แท็ก
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ถามว่าปัญหาเรื่องงบประมาณนะครับ ก็ต้องบอกว่าเวลาที่รัฐบาลเข้ามาแล้วก็ยังไม่มีโอกาสกับงบประมาณ ก็คงจะมีข้อจำกัดบ้างในเรื่องของความคล่องตัวนะครับในการที่จะใช้ทรัพยากรให้ตรงกับนโยบายที่ได้ประกาศไว้นะครับ แล้วก็อันนี้ก็หมายความว่าก็ต้องรอตัวงบประมาณใหม่ที่จะเกิดขึ้นซึ่งเราก็หวังว่าจะออกมาได้ประมาณต้นปีนะครับ แต่ผมคิดว่าปัญหาของรัฐบาลในขณะนี้คงไม่ได้ไปอยู่ที่เรื่องงบประมาณเป็นหลัก นะครับ บางเรื่องก็อาจจะมีประเด็นในทางงบประมาณซึ่งก็ขอพูดไว้ 2 เรื่องก่อนที่อยากจะตั้งข้อสังเกต เรื่องแรกก็คือว่า
เรื่องโครงการหลักประกันสุขภาพ นะครับ เพราะว่าผมเองก็เป็นผู้ที่เสนอมาระยะหนึ่งว่า เลิกเก็บ 30 บาทได้นะครับ แต่ว่าก็ย้ำว่าการจัดงบประมาณเนี่ยต้องพอ ซึ่งก็คำนวนไว้ที่ประมาณคร่าว ๆ ก็ 2,000 บาท ต่อหัวต่อปี อาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย ที่นี้พอรัฐบาลตัดสินใจบอกว่าไม่เก็บ 30 บาทนะครับ แต่ยังลังเลคือเท่าที่ฟังดูก็คือว่าให้แค่ 1,800 กว่า ต่อหัว ปัญหามันจะไม่ได้รับการแก้ไข ที่จริงแล้วปัญหาตรงนี้เป็นปัญหาที่หนักกว่าเรื่องเก็บหรือไม่เก็บ 30 บาท นะครับ เพราะฉะนั้นกรณีอย่างนี้ก็อยากจะให้ทบทวนนะครับ ถ้าเป็นไปได้ เพราะว่าความไม่พอของงบประมาณคือที่มาของปัญหาที่มันสะสมมาทั้งหมด ซึ่งมันเป็นโครงการที่มีเป้าหมายที่ดีนะครับ แต่ว่าวิธีการที่หรืองบประมาณที่ไม่เพียงพอตรงนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหานะครับ
อีกทางหนึ่งถ้าหากว่าบอกว่าเงินมันไม่พอจริง ๆ ที่จะจัด 2,000 กว่าล้าน เพื่อให้ครอบคลุมให้ได้คน 46 ล้านคน ก็ควรจะต้องไปดูว่า จะปรับปรุงระบบประกันสังคมได้ไม๊ นะครับที่ผมเคยเสนอไว้ก็คือเรื่องเงินของประกันสังคมเนี่ย เพิ่มสิทธิ์ให้กับผู้ที่อยู่ในระบบด้วย แล้วก็ขณะเดียวกันขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมไปถึงคู่สมรส หรือคนในครอบครัว นะครับ ก็น่าจะทำให้การบริหารจัดการทั้งในส่วนของกองทุนประกันสังคม และในส่วนของโครงการหลักประกันสุขภาพ เป็นไปได้นะครับ อันนี้มันเป็นเรื่องของการบริหารที่ผมคิดว่าน่าจะทำได้ ส่วนที่สองที่ผมก็อยากจะเห็นทบทวนก็คือว่า การที่จะตั้งธงว่า พูดง่าย ๆ คือยอมแล้วว่าจัดงบให้เขาถึง 35 เปอร์เซนต์ไม่ได้ นะครับ
ผมยังอยากจะยืนยันหลักของการกระจายอำนาจนะครับแต่ว่า อาจจะหาวิธีการเฉพาะหน้าก็คือว่า ในบางเรื่องเนี่ยที่จะจัดงบประมาณให้ถึง 35 เปอร์เซนต์ เนี่ยต้องจัดในลักษณะของการยังมีเงื่อนไขอยู่นะครับ เพื่อให้ภารกิจบางอย่างที่ตั้งใจจะถ่ายโอนแต่ยังถ่ายโอนไปไม่ได้เนี่ย มันมีการรองรับ นะครับ ชัดเจน เช่นสมมติว่า อย่างที่ผ่านมาเนี่ยมีการโอนศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาลไปเนี่ยนะครับ ก็ต้องมีเงื่อนไขเลยว่าท้องถิ่นต้องใช้เงินไม่น้อยกว่าเท่านี้ในการสนับสนุนอย่างนี้เป็นต้นนะครับ แต่ว่าการบริหารจัดการ แล้วก็การตัดสินใจในรายละเอียดต่าง ๆ ท้องถิ่นก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นอย่างนี้เป็นเรื่องของมุมมองที่อาจจะแตกต่างกัน