ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ไม่ขัดข้องกรณี ธ.ไทยธนาคารขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกองทุนจากสหรัฐฯ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ กล่าวถึงกรณีที่ ธ.ไทยธนาคารขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกองทุนของสหรัฐฯ ว่า กองทุนฟื้นฟูฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ขัดข้องกับ
การซื้อขายหุ้นดังกล่าว เพราะการขายหุ้นดังกล่าวเป็นไปเพื่อการเพิ่มทุนซึ่งเป็นความจำเป็น ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยธนาคาร เปิดเผย
ว่า คณะกรรมการธนาคารมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียน 9,400 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ 940 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท แบบเฉพาะเจาะจง
ให้ TPG New Bridge กองทุนจากสหรัฐฯ สัดส่วนไม่เกิน 24.99% ซึ่งภายหลังเพิ่มทุนจะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) เพิ่มเป็น
12% จากปัจจุบัน 9.6% ทั้งนี้ ขั้นตอนต่างๆ จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นให้ TPG ประมาณ
5,000-7,000 ล.บาท และหลังจาก TPG เข้าถือหุ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯ เหลือประมาณ 30% จากปัจจุบัน 48.98%
แต่ยังคงฐานะธนาคารของคนไทย เนื่องจากธนาคารจะยื่นขอผ่อนผันให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในธนาคารได้เกิน 25% ต่อ ธปท. เช่นเดียวกับกรณี
การเข้าไปถือหุ้นของกลุ่ม จีอีใน ธ.กรุงศรีอยุธยา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, ข่าวสด, มติชน)
2. คปน.ยุติภารกิจตั้งแต่ 1 ต.ค.49 เป็นต้นไป นายทำนอง ดาศรี ผู้อำนวยการฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลงานของคณะกรรมการส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ปี 2541-สิ้น มิ.ย.49 หรือประมาณ 8 ปี ได้มีการ
เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จรวมกันแล้ว 11,655 ราย รวมมูลหนี้ 1.5 ล้านล้านบาท หรือเจรจาสำเร็จประมาณ 80% ของจำนวนราย
ลูกหนี้ โดยยังมีลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จ 2,995 ราย มูลหนี้ 425,396 ล้านบาท ทั้งนี้ คปน.สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ผล
เป็นที่น่าพอใจ ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลดลงถึง 6 เท่าเหลือ 484,266 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.22% ของสินเชื่อรวม ดังนั้น
ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 คปน.จะยุติภารกิจการปรับโครงสร้างหนี้ หากลูกหนี้ที่ต้องการเจรจาสามารถติดต่อเจ้าหนี้ได้โดยตรง หรือศูนย์ไกลเกลี่ยข้อ
พิพาทของศาลทั่วประเทศ และสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ทั่วประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
3. ธ.กรุงศรีอยุธยาขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่จีอีมันนี่จำนวน 25.4% ของทุนจดทะเบียน นายกฤตย์ รัตนรักษ์
ประธานกรรมการ ธ.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามในข้อตกลงที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงแก่ จีอี มันนี่ จำนวน 25.4%
ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว หลังการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ ธ.กรุงศรีอยุธยา ในราคาหุ้นละ 16 บาท คิดเป็น
จำนวนเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท (ประมาณ 600 ล.ดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งการขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวได้รับอนุมัติจาก ธปท. และ ก.คลัง
และธนาคารได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อยแล้ว (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การใช้จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 29 ส.ค.49 Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมที่
แท้จริงของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี ซึ่งลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.8 และนับเป็น
การลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 หลังจากที่เดือน มิ.ย.49 ลดลงร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) และหากเทียบต่อเดือนการใช้
จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมลดลงร้อยละ 1.7 โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเฉลี่ยในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ 292,328 เยนต่อคน (2,494 ดอลลาร์
สรอ.ต่อคน) สำหรับการใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนที่มีรายได้ประเภทค่าจ้างในเดือน ก.ค.49 ก็ลดลงร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบจากเดือนเดียวกัน
ของปีก่อน (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ร้อยละ 4.1 ลดลงจากเดือน มิ.ย.49 รายงานจากโตเกียว เมื่อ
29 ส.ค.49 ก.กิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานอัตราการว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ร้อยละ
