กระทรวงการคลังขอเรียนว่า S&P’s ได้ประกาศแถลงข่าวผลการวิเคราะห์เครดิตของประเทศไทย ในวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2549 เวลาประมาณ 18.41 น. ตามเวลาประเทศไทย โดย S&P’s ได้ยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Long Term Credit Rating) อยู่ที่ระดับ BBB+ ซึ่ง S&P’s ได้ให้เหตุผลของการยืนยันระดับเครดิตดังกล่าวข้างต้นโดยสรุป ดังนี้
แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยยังไม่แน่ชัด ภายหลังการเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม S&P’s ให้ความเห็นว่าจะยังไม่กระทบต่อระดับเครดิตของประเทศในระยะสั้น แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองที่ชะงักงันยังคงยืดเยื้อต่อไปถึงปี 2550 อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยได้ในที่สุด เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อทัศนคติของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ S&P’s ยังให้ความเห็นอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับเครดิตของประเทศก็คือการชุมนุมของผู้ที่ต่อต้านการเมืองอย่างรุนแรงที่แผ่ขยายวงกว้าง อย่างไรก็ตาม S&P’s คาดว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งคาดว่าอาจทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวลง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลรักษาการคงไม่สามารถสร้างแรงจูงใจต่อการลงทุนจากต่างประเทศและการชะลอตัวของการลงทุนในโครงการพื้นฐานของภาครัฐจำนวน 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต สำหรับผลกระทบในระยะสั้น S&P’s เห็นว่าไม่รุนแรงและสามารถแก้ไขได้ ทั้งนี้ S&P’s เชื่อว่าจากการบริโภคของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะการส่งออกที่แข็งแกร่งของประเทศจะสามารถช่วยบรรเทาการชะลอการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 69/2549 20 กรกฎาคม 49--
แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยยังไม่แน่ชัด ภายหลังการเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม S&P’s ให้ความเห็นว่าจะยังไม่กระทบต่อระดับเครดิตของประเทศในระยะสั้น แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองที่ชะงักงันยังคงยืดเยื้อต่อไปถึงปี 2550 อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยได้ในที่สุด เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อทัศนคติของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ S&P’s ยังให้ความเห็นอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับเครดิตของประเทศก็คือการชุมนุมของผู้ที่ต่อต้านการเมืองอย่างรุนแรงที่แผ่ขยายวงกว้าง อย่างไรก็ตาม S&P’s คาดว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งคาดว่าอาจทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวลง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลรักษาการคงไม่สามารถสร้างแรงจูงใจต่อการลงทุนจากต่างประเทศและการชะลอตัวของการลงทุนในโครงการพื้นฐานของภาครัฐจำนวน 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต สำหรับผลกระทบในระยะสั้น S&P’s เห็นว่าไม่รุนแรงและสามารถแก้ไขได้ ทั้งนี้ S&P’s เชื่อว่าจากการบริโภคของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะการส่งออกที่แข็งแกร่งของประเทศจะสามารถช่วยบรรเทาการชะลอการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 69/2549 20 กรกฎาคม 49--