กรุงเทพ--2 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
ออสเตรเลีย ...........ระยะนี้สื่อมวลชนออสเตรเลียเสนอข่าวในด้านลบเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมตกแต่งของโรงพยาบาลในประเทศไทยอยู่เนืองๆ เนื่องจากกิจการผ่าตัดเสริมความงามในออสเตรเลียถูกกระทบอย่างมาก เพราะชาวออสเตรเลียนิยมเดินทางมาทำศัลยกรรมในประเทศไทย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการผ่าตัดในออสเตรเลียสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์จึงส่งข่าวนี้มาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยว่า น.ส.พ. เดอะ เดลี่ เทเลกราฟรายงานว่าคนไข้ชาวออสซี่ที่มาทำศัลยกรรมพลาสติกในโรงพยาบาลเอกชนระดับห้าดาวในกทม. และมีปัญหาหลังการผ่าตัดได้มาขอร้องให้ศัลยแพทย์ชาวออสเตรเลียช่วยแก้ไข และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแก้ไขเป็นเงินจำนวนมาก และว่าคนไข้ที่เดินทางไปทำศัลยกรรมราคาถูกในต่างประเทศมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ หากเกิดผิดพลาดก็แก้ไขยาก อีกทั้งคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าศัลยแพทย์ในต่างประเทศมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ผู้เขียนขอแก้ข่าวแทนโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในกทม. ณ ที่นี้เลยว่า ศัลยแพทย์ในเมืองไทยมีความเชี่ยวชาญและมีฝีมือระดับมาตรฐานสากล ขนาดรายการ 60 Minutes ยังนำไปเผยแพร่ออกอากาศทั่วสหรัฐฯ และมีชาวอเมริกันและยุโรปนิยมมารับการรักษาพยาบาลและผ่าตัดเสริมความงามในประเทศไทยมากขึ้น แสดงว่าศัลยแพทย์ไทยได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากชาวตะวันตก
สิงคโปร์ ............. ประโยชน์ของการจัดนิทรรศการในโครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ ครบรอบ 40 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ไม่ได้จบเพียงแค่การนำนิทรรศการชุดนี้ไปแสดงครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ที่ห้องบอลรูมของโรงแรมแชงกริล่าในสิงคโปร์ ซึ่งมีคณะทูตานุทูต บุคคลสำคัญในภาครัฐและธุรกิจของสิงคโปร์เข้าชมจำนวนประมาณ 500 คนเท่านั้น แต่เพื่อให้สาธารณชนและเยาวชนในสิงคโปร์ได้ศึกษาเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการของความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเกินกว่า 100 ปี สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์จะนำนิทรรศการชุดนี้ไปจัดแสดงตามสถานศึกษาและสถานที่ราชการในสิงคโปร์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2549 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังที่สนใจประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ โดยเฉพาะการเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในปี ค.ศ. 1871 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพัฒนาการและใกล้ชิดมากขึ้นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน ไทยและสิงคโปร์เป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และหลากหลายในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งการติดต่อไปมาหาสู่ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ
มาเลเซีย ............ข่าวในด้านดีเกี่ยวกับไทยในหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ของมาเลเซีย ซึ่งผู้อ่านหลายคนในประเทศไทยยังไม่ทราบ คือ ข่าวเกี่ยวกับการส่งเสริมข้าวหอมมะลิไทยที่รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้เป็นสินค้าที่มีระดับ เพราะมีราคาถึงตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ข้าวธรรมดามีราคาเพียงตันละ 290 ดอลลาร์สหรัฐ จึงเชื่อว่าข้าวหอมมะลิไทยมีอนาคตที่สดใสและมีแนวโน้มการส่งออกที่ดี เพราะมีปัจจัยเสริมหลายประการ ได้แก่ อัตราการบริโภคข้าวในช่วง 10 ปีต่อไปนี้จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและอเมริกาใต้ ค่าใช้จ่ายในการสีข้าวของไทยมีราคาไม่สูงมากนัก และกระแสความนิยมในการบริโภคอาหารสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข้าวหอมมะลิเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติล้วนๆ จึงเข้ากับกระแสรักสุขภาพของประชากรในโลกได้เป็นอย่างดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ออสเตรเลีย ...........