แต่ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาว่าการทำงานของรัฐบาลที่เป็นจุดที่อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือว่าคะแนนนิยมลดลงไม่ลดลงเนี่ยนะครับ คงไม่ใช่ตรงนั้นแต่ว่าผมมองปัญหาอย่างนี้มากกว่า ผมมองปัญหาขณะนี้ก็คือว่า รัฐบาลนี้เข้ามาเนี่ย จริงอยู่ตัวคณะรัฐมนตรีเองเนี่ยก็อาจจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารวันที่ 19 ท่านก็เข้ามาทำหน้าที่นะครับ บริหารบ้านเมืองตามคำเชิญของทางผู้เกี่ยวข้องนะครับ ทีนี้มันก็หนีไม่พ้นหรอกครับว่าภารกิจหลักจริง ๆ แล้วก็คือการดูแลบ้านเมืองเพื่อที่จะส่งคืนบ้านเมืองกลับให้ประชาชนในวิถีทางประชาธิปไตย
ผมคิดว่าความอึดอัด ความหงุดหงิดหรือความไม่พอใจที่อาจจะเพิ่มขึ้นบ้างของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล มันมาจากความรู้สึกว่า เอ๊ะภารกิจตรงนี้ มันชัดเจนหรือยังในความคิดของรัฐบาลและคมช. ในการที่ทำให้เกิดความกระจ่างนะครับ ก็ต้องทำ 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือที่พูดกันถึงว่าต้องชี้แจง 4 ข้ออะไรนี่นะครับ ไม่ใช่จะมาชี้แจงบอกว่าการปฎิวัติรัฐประหารชอบธรรม หรือไม่ชอบธรรม อันนั้นมันเป็นเรื่องของอุดมการณ์ใช่ไม๊ครับ แต่ว่าการชี้แจงเนี่ย แล้วก็ชี้แจงไม่ใช่แค่ว่าปัญหาก่อนวันที่ 19 มันคืออะไรแต่ว่าจะแก้ไขอย่างไรมันจะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจนะครับว่านี่คือสิ่งที่เป็นภารกิจของรัฐบาลชุดนี้จริง ๆ นะครับ เพราะว่าไม่อย่างนั้นแล้วเนี่ยการวิจารณ์เนี่ยมันก็จะไปติดอยู่กับเรื่องว่าเป็นเผด็จการ ไม่เป็นเผด็จการ นะครับ จะสืบทอดอำนาจ ไม่สืบทอดอำนาจ เป็นเรื่องการแย่งชิงอำนาจ ผลประโยชน์กันหรือไม่ถูกไม๊ครับ แต่ถ้าหากว่ารัฐบาลเนี่ยแสดงออกถึงความชัดเจนในภารกิจของการที่จะแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ก่อนวันที่ 19 และเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยเองนะฮะ ผมก็ยกตัวอย่างเช่น
1.อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีทำอยู่เรื่องภาคใต้เนี่ย ถูกต้องที่สุด ใช่ไม๊ครับ 2. วันนี้ก็ต้องบอกว่าท่านรองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เอาความจริงมาให้ประชาชนรับทราบในเรื่องของปัญหาของภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้ว อันนี้ก็ถูกต้อง แต่ว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะนะครับว่าปัญหาในเรื่องของการคุกคามสิทธิ เสรีภาพ ปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะจัดการกับการคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจต่าง ๆ เนี่ย อันนี้ต้องชัดนะครับ เราเห็นว่าอย่างเช่นกรณีของตำรวจ ปรากฎว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องของการปฏิรูปขึ้นมานะครับ กลับมีการต่อต้านอย่างรุนแรงจากทางตำรวจเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่ามันมีความจำเป็นที่จะทำอย่างไรให้คนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเริ่มต้นจากตำรวจ นะครับ แล้วก็หลักของการกระจายอำนาจก็ดีการมีส่วนร่วมก็ดีเนี่ย มันจะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดนะครับ
