ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. 3 ธนาคารรัฐได้รับความสนใจร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการ
กองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุน
ทั้งไทยและต่างชาติ สนใจจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนและต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 ธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใหญ่ทั้ง ธ.กรุงไทย
ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร โดยมีการว่าจ้างที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเงินเป็นตัวแทนเจรจาและขอข้อมูล ทั้งดำเนินการผ่านกองทุน
ฟื้นฟูฯ และเจรจาโดยตรงกับธนาคารเอง อย่างไรก็ตาม ก่อนสิ้นปีนี้จะมีอย่างน้อย 1 ธนาคาร โดยเฉพาะ ธ.ไทยธนาคารที่จะสามารถยุติการ
เจรจาและขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่ม TPG New-bridge จากสหรัฐฯ ได้ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ (ไทยโพสต์)
2. ก.คลังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปี 49 ขยายตัวใกล้เคียง 5% นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2549 และปี 2550 จะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดย
เฉพาะในปีนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในอัตราที่ใกล้เคียง 5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.5% เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกด้าน
สถานการณ์การเมืองที่นิ่งขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว อัตราเงินเฟ้อลดลง ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
อย่างรุนแรง (ไทยโพสต์)
3. คาดว่าปี 50 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 800 จุด นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ
บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SSEC เปิดเผยว่า ภายในต้นปี 2550 ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ
770-780 จุด และคาดว่าทั้งปีดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 800 จุดได้ เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลวางแผนว่าจะทำให้เกิด
การลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับทิศทางของ
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง จากภาวะเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่การชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อ
อุตสาหกรรมการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2 หมื่น ล.บาทต่อวัน จากไตรมาสที่ 4/49 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ
1.5-1.6 หมื่น ล.บาทต่อวัน เนื่องจากกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-4% เนื่องจาก
พฤติกรรมการลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนแบบกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ และหากมีปัจจัยเข้ามากระทบจะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงได้
(ผู้จัดการรายวัน)
4. ก.พาณิชย์เตรียมยกเลิกนโยบายเคาน์เตอร์เทรดและบาร์เตอร์เทรด นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการ รมว.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์เตรียมเสนอ ครม.เพื่อขอยกเลิกนโยบายการค้าต่างตอบแทน (เคาน์เตอร์เทรด) และการค้าแบบแลกเปลี่ยน
(บาร์เตอร์เทรด) ภายใน 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากกรมการค้าต่างประเทศเห็นว่ามีความยุ่งยาก ไม่สมประโยชน์ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่
จำเป็น โดยเจตนาเดิมต้องการที่จะผลักดันสินค้าเกษตรไปต่างประเทศ แต่เมื่อทำแล้วกลับมีปัญหาในการปฏิบัติจริง ขณะเดียวกัน ก.กลาโหมและ
ก.คลังได้มีหนังสือเห็นด้วยให้ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าว ส่วนกรณีที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว ก็ให้ทำต่อไปได้ แต่ต้องมีการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
(ข่าวสด)
5. กำไรสุทธิของ บจ.ในช่วง 9 เดือนแรกปี 49 เพิ่มขึ้น 0.95% จากปีก่อน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) จำนวน 499
บริษัท หรือ 96% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 521 บริษัท (รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำนวน 8 กองทุน) ได้ส่งงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่
30 ก.ย.49 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว โดยมีกำไรสุทธิรวมกัน 371,004 ล.บาท เพิ่มขึ้น 3,496 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.95% จากปีก่อนซึ่ง
มีกำไรสุทธิรวม 367,508 ล.บาท ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 49 ซึ่ง
ส่งผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น แต่บริษัทจดทะเบียนโดยรวมสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 4,000,617 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 21% (ผู้จัดการรายวัน
18, กรุงเทพธุรกิจ 18)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. บ้านสร้างใหม่ และคำขออนุญาตสร้างบ้านของสรอ. ในเดือน ต.ค. ลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 49
ก.พาณิชย์สรอ. เปิดเผยว่ายอดการสร้างบ้านในเดือน ต.ค.ลดลงอย่างมาก เนื่องจากบ้านสร้างใหม่ลดลงอยู่ที่ระดับ 1.486 ล้านหลังจาก
1.740 ล้านหลังในเดือน ก.ย. หรือลดลงร้อยล 14.6 ต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะมีจำนวน
1.690 ล้านหลัง ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ยอดการสร้างบ้านใหม่ลดลงร้อยละ 27.4 อยู่ที่ 2.046 ล้านหลัง เช่นเดียวกับคำขอ
อนุญาตสร้างบ้านซึ่งเป็นเครื่องชี้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการลดลงร้อยละ 6.3 อยู่ที่ 1.535 ล้านหลัง ลดลงจาก 1.638 ล้านหลังในเดือน
ก.ย. และอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 43 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าคำขออนุญาตสร้างบ้านในเดือน ต.ค.