4.1 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ในเดือน พ.ค.49 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้เป็นผลจากการ
ขยายตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจ และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลังจากที่ธุรกิจส่วนใหญ่ปรับลดจำนวนพนักงานจากการปรับโครงสร้างองค์กรไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ สัญญาณที่แสดงว่าการจ้างงานดีขึ้นอาจดูได้จากอัตราส่วนตำแหน่งงานว่างที่มีอยู่ต่อจำนวนผู้สมัครที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.09 อยู่ในระดับสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน มิ.ย.35 ซึ่งมีความหมายว่ามีงานจำนวน 109 ตำแหน่งต่อจำนวนผู้หางานทำ 100 คน โดยอัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.08 ในเดือน มิ.ย.49
นอกจากนี้จำนวนคนมีงานทำเมื่อเทียบต่อปียังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน ในขณะที่จำนวนคนว่างงานก็ลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ทั้งนี้
เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 หลังจากขยายตัวร้อยละ 0.7 ในไตรมาสแรก (รอยเตอร์)
3. จีนควรหลีกเลี่ยงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 49 ผลการสำรวจโดยนักวิชาการของ
จีนคาดว่า จีนอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหากการลงทุนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนไม่ควรปรับเพิ่มมากจนเกินไป
เพราะอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินหยวน ทั้งนี้ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารตลาดหลักทรัพย์สอดคล้องกับผลการสำรวจโดย นักวิชาการว่าการดำเนิน
นโยบายการเงินของจีนจำเป็นต้องเน้นค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ที่ผ่านมา ธ.กลางจีนปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่
18 ส.ค. นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือนเพื่อควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อ และการลงทุนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่มีสัญญานบ่งชี้ว่าการ
ลงทุนในเดือน ก.ค. ชะลอลงภายหลังจากที่ทางการจีนดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่ง นักวิชาการกล่าวว่าทางการควรที่จะใช้
นโยบายการเงินเป็นเครื่องมือควบคู่ไปกับการกำเนินนโยบายอื่นๆ อาทิการเพิ่มอัตราส่วนทุนสำรองของ ธพ. เพื่อควบคุมสภาพคล่องส่วนเกินใน
ระบบธพ. ซึ่งการดำเนินนโยบายทางการเงินที่สำคัญในระยะยาวควรที่จะรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนและปกป้องการเก็งกำไรจากค่าเงินหยวน
รวมทั้งมาตรการควบคุมโครงการลงทุนต่างๆเนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ส่งผลให้การลงทุนชะลอลง
(รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือน ก.ค.49 จะลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเลข
ตามฤดูกาลแล้วของเกาหลีใต้เดือน ก.ค.49 จะขยายตัวร้อยละ 3.6 จากเดือน มิ.ย.49 ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน
ก.พ.49 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 โดยมีสาเหตุจากการหยุดงานประท้วงของคนงานในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ยาวนานกว่า 1 เดือน ซึ่งผลผลิต
จากโรงงานผลิตรถยนต์ทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดของเกาหลีใต้ รวมทั้งปัญหาจากฝนที่ตกลงมา
อย่างหนักจนส่งผลกระทบต่อการผลิตของบางภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลได้ร่างแผนการใช้จ่าย งปม.พิเศษเพื่อช่วยเหลือความเสียหายจากฝนตกหนัก
ในครั้งนี้แล้ว ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ก.คลังของเกาหลีใต้ได้ออกมาเตือนว่าอัตราการเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค. จะลดลง
แต่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะสมดุลได้ในเดือน ส.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าความช่วยเหลือจากภาครัฐและสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจะทำให้มี
การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อนึ่ง สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้จะเผยแพร่ตัวเลขผลผลิตภาค
อุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ พร้อมกับตัวเลขการค้าปลีกและค้าส่งด้วย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ส.ค. 49 28 ส.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.684 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.5049/37.7977 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1175 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.07/6.40 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 11,050/11,150 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 65.97 67.08 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ส.ค. 49 28.99*/27.54 28.99*/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ไม่ขัดข้องกรณี ธ.ไทยธนาคารขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกองทุนจากสหรัฐฯ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ กล่าวถึงกรณีที่ ธ.ไทยธนาคารขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกองทุนของสหรัฐฯ ว่า กองทุนฟื้นฟูฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ขัดข้องกับ