ผมก็อยากเห็นว่า แนวทางที่จะแสดงออกว่าเรามีเป้าหมายที่เดินชัดว่าภายใน 1 ปี กำลังจะไม่ใช่แค่คืนอำนาจถูกไม๊ครับแต่ต้องทำรากฐานประชาธิปไตยให้เข้มแข็งขึ้น ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรื่องของการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ในเรื่องของความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ อันนี้สำคัญ ที่นี้ในทางกลับกัน มันมีบางเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากซึ่งมันก็คืออีกด้านหนึ่งของเหรียญนะครับ เช่นปัญหาการแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ที่ถูกวิจารณ์ก็เพราะว่า อันนี้มันก็ทำให้คนไปตั้งข้อสังเกตว่าเอ๊ะ นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ไม๊ เป็นเรื่องอะไรไม๊ นะครับ ทีนี้ถ้าคำอธิบายบอกว่า มันเป็นเรื่องของความมั่นคง กับจะต้องเข้าไปสะสางการทุจริตนะครับ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ต้องรีบพูดให้ชัดเลยว่าในคณะในรัฐวิสาหกิจที่ท่านเข้าไปดูแลเนี่ย
สิ่งที่ท่านต้องการจะทำใน 2 เรื่องนี้ เพื่อดูแล 2 เรื่องนี้อย่างที่เป็นเหตุผลที่พูดเนี่ย มันคืออะไร นะครับ แล้วจะทำเสร็จเมื่อไหร่ แล้วก็อาจจะบอกว่าเนี่ยถ้าท่านทำเสร็จแล้ว ก็จะปรับให้มันเข้าสู่ภาวะปกติของการสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ไปไม่ให้เกิดข้อสงสัยนะฮะ แล้วก็วันนี้เนี่ย อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นมาก็จำเป็นต้องได้รับความกระจ่างโดยเร็วที่สุดก็คือกรณีที่ทางพรรคไทยรักไทยเขาร้อง ใช่ไม๊ครับว่า มีการไปคุกคาม อดีต สส. หรือว่ามีการไปใช้อิทธิพล นะครับ ผมก็ต้องบอกว่า อันนี้ต้องเอาข้อเท็จจริงออกมาให้ชัด แล้วก็ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมานะครับ ผมอยู่ในยุคทั้ง 2 ยุคนะครับ เวลาพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล แล้วก็ขณะนี้ก็เป็นรัฐบาลของ คมช. นะครับ กับรัฐบาลที่เข้ามาเฉพาะกาลเนี่ย ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนนะครับ ผมก็ไม่เห็นด้วยถ้าหากว่ามีพฤติกรรมอย่างนี้ ใช่ไม๊ครับ เหมือนกับที่เราพูดว่ายุคที่แล้วมันมีการอุ้มฆ่านะครับ ทั้งในภาคใต้ ทั้งฆ่าตัดตอน ทั้งชิปปิ้งหมู แล้วก็ผมก็บอกได้ว่าการคุกคามมันก็มีมาอยู่เป็นระยะ ๆ ในแง่ของการเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้มีอำนาจเนี่ย ยุคนี้มันก็ต้องไม่ให้มี นะครับ เพราะฉะนั้นรัฐบาลน่าจะต้องให้ความสำคัญในการที่จะทำความกระจ่างเรื่องนี้ คือถ้ามีเนี่ยต้องจัดการเด็ดขาดให้เห็นว่า ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้สนใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะมาให้คุณให้โทษเพื่อความได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมือง แต่ต้องการเข้ามารักษากฎหมาย นะครับ อะไรที่ถูกต้องก็ต้องรักษาไว้อะไรที่ผิดก็ต้องจัดการนะครับ ในขณะเดียวกันถ้าหากข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีเนี่ย ทางพรรคไทยรักไทยก็คงต้องรับผิดชอบ
