1. ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรม
ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2548 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.8 โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 4.1 และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 5.7 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีความต้องการลดลงค่อนข้างมากสาเหตุจากปัจจัยลบต่างๆ เช่นราคาน้ำมันที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยในประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์การก่อการร้ายและความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดของไทยและในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปีความกังวลจากปัจจัยต่างๆเริ่มผ่อนคลายลง ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์และConsumer Electronic ของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
การส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าไทยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.55 โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สำคัญๆส่วนใหญ่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระดับที่น่าพอใจ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เตารีด และเตาอบไมโครเวป เป็นต้น ในขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.22 ผลจากสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ IC
ดังนั้นคาดว่าภาวการณ์ผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2548 ทั้งปีโดยรวมน่าจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มได้เล็กน้อยจากปี 2547 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0-3 ส่วนการส่งออกทั้งปีคาดว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระดับร้อยละ 7-10 ผลจากการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท และการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2549 คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะสามารถส่งออกได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.0 จากปี 2548
อุตสาหกรรมไฟฟ้าปี 2548 และ 2549
อุตสาหกรรมไฟฟ้า ในปี 2548 คาดว่าจะยังคงทรงตัวหรืออาจปรับเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญๆยังคงทรงตัว ประกอบกับสถานการณ์ที่สำคัญๆ เช่น ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ การขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้ความต้องการของตลาดไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดการณ์ไว้ สำหรับการส่งออกของไทยในปี 2548 คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 5.6 แสนล้านบาท เติบโตร้อยละ 3.4 จากปี 2547 ซึ่งเป็นการเติบโตในส่วนของเครื่องรับโทรทัศน์ประมาณร้อยละ 8.0 และตู้เย็นประมาณร้อยละ 22.0 ในขณะที่การส่งออกหลอดภาพโทรทัศน์ลดลงมากถึงเกือบร้อยละ 50 เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกโดยรวมลดลง รวมถึงราคาที่ลดลงของหลอดภาพ LCD และ Plasma ทำให้สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของจอ CRT ได้เพิ่มขึ้น
ภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2549 ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร การที่สินค้าจากประเทศจีนได้เข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยในตลาดหลักๆมากขึ้น เนื่องจากมีราคาถูก ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนไปใช้ระบบสัญญาณดิจิทัลซึ่งหากผู้ผลิตในประเทศไทยไม่สามารถปรับแผนการผลิตได้ทันก็อาจสูญเสียตลาดในส่วนนี้ไปอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกต่อการส่งออกของไทยคือมีบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่บางรายได้มีการย้ายฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จึงคาดว่าในปี 2549 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีการเติบโตประมาณร้อยละ 5-7 จากปี 2548 (ประมาณ 6 แสนล้านบาท)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปี 2548 และ 2549
Hard disk drive เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตในปี 2548 สูงถึงร้อยละ 30 ภายหลังจากที่ภาครัฐได้ออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง ประกอบกับการเติบโตของอุตสาหกรรม IT ในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับในปี 2549 คาดว่าอุตสาหกรรมจะยังเติบโตในอัตราสูงถึงร้อยละ 18
การผลิต IC คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ถึงร้อยละ 6-9 เนื่องจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกได้มีการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินและสินค้าคงคลังได้เรียบร้อยแล้วประกอบกับการเติบโตของตลาดในกลุ่ม Consumer electronic และ Flash Memory ส่งผลให้คาดว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกในปี 2549 จะเติบโตถึงร้อยละ 9.0 อย่างไรก็ตามการเติบโตของไทยก็ยังต้องจับตาไปที่คู่แข่งขันสำคัญคือ จีน ซึ่งสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกและคาดว่าจะมีอัตราเติบโตถึงปี 2010 ถึงเกือบร้อยละ 19 ต่อปี นอกจากนี้ประเทศอินเดียก็มีการเติบโตของอุตสาหรรมนี้สูงมากถึงประมาณร้อยละ 23 ต่อปี
ในด้านการส่งออกคาดว่า ปี 2548 จะมีมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 8.7 แสนล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.1 และคาดว่าในปี 2549 มูลค่าการส่งออกจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึง 9.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เปรียบเทียบกับปี 2548
สินค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการส่งออกสูงได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Hard Disk drive และส่วนประกอบที่คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 5 แสนล้านบาทขยายตัวสูงถึงร้อยละ 18.0 รองลงมาคือ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 2.5 แสนล้านบาท
ปัจจัยที่ท้าทายต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปี 2549
Supply chain ในประเทศจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับระบบ Green Procurement และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรฐานของโลก เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (WEEE) และระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (RoHs) ของ EU เป็นต้น
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบและเทคโนโลยีของสินค้าให้สูงขึ้นทดแทนส่วนแบ่งที่สูญเสียให้กับสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน
ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดใหม่ๆในภูมิภาคต่างๆกับประเทศคู่แข่งมากขึ้น