การซื้อขายหุ้นดังกล่าว เพราะการขายหุ้นดังกล่าวเป็นไปเพื่อการเพิ่มทุนซึ่งเป็นความจำเป็น ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยธนาคาร เปิดเผย
ว่า คณะกรรมการธนาคารมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียน 9,400 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ 940 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท แบบเฉพาะเจาะจง
ให้ TPG New Bridge กองทุนจากสหรัฐฯ สัดส่วนไม่เกิน 24.99% ซึ่งภายหลังเพิ่มทุนจะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) เพิ่มเป็น
12% จากปัจจุบัน 9.6% ทั้งนี้ ขั้นตอนต่างๆ จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นให้ TPG ประมาณ
5,000-7,000 ล.บาท และหลังจาก TPG เข้าถือหุ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯ เหลือประมาณ 30% จากปัจจุบัน 48.98%
แต่ยังคงฐานะธนาคารของคนไทย เนื่องจากธนาคารจะยื่นขอผ่อนผันให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในธนาคารได้เกิน 25% ต่อ ธปท. เช่นเดียวกับกรณี
การเข้าไปถือหุ้นของกลุ่ม จีอีใน ธ.กรุงศรีอยุธยา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, ข่าวสด, มติชน)
2. คปน.ยุติภารกิจตั้งแต่ 1 ต.ค.49 เป็นต้นไป นายทำนอง ดาศรี ผู้อำนวยการฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลงานของคณะกรรมการส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ปี 2541-สิ้น มิ.ย.49 หรือประมาณ 8 ปี ได้มีการ
เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จรวมกันแล้ว 11,655 ราย รวมมูลหนี้ 1.5 ล้านล้านบาท หรือเจรจาสำเร็จประมาณ 80% ของจำนวนราย
ลูกหนี้ โดยยังมีลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จ 2,995 ราย มูลหนี้ 425,396 ล้านบาท ทั้งนี้ คปน.สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ผล
เป็นที่น่าพอใจ ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลดลงถึง 6 เท่าเหลือ 484,266 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.22% ของสินเชื่อรวม ดังนั้น
ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 คปน.จะยุติภารกิจการปรับโครงสร้างหนี้ หากลูกหนี้ที่ต้องการเจรจาสามารถติดต่อเจ้าหนี้ได้โดยตรง หรือศูนย์ไกลเกลี่ยข้อ
พิพาทของศาลทั่วประเทศ และสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ทั่วประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
3. ธ.กรุงศรีอยุธยาขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่จีอีมันนี่จำนวน 25.4% ของทุนจดทะเบียน นายกฤตย์ รัตนรักษ์
ประธานกรรมการ ธ.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามในข้อตกลงที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงแก่ จีอี มันนี่ จำนวน 25.4%
ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว หลังการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ ธ.กรุงศรีอยุธยา ในราคาหุ้นละ 16 บาท คิดเป็น
จำนวนเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท (ประมาณ 600 ล.ดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งการขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวได้รับอนุมัติจาก ธปท. และ ก.คลัง
และธนาคารได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อยแล้ว (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การใช้จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 29 ส.ค.49 Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมที่
แท้จริงของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี ซึ่งลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.8 และนับเป็น
การลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 หลังจากที่เดือน มิ.ย.49 ลดลงร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) และหากเทียบต่อเดือนการใช้
จ่ายภาคครัวเรือนโดยรวมลดลงร้อยละ 1.7 โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเฉลี่ยในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ 292,328 เยนต่อคน (2,494 ดอลลาร์
สรอ.ต่อคน) สำหรับการใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนที่มีรายได้ประเภทค่าจ้างในเดือน ก.ค.49 ก็ลดลงร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบจากเดือนเดียวกัน
ของปีก่อน (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ร้อยละ 4.1 ลดลงจากเดือน มิ.ย.49 รายงานจากโตเกียว เมื่อ
29 ส.ค.49 ก.กิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานอัตราการว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่ร้อยละ
4.1 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ในเดือน พ.ค.49 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้เป็นผลจากการ
ขยายตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจ และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลังจากที่ธุรกิจส่วนใหญ่ปรับลดจำนวนพนักงานจากการปรับโครงสร้างองค์กรไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ สัญญาณที่แสดงว่าการจ้างงานดีขึ้นอาจดูได้จากอัตราส่วนตำแหน่งงานว่างที่มีอยู่ต่อจำนวนผู้สมัครที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.09 อยู่ในระดับสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน มิ.ย.35 ซึ่งมีความหมายว่ามีงานจำนวน 109 ตำแหน่งต่อจำนวนผู้หางานทำ 100 คน โดยอัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.08 ในเดือน มิ.ย.49
นอกจากนี้จำนวนคนมีงานทำเมื่อเทียบต่อปียังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน ในขณะที่จำนวนคนว่างงานก็ลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ทั้งนี้
เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 หลังจากขยายตัวร้อยละ 0.7 ในไตรมาสแรก (รอยเตอร์)
3. จีนควรหลีกเลี่ยงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 49 ผลการสำรวจโดยนักวิชาการของ
จีนคาดว่า จีนอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหากการลงทุนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนไม่ควรปรับเพิ่มมากจนเกินไป
เพราะอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินหยวน ทั้งนี้ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารตลาดหลักทรัพย์สอดคล้องกับผลการสำรวจโดย นักวิชาการว่าการดำเนิน
นโยบายการเงินของจีนจำเป็นต้องเน้นค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ที่ผ่านมา ธ.กลางจีนปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่
18 ส.ค. นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือนเพื่อควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อ และการลงทุนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่มีสัญญานบ่งชี้ว่าการ
ลงทุนในเดือน ก.ค. ชะลอลงภายหลังจากที่ทางการจีนดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่ง นักวิชาการกล่าวว่าทางการควรที่จะใช้
นโยบายการเงินเป็นเครื่องมือควบคู่ไปกับการกำเนินนโยบายอื่นๆ อาทิการเพิ่มอัตราส่วนทุนสำรองของ ธพ. เพื่อควบคุมสภาพคล่องส่วนเกินใน
ระบบธพ. ซึ่งการดำเนินนโยบายทางการเงินที่สำคัญในระยะยาวควรที่จะรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนและปกป้องการเก็งกำไรจากค่าเงินหยวน
รวมทั้งมาตรการควบคุมโครงการลงทุนต่างๆเนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ส่งผลให้การลงทุนชะลอลง
(รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือน ก.ค.49 จะลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเลข
ตามฤดูกาลแล้วของเกาหลีใต้เดือน ก.ค.49 จะขยายตัวร้อยละ 3.6 จากเดือน มิ.ย.49 ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน
ก.พ.49 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 โดยมีสาเหตุจากการหยุดงานประท้วงของคนงานในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ยาวนานกว่า 1 เดือน ซึ่งผลผลิต
จากโรงงานผลิตรถยนต์ทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดของเกาหลีใต้ รวมทั้งปัญหาจากฝนที่ตกลงมา
อย่างหนักจนส่งผลกระทบต่อการผลิตของบางภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลได้ร่างแผนการใช้จ่าย งปม.พิเศษเพื่อช่วยเหลือความเสียหายจากฝนตกหนัก
ในครั้งนี้แล้ว ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ก.คลังของเกาหลีใต้ได้ออกมาเตือนว่าอัตราการเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค. จะลดลง
แต่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะสมดุลได้ในเดือน ส.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าความช่วยเหลือจากภาครัฐและสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจะทำให้มี
การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อนึ่ง สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้จะเผยแพร่ตัวเลขผลผลิตภาค
อุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ พร้อมกับตัวเลขการค้าปลีกและค้าส่งด้วย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ส.ค. 49 28 ส.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.684 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.5049/37.7977 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1175 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.07/6.40 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 11,050/11,150 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 65.97 67.08 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ส.ค. 49 28.99*/27.54 28.99*/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--