ผู้ดำเนินรายการในส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีมั่งไม๊ล่ะคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์เรื่องการคุกคามใช่ไม๊ครับ ไม่มีครับ
ผู้ดำเนินรายการขอมาอยู่ฟรีกินฟรีอะไรนี่ไม่มีนะ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ไม่มีครับ แต่ว่าประเด็นของผมก็คือว่ามันคงไม่ใช่เรื่องว่าพรรคไหนเป็นพรรคไหน เกิดขึ้นกับใครก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ ผมก็เป็นคู่แข่งกับพรรคไทยรักไทยโดยตรง แต่ถ้ามีการกระทำอย่างนี้กับเขาก็ไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีการไปจัดการ
ผู้ดำเนินรายการภาพของอดีตนายกฯ ที่ไปปรากฎตัวตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็ดูเหมือนกับว่าจะใกล้ไทยมากขึ้นเนี่ยเป็นภาพที่ คมช. ควรจะหวั่นไหวหรือว่ารัฐบาลควรจะหวั่นไหว ถึงขนาดไปถอนพาสปอร์ตสีแดงไม๊ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ผมคิดว่าไม่ควรจะไปหวั่นไหว นะครับ แต่ขณะเดียวกันเนี่ยก็ต้องช่วยกันดูนะครับ ผมก็ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็มีนัยยะทางการเมืองอยู่นะครับ แม้กระทั่งพรรคไทยรักไทยที่ขณะนี้รักษาการหัวหน้าพรรคอาจจะบอกว่าไม่ไปชี้แจงอะไรเรื่องเกี่ยวกับคุณทักษิณ อะไรต่าง ๆ เนี่ยนะครับ แต่จริง ๆ แล้วทุกอย่างมันก็มีการ มันสอดคล้องกัน นะครับ มันสอดคล้องกัน เราก็ไปบอกไม่ได้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเดินทางอะไรต่าง ๆ นะครับ แต่ว่าก็ต้องระมัดระวังติดตามดูว่ามันมีอะไรที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายไม๊ นะครับ ขณะเดียวกันเนี่ย เรื่องหนังสือเดินทางเนี่ย ผมก็เข้าใจว่าเป็นสิทธิ หรือเป็นสิ่งซึ่งให้กันไว้
ปัญหาก็คือว่าเพิกถอนได้ไม๊ ก็ตอบว่าได้ถามว่าจะได้ในกรณีไหนก็คงจะต้องดูว่ามันมีเหตุผลหรือเปล่า นะครับ ทีนี้คนก็อาจจะติดใจเพราะว่า บางคนถามว่า ถ้าท่านนายกฯ บอกว่า เอ๊ะ ก็ท่านยังไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่ไม๊ฮะ ใช้คำนี้ ถ้ายังไม่ทำอะไรผิดเนี่ย ก็คงไปเรียกคืนไม่ได้ ก็มีคนวิจารณ์เหมือนกันบอกเอ๊ะ แล้วถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วมันทำไมถึงมีการยึดอำนาจอะไรต่าง ๆ มันก็ย้อนกลับมาเรื่องเดิมว่า ในที่สุดแล้วเนี่ย รัฐบาลกับคมช. ก็คงจะต้องเร่งรัดว่า ในข้อกล่าวหาทั้งหลายเนี่ย ตกลงมันเป็นอย่างไรนะครับ มันเป็นอย่างไร เพื่อเอาเรื่องจริงออกมา แล้วก็เพื่อมีการดำเนินการ พอมีการดำเนินการคราวนี้มันก็จะมีฐานมีเหตุผลรองรับ ในการกระทำเรื่องอื่น ๆ ส่วนความเหมาะสมของการใช้หนังสือเดินทางของหนังสือเดินทางทูตหรืออะไรนี่นะครับ อันนี้มันก็แล้วแต่บุคคลแล้วหล่ะครับ นะครับ อย่างเช่น หลาย ๆ ท่าน แล้วก็อย่างผมเนี่ย ถ้าเดินทางส่วนตัวเนี่ยก็จะไม่ใช้หนังสือเดินทางของราชการ ก็ใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา
ผู้ดำเนินรายการ ถึงจะมี 2 เล่มก็เลือกใช้ ในแต่ละโอกาสที่เหมาะสม
คุณอภิสิทธิ์ครับใช่ครับ
ผู้ดำเนินรายการค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ ว่ากันด้วยเรื่องนโยบายบ้างนะคะ เพราะว่าเราก็เห็นว่าพอมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร เรื่องของบ้านเมืองนโยบายต่าง ๆ ก็เปลี่ยน อย่างวันนี้ โอทอป ก็ท่าทางจะไม่มีแล้ว อีกหลายโครงการก็จะต้องเปลี่ยนไป อะไรพวกนี้นะคะ งบประมาณอะไรปรับตามเรื่องของนโยบายที่เปลี่ยนเหมือนกัน ก็เฉพาะวันนี้มีเรื่องอะไรนะ จะไม่มีโอทอป แล้ว จะแก้ไขเรื่องการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน
คุณอภิสิทธิ์ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ว่า บางเรื่องมัน ... คืออาจจะเป็นเรื่องของการสื่อสารหรือการเลือกใช้ถ้อยคำหรือเปล่านะฮะ เพราะว่านโยบายรัฐบาลก็ยังพูดถึงเรื่องของการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนอะไรต่างๆ เพียงแต่ว่าจะไม่เรียก มันก็โอทอป อีกแหละฮะ
ผู้ดำเนินรายการเปลี่ยนชื่อเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ท้องถิ่น
คุณอภิสิทธิ์ก็เป็นเรื่องการเปลี่ยนชื่อ ผมไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องการเปลี่ยนนโยบายนะครับ แต่อาจจะต้องการที่จะปรับปรุงนโยบายใช่ไม๊ครับ เช่นก็ยังอยากจะสนับสนุนสินค้าผลิตภัณฑ์ ของดีทั้งหลายในชุมชนอยู่ แต่ว่าเห็นว่าโครงการอาจจะมีปัญหาในอดีตเพราะว่าขาดการสนับสนุนเรื่องการหาตลาดรองรับ หรืออะไร ก็อาจจะปรับชื่อ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมพูดตรงๆ ผมไม่เห็นว่ามันมีนโยบายไหนที่มีการเรียกว่ากลับหลังหันนะฮะ หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์ มองว่ามันเหมือนแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น
คุณอภิสิทธิ์ก็เท่าที่ฟังดูนะครับ แต่อาจจะต้องรอดูว่า เวลาปฏิบัติจริง เป็นยังไง แต่บางเรื่องอาจจะมีเช่น ผู้ว่าซีอีโอ อย่างนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ก็ไม่แปลก คงจำได้ตอนนี้ผมถูกวิจารณ์ว่า เอ.. ตอนเสนอนโยบายนี่เป็นการต่อยอด หรือเป็นการลอกเลียนหรือจะทำหรือไม่ทำอะไรเนี่ย นี่คือสิ่งที่ผมอธิบายนะครับ ว่าในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลที่มาทำงานต่อเนื่องกันเนี่ย ไม่ว่าจะคนละพรรค ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตามเนี่ย นะครับ ส่วนหนึ่งมันต้องมีความต่อเนื่อง มันไม่มีใครสามารถมาเริ่มต้นทำนโยบายบนกระดาษเปล่าได้ นะครับ อันนี้ต้องอธิบายเท่านั้นเองว่าอันนี้มันถูกต้อง ในเชิงเป้าหมาย แต่วิธีการไม่ดี หรือตั้งใจดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ จะแก้ไขอย่างไร อันนี้ก็เป็นประเภทหนึ่ง อะไรที่บอกอันนี้มันไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ยกเลิกก็ว่าไป นะครับ ก็ต้องดูกันในกรอบอย่างนี้ อย่างเช่นเรื่องหวยบนดินนะครับ พอมาถึงตอนนี้บอกว่า ผิดกฎหมาย คราวนี้ก็ต้องตัดสินใจว่าเอาหล่ะจะออกกฎหมายรองรับอะไรอย่างไร หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงจะทำหรือไม่ทำอย่างไรถูกไม๊ครับ
