วันนี้ (18พย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปก) โดยเน้นถึงภารกิจ 4 ข้อ ได้แก่ การปฏิรูปการเมือง การสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ การแก้ไขการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียม และการสร้างหลักนิติธรรมให้เข้มแข็ง พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ว่า ถือเป็นการสร้างความเข้าใจที่ดีต่อต่างประเทศ เชื่อว่าสามารถทำให้ผู้นำของชาติต่างเข้าใจประเทศไทย ส่วนจะสัมฤทธิ์ผลตามภารกิจตามที่ประกาศหรือไม่ นายกฯจะต้องทำให้ภาครัฐเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันเหมือนกับที่นายกฯเข้าใจ และจะต้องนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง พร้อมจัดระดับความสำคัญของงานที่จะทำให้ชัดเจน ที่ผ่านมาการจัดลำดับของงานในรัฐบาลยังสับสนอยู่ เชื่อว่าถ้ามีการจัดลำดับความสำคัญของงานจะทำให้เกิดผลสำเร็จตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวปาฐกถาในงานครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยได้เตือน ป.ป.ช.ว่าเงินไม่สามารถซื้อชาติบ้านเมืองไม่ได้นั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำเตือนของพล.อ.เปรม เป็นความจริง เพราะสามารถพบเห็นและสัมผัสได้ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการซื้อนักการเมืองบางคน พรรคการเมืองบางพรรค รวมถึงมีกรรมการองค์กรอิสระจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมทำให้ไม่สามารถให้ความไว้วางใจได้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการซื้อคนในองค์กรอิสระจนทำให้ไม่มีความเป็นอิสระ ก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานในองค์กรอิสระไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระแสข่าวที่ว่าคนในรัฐบาลที่แล้วให้เงินเดือนแก่อดีต ส.ว.บางคนนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเงินสามารถซื้อชาติได้ พฤติกรรมการใช้เงินในลักษณะดังกล่าวในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดปัญหาลุกลามมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้น วิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่พล.อ.เปรม ได้กล่าวถึง ทุกภาคส่วนควรต้องช่วยกันดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยการแก้ไขที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการซื้อเสียงของนักการเมืองได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาทุจริตลดลงไปได้
นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนกรณีรัฐบาลได้การแต่งตั้งเพิ่มรัฐมนตรีใหม่ 2 ตำแหน่ง คือ นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายสมหมาย ภาษี เป็น รมช.คลัง นั้น คงเป็นการแต่งตั้งเข้าไปเสริมการทำงานของรัฐบาลที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่ แต่จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและวิธีการทำงาน แต่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีใหม่ทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถตามสายงานที่จะเข้าไปดูแลงาน อย่างไรก็ตาม อยากให้งานของรัฐมนตรีใหม่ควรต้องมีความชัดเจนในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาการทำงานที่สับสนในงานที่ต้องรับผิดชอบ ก่อให้เกิดความขลุกขลักในการทำงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 พ.ย. 2549--จบ--
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวปาฐกถาในงานครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยได้เตือน ป.ป.ช.ว่าเงินไม่สามารถซื้อชาติบ้านเมืองไม่ได้นั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำเตือนของพล.อ.เปรม เป็นความจริง เพราะสามารถพบเห็นและสัมผัสได้ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการซื้อนักการเมืองบางคน พรรคการเมืองบางพรรค รวมถึงมีกรรมการองค์กรอิสระจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมทำให้ไม่สามารถให้ความไว้วางใจได้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการซื้อคนในองค์กรอิสระจนทำให้ไม่มีความเป็นอิสระ ก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานในองค์กรอิสระไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระแสข่าวที่ว่าคนในรัฐบาลที่แล้วให้เงินเดือนแก่อดีต ส.ว.บางคนนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเงินสามารถซื้อชาติได้ พฤติกรรมการใช้เงินในลักษณะดังกล่าวในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดปัญหาลุกลามมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้น วิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่พล.อ.เปรม ได้กล่าวถึง ทุกภาคส่วนควรต้องช่วยกันดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยการแก้ไขที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการซื้อเสียงของนักการเมืองได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาทุจริตลดลงไปได้
นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนกรณีรัฐบาลได้การแต่งตั้งเพิ่มรัฐมนตรีใหม่ 2 ตำแหน่ง คือ นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายสมหมาย ภาษี เป็น รมช.คลัง นั้น คงเป็นการแต่งตั้งเข้าไปเสริมการทำงานของรัฐบาลที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่ แต่จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและวิธีการทำงาน แต่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีใหม่ทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถตามสายงานที่จะเข้าไปดูแลงาน อย่างไรก็ตาม อยากให้งานของรัฐมนตรีใหม่ควรต้องมีความชัดเจนในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาการทำงานที่สับสนในงานที่ต้องรับผิดชอบ ก่อให้เกิดความขลุกขลักในการทำงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 พ.ย. 2549--จบ--