จะลดลงอยู่ที่ 1.625 ล้านหลัง อย่างไรก็ตาม Mortgage Bankers Association รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าคำขอสินเชื่อจำนองบ้าน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ลดลง (รอยเตอร์)
2. เขตยูโรพลิกกลับเป็นได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ก.ย.49 จากราคาน้ำมันที่ถูกลง รายงานจากกรุงบรัสเซลส์
ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 17 พ.ย.49 Eurostat สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า 12 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร
ได้เปรียบดุลการค้า 2.0 พันล้านยูโร (2.56 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน ก.ย.49 พลิกสถานการณ์กลับจากที่ขาดดุล 5.4 พันล้านยูโร
ในเดือน ส.ค.49 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 2.5 พันล้านยูโร โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ถูกลงและการส่งออกที่ยังคง
เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตเทียบต่อปีของการส่งออกที่ยังไม่ได้ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 9 ในเดือน
ก.ย.49 จากร้อยละ 7 ในเดือน ส.ค.49 ส่วนการนำเข้าลดลงเหลือร้อยละ 9 จากร้อยละ 10 ทั้งนี้ ตัวเลขที่ปรับฤดูกาลแล้วของการส่งออก
ในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และการนำเข้าลดลงร้อยละ 0.1 อย่างไรก็ตาม พลังงานยังคงเป็นสินค้านำเข้าที่มีสัดส่วนสูงสุด ทำให้ยอด
ขาดดุลการค้าในหมวดพลังงานขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 168 พันล้านยูโร ในช่วงเดือน ม.ค. — ส.ค.49 จาก 124 พันล้านยูโร ในช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน อนึ่ง ในกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ เขตยูโรขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในช่วงเดือน ม.ค. — ส.ค. และขาดดุลการค้ากับรัสเซีย
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52 จากการนำเข้าสินค้าประเภทพลังงาน (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ร้อยละ 5.7 ต่อปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 20 พ.ย.49 เศรษฐกิจสิงคโปร์
ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ร้อยละ 5.7 ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน แต่ต่ำกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.8 ต่อปี และชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 8.2 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากความต้องการจากต่างประเทศซึ่ง
ส่งผลให้ภาคการผลิต การค้าส่งและการค้าปลีกขยายตัว และจากการที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ธ.กลางสิงคโปร์จึงใช้นโยบายการ
เงินที่ค่อนข้างเข้มงวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขยอดส่งออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีเมื่อเทียบต่อปี
จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ สรอ.ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของสิงคโปร์รองจากสหภาพยุโรป ก็ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจ
ในปี 50 จะชะลอตัวลง โดยผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 ลดลงจากประมาณการร้อยละ 7.7 ใน
ปี 49 เช่นเดียวกับรัฐบาลที่คาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะชะลอตัวลงโดยขยายตัวร้อยละ 4 ถึง 6 ต่อปี หลังจากขยายตัวร้อยละ 7.5 ถึง 8.0
ต่อปีในปี 49 (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้ส่งออกและนำเข้าในเดือน ต.ค.49 ลดลงจากที่รายงานเบื้องต้น ส่งผลให้ตัวเลขเกินดุลการค้าลดลง รายงานจากโซล
เมื่อ 17 พ.ย.49 กรมศุลกากรเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.49 เกาหลีใต้ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เทียบต่อปี อยู่ที่จำนวน
28.09 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (ภายหลังทบทวนตัวเลขแล้ว) ลดลงจากจำนวน 28.28 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 11.5 ที่รายงาน
เบื้องต้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย.49 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าภายหลังการทบทวนตัวเลขก็ลดลงอยู่ที่จำนวน 25.70 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือคิดเป็น
ร้อยละ 13.5 ลดลงเล็กน้อยจากที่รายงานเบื้องต้นที่จำนวน 25.74 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือร้อยละ 13.6 ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าลดลง
เหลือ 2.39 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 2.54 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ที่รายงานก่อนหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 พ.ย. 49 17 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.617 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4118/36.7076 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 733.92/15.05 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,650/10,750 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.97 54.97 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 49 25.69*/23.84 25.69*/23.84 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. 3 ธนาคารรัฐได้รับความสนใจร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการ
กองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุน
ทั้งไทยและต่างชาติ สนใจจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนและต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 ธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใหญ่ทั้ง ธ.กรุงไทย
ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร โดยมีการว่าจ้างที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเงินเป็นตัวแทนเจรจาและขอข้อมูล ทั้งดำเนินการผ่านกองทุน
ฟื้นฟูฯ และเจรจาโดยตรงกับธนาคารเอง อย่างไรก็ตาม ก่อนสิ้นปีนี้จะมีอย่างน้อย 1 ธนาคาร โดยเฉพาะ ธ.ไทยธนาคารที่จะสามารถยุติการ
เจรจาและขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่ม TPG New-bridge จากสหรัฐฯ ได้ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ (ไทยโพสต์)
2. ก.คลังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปี 49 ขยายตัวใกล้เคียง 5% นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2549 และปี 2550 จะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดย
เฉพาะในปีนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในอัตราที่ใกล้เคียง 5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.5% เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกด้าน
สถานการณ์การเมืองที่นิ่งขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว อัตราเงินเฟ้อลดลง ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
อย่างรุนแรง (ไทยโพสต์)
3. คาดว่าปี 50 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 800 จุด นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ
บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SSEC เปิดเผยว่า ภายในต้นปี 2550 ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ
770-780 จุด และคาดว่าทั้งปีดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 800 จุดได้ เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลวางแผนว่าจะทำให้เกิด
การลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับทิศทางของ
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง จากภาวะเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่การชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อ
อุตสาหกรรมการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2 หมื่น ล.บาทต่อวัน จากไตรมาสที่ 4/49 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ
1.5-1.6 หมื่น ล.บาทต่อวัน เนื่องจากกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-4% เนื่องจาก
พฤติกรรมการลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนแบบกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ และหากมีปัจจัยเข้ามากระทบจะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงได้
(ผู้จัดการรายวัน)
4. ก.พาณิชย์เตรียมยกเลิกนโยบายเคาน์เตอร์เทรดและบาร์เตอร์เทรด นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการ รมว.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์เตรียมเสนอ ครม.เพื่อขอยกเลิกนโยบายการค้าต่างตอบแทน (เคาน์เตอร์เทรด) และการค้าแบบแลกเปลี่ยน
(บาร์เตอร์เทรด) ภายใน 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากกรมการค้าต่างประเทศเห็นว่ามีความยุ่งยาก ไม่สมประโยชน์ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่
จำเป็น โดยเจตนาเดิมต้องการที่จะผลักดันสินค้าเกษตรไปต่างประเทศ แต่เมื่อทำแล้วกลับมีปัญหาในการปฏิบัติจริง ขณะเดียวกัน ก.กลาโหมและ
ก.คลังได้มีหนังสือเห็นด้วยให้ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าว ส่วนกรณีที่ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว ก็ให้ทำต่อไปได้ แต่ต้องมีการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
(ข่าวสด)
5. กำไรสุทธิของ บจ.ในช่วง 9 เดือนแรกปี 49 เพิ่มขึ้น 0.95% จากปีก่อน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) จำนวน 499
บริษัท หรือ 96% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 521 บริษัท (รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำนวน 8 กองทุน) ได้ส่งงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่
30 ก.ย.49 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว โดยมีกำไรสุทธิรวมกัน 371,004 ล.บาท เพิ่มขึ้น 3,496 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.95% จากปีก่อนซึ่ง
มีกำไรสุทธิรวม 367,508 ล.บาท ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 49 ซึ่ง
ส่งผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น แต่บริษัทจดทะเบียนโดยรวมสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 4,000,617 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 21% (ผู้จัดการรายวัน
18, กรุงเทพธุรกิจ 18)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. บ้านสร้างใหม่ และคำขออนุญาตสร้างบ้านของสรอ. ในเดือน ต.ค. ลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 49
ก.พาณิชย์สรอ. เปิดเผยว่ายอดการสร้างบ้านในเดือน ต.ค.ลดลงอย่างมาก เนื่องจากบ้านสร้างใหม่ลดลงอยู่ที่ระดับ 1.486 ล้านหลังจาก
1.740 ล้านหลังในเดือน ก.ย. หรือลดลงร้อยล 14.6 ต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะมีจำนวน
1.690 ล้านหลัง ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ยอดการสร้างบ้านใหม่ลดลงร้อยละ 27.4 อยู่ที่ 2.046 ล้านหลัง เช่นเดียวกับคำขอ
อนุญาตสร้างบ้านซึ่งเป็นเครื่องชี้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการลดลงร้อยละ 6.3 อยู่ที่ 1.535 ล้านหลัง ลดลงจาก 1.638 ล้านหลังในเดือน
ก.ย. และอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 43 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าคำขออนุญาตสร้างบ้านในเดือน ต.ค.