ผู้ดำเนินรายการความเคลื่อนไหวของพล.อ.ชวลิต ล่ะครับ คุณอภิสิทธิ์ สนใจติดตามบ้างไม๊ รวมทั้งคำพูดต่าง ๆ ของท่าน ครั้งล่าสุดที่ท่านบอกว่าอย่าเกลียดคนรวย เพราะว่าเขาฉลาด คนไม่ดีเพราะระบบมากกว่าอะไรอย่างนี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์2 เรื่องนะฮะ ผมเห็นด้วยนะครับ เราไม่ควรเกลียดใครเพราะเขารวย เหมือนกับเราก็ไม่ควรเกลียดใครเพราะเขาจน นะครับ แต่ว่าเราไม่ควรจะยอมรับคนโกง ไม่ว่าจะรวยหรือจน นะครับ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด และผมเชื่อว่า การต่อต้านที่ผ่านมาเนี่ย ไม่ใช่เพราะความรวย แต่ว่าคนที่ต่อต้านเขาเห็นว่าคนที่ทำไม่ถูกต้องควรจะต้องมีการต่อต้านนะครับ เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้เกิดความสับสนนะครับ ไม่อยากให้เกิดความสับสนว่าไอ้ความรวย ความจน ไปปะปนกับเรื่องของความดี ความชั่ว อันนี้คือสิ่งหนึ่ง ทีนี้ส่วนของท่านพล.อ.ชวลิตเองผมก็ต้องบอกว่าการเคลื่อนไหวของท่านในช่วงที่ผ่านมา ก็ดูจะเป็นการเคลื่อนไหวในทางการเมืองชัดเจน จริงอยู่เงื่อนไขที่ท่านหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างเช่นกรณีของรัฐวิสาหกิจเนี่ย เป็นเรื่องที่มีเหตุผล แต่ขณะเดียวกันการเสนอในเรื่องอื่น ๆ นะครับ แล้วก็ประกอบกับที่ผมได้ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ก็เห็นได้ชัดว่าท่านก็คงมีเป้าหมายทางการเมืองด้วย
ผู้ดำเนินรายการเอาสิครับ เป้าหมายทางการเมือง ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าคืออะไรกันแน่ แต่ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมืองนะฮะ สรุปสุดท้ายนิดนึงนะคะเพราะว่าเรื่องการพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองก็จะเริ่มต้นเข้าใจว่าสิ้นเดือนนี้ใช่ไม๊คะ คุณอภิสิทธิ์ ตอนนี้มีการปรึกษาหารือกันอย่างไรบ้างไม๊คะ ในส่วนของทีมงานคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ก็มีการรับฟ้อง ศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการรัฐธรรมนูญได้นัดฟ้อง ก็คือหมายความว่าให้คู่ความเนี่ยไปฟังวิธีการพิจารณาในวันที่ 30 นะครับ ฉะนั้นวันที่ 30 เนี่ย เราจึงจะทราบว่าตกลงว่าท่านจะใช้วิธีพิจารณาอย่างไร เพราะว่ามันมี 5 คดีใช่ไม๊ครับ ว่าจะก่อนหลัง พร้อมกัน แยกกัน ทำพร้อม ๆ กันไปคนละวัน หรือไม่ กับสองเนี่ย ตามระเบียบของทางตุลาการเองเนี่ย จะมีการสืบพยานหรือไม่สืบพยานก็ได้ หมายความว่าถ้าท่านเห็นว่าทุกอย่างชัดเจนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการมาสืบพยานก็เป็นไปได้ หรือจะให้สืบก็ได้ ทีนี้สิ่งที่พรรคได้ทำไปแล้วก็คือ 1. ส่งคำชี้แจงที่เป็นคำให้การ นะครับ ซึ่งทางศาลก็จะส่งไปให้อัยการดู นะครับ ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง 2. เนี่ยเราก็ได้แจ้งไปแล้วว่าเราจะมีคณะที่เป็นผู้ว่าคดีนะครับ แล้วก็ท่านประธานที่ปรึกษาพรรคก็จะเป็นหัวหน้าคณะ นะครับ แล้วก็ 3. เราก็ยื่นบัญชีพยานและหลักฐานนะฮะ หลักฐานก็เป็นเอกสารเยอะพอสมควร แล้วพยานก็คือระบุตัวบุคคลว่า เราอยากจะให้มีการสืบท่านเหล่านี้ นะครับ ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วก็ 4. ก็คงจะมีการยื่นข้อกฎหมายเพิ่มเติมเพราะว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 19 กย. นี่มันก็มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงข้อกฎหมายที่ตามมานะครับ ก็จะยื่นข้อกฎหมายเพิ่มเติมไป
ผู้ดำเนินรายการเอาล่ะค่ะ ต้องขอบคุณคุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 พ.ย. 2549--จบ--
เรื่องโครงการหลักประกันสุขภาพ นะครับ เพราะว่าผมเองก็เป็นผู้ที่เสนอมาระยะหนึ่งว่า เลิกเก็บ 30 บาทได้นะครับ แต่ว่าก็ย้ำว่าการจัดงบประมาณเนี่ยต้องพอ ซึ่งก็คำนวนไว้ที่ประมาณคร่าว ๆ ก็ 2,000 บาท ต่อหัวต่อปี อาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย ที่นี้พอรัฐบาลตัดสินใจบอกว่าไม่เก็บ 30 บาทนะครับ แต่ยังลังเลคือเท่าที่ฟังดูก็คือว่าให้แค่ 1,800 กว่า ต่อหัว ปัญหามันจะไม่ได้รับการแก้ไข ที่จริงแล้วปัญหาตรงนี้เป็นปัญหาที่หนักกว่าเรื่องเก็บหรือไม่เก็บ 30 บาท นะครับ เพราะฉะนั้นกรณีอย่างนี้ก็อยากจะให้ทบทวนนะครับ ถ้าเป็นไปได้ เพราะว่าความไม่พอของงบประมาณคือที่มาของปัญหาที่มันสะสมมาทั้งหมด ซึ่งมันเป็นโครงการที่มีเป้าหมายที่ดีนะครับ แต่ว่าวิธีการที่หรืองบประมาณที่ไม่เพียงพอตรงนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหานะครับ
อีกทางหนึ่งถ้าหากว่าบอกว่าเงินมันไม่พอจริง ๆ ที่จะจัด 2,000 กว่าล้าน เพื่อให้ครอบคลุมให้ได้คน 46 ล้านคน ก็ควรจะต้องไปดูว่า จะปรับปรุงระบบประกันสังคมได้ไม๊ นะครับที่ผมเคยเสนอไว้ก็คือเรื่องเงินของประกันสังคมเนี่ย เพิ่มสิทธิ์ให้กับผู้ที่อยู่ในระบบด้วย แล้วก็ขณะเดียวกันขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมไปถึงคู่สมรส หรือคนในครอบครัว นะครับ ก็น่าจะทำให้การบริหารจัดการทั้งในส่วนของกองทุนประกันสังคม และในส่วนของโครงการหลักประกันสุขภาพ เป็นไปได้นะครับ อันนี้มันเป็นเรื่องของการบริหารที่ผมคิดว่าน่าจะทำได้ ส่วนที่สองที่ผมก็อยากจะเห็นทบทวนก็คือว่า การที่จะตั้งธงว่า พูดง่าย ๆ คือยอมแล้วว่าจัดงบให้เขาถึง 35 เปอร์เซนต์ไม่ได้ นะครับ
ผมยังอยากจะยืนยันหลักของการกระจายอำนาจนะครับแต่ว่า อาจจะหาวิธีการเฉพาะหน้าก็คือว่า ในบางเรื่องเนี่ยที่จะจัดงบประมาณให้ถึง 35 เปอร์เซนต์ เนี่ยต้องจัดในลักษณะของการยังมีเงื่อนไขอยู่นะครับ เพื่อให้ภารกิจบางอย่างที่ตั้งใจจะถ่ายโอนแต่ยังถ่ายโอนไปไม่ได้เนี่ย มันมีการรองรับ นะครับ ชัดเจน เช่นสมมติว่า อย่างที่ผ่านมาเนี่ยมีการโอนศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาลไปเนี่ยนะครับ ก็ต้องมีเงื่อนไขเลยว่าท้องถิ่นต้องใช้เงินไม่น้อยกว่าเท่านี้ในการสนับสนุนอย่างนี้เป็นต้นนะครับ แต่ว่าการบริหารจัดการ แล้วก็การตัดสินใจในรายละเอียดต่าง ๆ ท้องถิ่นก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นอย่างนี้เป็นเรื่องของมุมมองที่อาจจะแตกต่างกัน