ระยะนี้สื่อมวลชนออสเตรเลียเสนอข่าวในด้านลบเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมตกแต่งของโรงพยาบาลในประเทศไทยอยู่เนืองๆ เนื่องจากกิจการผ่าตัดเสริมความงามในออสเตรเลียถูกกระทบอย่างมาก เพราะชาวออสเตรเลียนิยมเดินทางมาทำศัลยกรรมในประเทศไทย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการผ่าตัดในออสเตรเลียสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์จึงส่งข่าวนี้มาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยว่า น.ส.พ. เดอะ เดลี่ เทเลกราฟรายงานว่าคนไข้ชาวออสซี่ที่มาทำศัลยกรรมพลาสติกในโรงพยาบาลเอกชนระดับห้าดาวในกทม. และมีปัญหาหลังการผ่าตัดได้มาขอร้องให้ศัลยแพทย์ชาวออสเตรเลียช่วยแก้ไข และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแก้ไขเป็นเงินจำนวนมาก และว่าคนไข้ที่เดินทางไปทำศัลยกรรมราคาถูกในต่างประเทศมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ หากเกิดผิดพลาดก็แก้ไขยาก อีกทั้งคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าศัลยแพทย์ในต่างประเทศมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ผู้เขียนขอแก้ข่าวแทนโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในกทม. ณ ที่นี้เลยว่า ศัลยแพทย์ในเมืองไทยมีความเชี่ยวชาญและมีฝีมือระดับมาตรฐานสากล ขนาดรายการ 60 Minutes ยังนำไปเผยแพร่ออกอากาศทั่วสหรัฐฯ และมีชาวอเมริกันและยุโรปนิยมมารับการรักษาพยาบาลและผ่าตัดเสริมความงามในประเทศไทยมากขึ้น แสดงว่าศัลยแพทย์ไทยได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากชาวตะวันตก
สิงคโปร์ ............. ประโยชน์ของการจัดนิทรรศการในโครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ ครบรอบ 40 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ไม่ได้จบเพียงแค่การนำนิทรรศการชุดนี้ไปแสดงครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ที่ห้องบอลรูมของโรงแรมแชงกริล่าในสิงคโปร์ ซึ่งมีคณะทูตานุทูต บุคคลสำคัญในภาครัฐและธุรกิจของสิงคโปร์เข้าชมจำนวนประมาณ 500 คนเท่านั้น แต่เพื่อให้สาธารณชนและเยาวชนในสิงคโปร์ได้ศึกษาเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการของความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเกินกว่า 100 ปี สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์จะนำนิทรรศการชุดนี้ไปจัดแสดงตามสถานศึกษาและสถานที่ราชการในสิงคโปร์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2549 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังที่สนใจประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ โดยเฉพาะการเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในปี ค.ศ. 1871 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพัฒนาการและใกล้ชิดมากขึ้นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน ไทยและสิงคโปร์เป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และหลากหลายในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งการติดต่อไปมาหาสู่ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ
มาเลเซีย ............ข่าวในด้านดีเกี่ยวกับไทยในหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ของมาเลเซีย ซึ่งผู้อ่านหลายคนในประเทศไทยยังไม่ทราบ คือ ข่าวเกี่ยวกับการส่งเสริมข้าวหอมมะลิไทยที่รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้เป็นสินค้าที่มีระดับ เพราะมีราคาถึงตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ข้าวธรรมดามีราคาเพียงตันละ 290 ดอลลาร์สหรัฐ จึงเชื่อว่าข้าวหอมมะลิไทยมีอนาคตที่สดใสและมีแนวโน้มการส่งออกที่ดี เพราะมีปัจจัยเสริมหลายประการ ได้แก่ อัตราการบริโภคข้าวในช่วง 10 ปีต่อไปนี้จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและอเมริกาใต้ ค่าใช้จ่ายในการสีข้าวของไทยมีราคาไม่สูงมากนัก และกระแสความนิยมในการบริโภคอาหารสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข้าวหอมมะลิเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติล้วนๆ จึงเข้ากับกระแสรักสุขภาพของประชากรในโลกได้เป็นอย่างดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-