จะลดลงอยู่ที่ 1.625 ล้านหลัง อย่างไรก็ตาม Mortgage Bankers Association รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าคำขอสินเชื่อจำนองบ้าน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ลดลง (รอยเตอร์)
2. เขตยูโรพลิกกลับเป็นได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ก.ย.49 จากราคาน้ำมันที่ถูกลง รายงานจากกรุงบรัสเซลส์
ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 17 พ.ย.49 Eurostat สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า 12 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร
ได้เปรียบดุลการค้า 2.0 พันล้านยูโร (2.56 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน ก.ย.49 พลิกสถานการณ์กลับจากที่ขาดดุล 5.4 พันล้านยูโร
ในเดือน ส.ค.49 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 2.5 พันล้านยูโร โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ถูกลงและการส่งออกที่ยังคง
เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตเทียบต่อปีของการส่งออกที่ยังไม่ได้ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 9 ในเดือน
ก.ย.49 จากร้อยละ 7 ในเดือน ส.ค.49 ส่วนการนำเข้าลดลงเหลือร้อยละ 9 จากร้อยละ 10 ทั้งนี้ ตัวเลขที่ปรับฤดูกาลแล้วของการส่งออก
ในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และการนำเข้าลดลงร้อยละ 0.1 อย่างไรก็ตาม พลังงานยังคงเป็นสินค้านำเข้าที่มีสัดส่วนสูงสุด ทำให้ยอด
ขาดดุลการค้าในหมวดพลังงานขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 168 พันล้านยูโร ในช่วงเดือน ม.ค. — ส.ค.49 จาก 124 พันล้านยูโร ในช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน อนึ่ง ในกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ เขตยูโรขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในช่วงเดือน ม.ค. — ส.ค. และขาดดุลการค้ากับรัสเซีย
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52 จากการนำเข้าสินค้าประเภทพลังงาน (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ร้อยละ 5.7 ต่อปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 20 พ.ย.49 เศรษฐกิจสิงคโปร์
ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ร้อยละ 5.7 ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน แต่ต่ำกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.8 ต่อปี และชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 8.2 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากความต้องการจากต่างประเทศซึ่ง
ส่งผลให้ภาคการผลิต การค้าส่งและการค้าปลีกขยายตัว และจากการที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ธ.กลางสิงคโปร์จึงใช้นโยบายการ
เงินที่ค่อนข้างเข้มงวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขยอดส่งออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีเมื่อเทียบต่อปี
จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ สรอ.ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของสิงคโปร์รองจากสหภาพยุโรป ก็ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจ
ในปี 50 จะชะลอตัวลง โดยผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 ลดลงจากประมาณการร้อยละ 7.7 ใน
ปี 49 เช่นเดียวกับรัฐบาลที่คาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะชะลอตัวลงโดยขยายตัวร้อยละ 4 ถึง 6 ต่อปี หลังจากขยายตัวร้อยละ 7.5 ถึง 8.0
ต่อปีในปี 49 (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้ส่งออกและนำเข้าในเดือน ต.ค.49 ลดลงจากที่รายงานเบื้องต้น ส่งผลให้ตัวเลขเกินดุลการค้าลดลง รายงานจากโซล
เมื่อ 17 พ.ย.49 กรมศุลกากรเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.49 เกาหลีใต้ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เทียบต่อปี อยู่ที่จำนวน
28.09 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (ภายหลังทบทวนตัวเลขแล้ว) ลดลงจากจำนวน 28.28 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 11.5 ที่รายงาน
เบื้องต้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย.49 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าภายหลังการทบทวนตัวเลขก็ลดลงอยู่ที่จำนวน 25.70 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือคิดเป็น
ร้อยละ 13.5 ลดลงเล็กน้อยจากที่รายงานเบื้องต้นที่จำนวน 25.74 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือร้อยละ 13.6 ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าลดลง
เหลือ 2.39 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 2.54 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ที่รายงานก่อนหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 พ.ย. 49 17 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.617 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4118/36.7076 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 733.92/15.05 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,650/10,750 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.97 54.97 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 49 25.69*/23.84 25.69*/23.84 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--