ภาครัฐจำเป็นต้องส่งเสริมให้มี Value Creation ในประเทศที่สูงขึ้น โดยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตลอดสายโซ่อุปทานอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่นอุตสาหกรรม IC, Electronic Manufacturing Service (EMS) , อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2548 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.8 โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 4.1 และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 5.7 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีความต้องการลดลงค่อนข้างมากสาเหตุจากปัจจัยลบต่างๆ เช่นราคาน้ำมันที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยในประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์การก่อการร้ายและความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดของไทยและในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปีความกังวลจากปัจจัยต่างๆเริ่มผ่อนคลายลง ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์และConsumer Electronic ของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
การส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าไทยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.55 โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สำคัญๆส่วนใหญ่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระดับที่น่าพอใจ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เตารีด และเตาอบไมโครเวป เป็นต้น ในขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.22 ผลจากสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ IC
ดังนั้นคาดว่าภาวการณ์ผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2548 ทั้งปีโดยรวมน่าจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มได้เล็กน้อยจากปี 2547 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0-3 ส่วนการส่งออกทั้งปีคาดว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระดับร้อยละ 7-10 ผลจากการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท และการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2549 คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะสามารถส่งออกได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.0 จากปี 2548
อุตสาหกรรมไฟฟ้าปี 2548 และ 2549
อุตสาหกรรมไฟฟ้า ในปี 2548 คาดว่าจะยังคงทรงตัวหรืออาจปรับเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญๆยังคงทรงตัว ประกอบกับสถานการณ์ที่สำคัญๆ เช่น ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ การขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้ความต้องการของตลาดไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดการณ์ไว้ สำหรับการส่งออกของไทยในปี 2548 คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกประมาณ 5.6 แสนล้านบาท เติบโตร้อยละ 3.4 จากปี 2547 ซึ่งเป็นการเติบโตในส่วนของเครื่องรับโทรทัศน์ประมาณร้อยละ 8.0 และตู้เย็นประมาณร้อยละ 22.0 ในขณะที่การส่งออกหลอดภาพโทรทัศน์ลดลงมากถึงเกือบร้อยละ 50 เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกโดยรวมลดลง รวมถึงราคาที่ลดลงของหลอดภาพ LCD และ Plasma ทำให้สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของจอ CRT ได้เพิ่มขึ้น
ภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2549 ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร การที่สินค้าจากประเทศจีนได้เข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยในตลาดหลักๆมากขึ้น เนื่องจากมีราคาถูก ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนไปใช้ระบบสัญญาณดิจิทัลซึ่งหากผู้ผลิตในประเทศไทยไม่สามารถปรับแผนการผลิตได้ทันก็อาจสูญเสียตลาดในส่วนนี้ไปอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกต่อการส่งออกของไทยคือมีบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่บางรายได้มีการย้ายฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จึงคาดว่าในปี 2549 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีการเติบโตประมาณร้อยละ 5-7 จากปี 2548 (ประมาณ 6 แสนล้านบาท)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปี 2548 และ 2549
Hard disk drive เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตในปี 2548 สูงถึงร้อยละ 30 ภายหลังจากที่ภาครัฐได้ออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง ประกอบกับการเติบโตของอุตสาหกรรม IT ในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับในปี 2549 คาดว่าอุตสาหกรรมจะยังเติบโตในอัตราสูงถึงร้อยละ 18
การผลิต IC คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ถึงร้อยละ 6-9 เนื่องจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกได้มีการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินและสินค้าคงคลังได้เรียบร้อยแล้วประกอบกับการเติบโตของตลาดในกลุ่ม Consumer electronic และ Flash Memory ส่งผลให้คาดว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกในปี 2549 จะเติบโตถึงร้อยละ 9.0 อย่างไรก็ตามการเติบโตของไทยก็ยังต้องจับตาไปที่คู่แข่งขันสำคัญคือ จีน ซึ่งสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกและคาดว่าจะมีอัตราเติบโตถึงปี 2010 ถึงเกือบร้อยละ 19 ต่อปี นอกจากนี้ประเทศอินเดียก็มีการเติบโตของอุตสาหรรมนี้สูงมากถึงประมาณร้อยละ 23 ต่อปี
ในด้านการส่งออกคาดว่า ปี 2548 จะมีมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 8.7 แสนล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.1 และคาดว่าในปี 2549 มูลค่าการส่งออกจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึง 9.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เปรียบเทียบกับปี 2548
สินค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการส่งออกสูงได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Hard Disk drive และส่วนประกอบที่คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 5 แสนล้านบาทขยายตัวสูงถึงร้อยละ 18.0 รองลงมาคือ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 2.5 แสนล้านบาท
ปัจจัยที่ท้าทายต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปี 2549
Supply chain ในประเทศจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับระบบ Green Procurement และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรฐานของโลก เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (WEEE) และระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (RoHs) ของ EU เป็นต้น
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบและเทคโนโลยีของสินค้าให้สูงขึ้นทดแทนส่วนแบ่งที่สูญเสียให้กับสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน
ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดใหม่ๆในภูมิภาคต่างๆกับประเทศคู่แข่งมากขึ้น
ภาครัฐจำเป็นต้องส่งเสริมให้มี Value Creation ในประเทศที่สูงขึ้น โดยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตลอดสายโซ่อุปทานอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่นอุตสาหกรรม IC, Electronic Manufacturing Service (EMS) , อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-