% ภาคกลางลดลง 9% เนื่องจากเกษตรกรบางส่วนเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลและปลูกอ้อยโรงงานที่ได้ราคาดีกว่า ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อปี 2530 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.52 บาท ปี 2540 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.40 บาท ปี 2545 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.14 บาท ปี 2548 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.78 บาท ปี 2549 ราคาเฉลี่ยถึงเดือนสิงหาคมและกันยายนกิโลกรัมละ 5.39 บาท และ 5.16 บาท ตามลำดับ ถึงแม้ว่าราคาจะลดลงเล็กน้อยในเดือนกันยายนก็ตาม แต่ก็ยังเป็นราคาสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ 4.07 บาท มีผลตอบแทนสุทธิกิโลกรัมละ 1.32 บาท ซึ่งช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตออกมา 50% มากที่สุดของแต่ละปี คาดว่าในเดือนต่อไปราคาจะแข็งตัวสูงขึ้นตามวงจรผลผลิต
จากการที่ราคาแข็งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 3 แสนคน มีผลตอบแทนหรือรายได้สุทธิทั้งหมด 4,817 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 16,056 บาท ซี่งในปีที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกข้าวโพดมูลค่า 348 ล้านบาท ปีนี้ถึงเดือนสิงหาคม ส่งออกไปแล้ว 459 ล้านบาท สูงขึ้น 32% ขณะเดียวกันก็มีการนำเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่าปี 2548 นำเข้ามูลค่า 149 ล้านบาท ปีนี้ถึงเดือนสิงหาคม นำเข้ามาแล้ว 241 ล้านบาท จากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ นายพินิจกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้คาดคะเนผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2549 ซึ่งทั้งหมดมีประมาณ 3.649 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 6% แยกเป็นภาคเหนือ 2.302 ล้านตัน ลดลง 4% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลง 10% ภาคกลางลดลง 9% เนื่องจากเกษตรกรบางส่วนเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลและปลูกอ้อยโรงงานที่ได้ราคาดีกว่า ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อปี 2530 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.52 บาท ปี 2540 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.40 บาท ปี 2545 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.14 บาท ปี 2548 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.78 บาท ปี 2549 ราคาเฉลี่ยถึงเดือนสิงหาคมและกันยายนกิโลกรัมละ 5.39 บาท และ 5.16 บาท ตามลำดับ ถึงแม้ว่าราคาจะลดลงเล็กน้อยในเดือนกันยายนก็ตาม แต่ก็ยังเป็นราคาสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ 4.07 บาท มีผลตอบแทนสุทธิกิโลกรัมละ 1.32 บาท ซึ่งช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตออกมา 50% มากที่สุดของแต่ละปี คาดว่าในเดือนต่อไปราคาจะแข็งตัวสูงขึ้นตามวงจรผลผลิต
จากการที่ราคาแข็งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 3 แสนคน มีผลตอบแทนหรือรายได้สุทธิทั้งหมด 4,817 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 16,056 บาท ซี่งในปีที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกข้าวโพดมูลค่า 348 ล้านบาท ปีนี้ถึงเดือนสิงหาคม ส่งออกไปแล้ว 459 ล้านบาท สูงขึ้น 32% ขณะเดียวกันก็มีการนำเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่าปี 2548 นำเข้ามูลค่า 149 ล้านบาท ปีนี้ถึงเดือนสิงหาคม นำเข้ามาแล้ว 241 ล้านบาท จากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ นายพินิจกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-