แต่ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาว่าการทำงานของรัฐบาลที่เป็นจุดที่อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือว่าคะแนนนิยมลดลงไม่ลดลงเนี่ยนะครับ คงไม่ใช่ตรงนั้นแต่ว่าผมมองปัญหาอย่างนี้มากกว่า ผมมองปัญหาขณะนี้ก็คือว่า รัฐบาลนี้เข้ามาเนี่ย จริงอยู่ตัวคณะรัฐมนตรีเองเนี่ยก็อาจจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารวันที่ 19 ท่านก็เข้ามาทำหน้าที่นะครับ บริหารบ้านเมืองตามคำเชิญของทางผู้เกี่ยวข้องนะครับ ทีนี้มันก็หนีไม่พ้นหรอกครับว่าภารกิจหลักจริง ๆ แล้วก็คือการดูแลบ้านเมืองเพื่อที่จะส่งคืนบ้านเมืองกลับให้ประชาชนในวิถีทางประชาธิปไตย
ผมคิดว่าความอึดอัด ความหงุดหงิดหรือความไม่พอใจที่อาจจะเพิ่มขึ้นบ้างของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล มันมาจากความรู้สึกว่า เอ๊ะภารกิจตรงนี้ มันชัดเจนหรือยังในความคิดของรัฐบาลและคมช. ในการที่ทำให้เกิดความกระจ่างนะครับ ก็ต้องทำ 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือที่พูดกันถึงว่าต้องชี้แจง 4 ข้ออะไรนี่นะครับ ไม่ใช่จะมาชี้แจงบอกว่าการปฎิวัติรัฐประหารชอบธรรม หรือไม่ชอบธรรม อันนั้นมันเป็นเรื่องของอุดมการณ์ใช่ไม๊ครับ แต่ว่าการชี้แจงเนี่ย แล้วก็ชี้แจงไม่ใช่แค่ว่าปัญหาก่อนวันที่ 19 มันคืออะไรแต่ว่าจะแก้ไขอย่างไรมันจะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจนะครับว่านี่คือสิ่งที่เป็นภารกิจของรัฐบาลชุดนี้จริง ๆ นะครับ เพราะว่าไม่อย่างนั้นแล้วเนี่ยการวิจารณ์เนี่ยมันก็จะไปติดอยู่กับเรื่องว่าเป็นเผด็จการ ไม่เป็นเผด็จการ นะครับ จะสืบทอดอำนาจ ไม่สืบทอดอำนาจ เป็นเรื่องการแย่งชิงอำนาจ ผลประโยชน์กันหรือไม่ถูกไม๊ครับ แต่ถ้าหากว่ารัฐบาลเนี่ยแสดงออกถึงความชัดเจนในภารกิจของการที่จะแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ก่อนวันที่ 19 และเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยเองนะฮะ ผมก็ยกตัวอย่างเช่น
1.อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีทำอยู่เรื่องภาคใต้เนี่ย ถูกต้องที่สุด ใช่ไม๊ครับ 2. วันนี้ก็ต้องบอกว่าท่านรองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เอาความจริงมาให้ประชาชนรับทราบในเรื่องของปัญหาของภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้ว อันนี้ก็ถูกต้อง แต่ว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะนะครับว่าปัญหาในเรื่องของการคุกคามสิทธิ เสรีภาพ ปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะจัดการกับการคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจต่าง ๆ เนี่ย อันนี้ต้องชัดนะครับ เราเห็นว่าอย่างเช่นกรณีของตำรวจ ปรากฎว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องของการปฏิรูปขึ้นมานะครับ กลับมีการต่อต้านอย่างรุนแรงจากทางตำรวจเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่ามันมีความจำเป็นที่จะทำอย่างไรให้คนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเริ่มต้นจากตำรวจ นะครับ แล้วก็หลักของการกระจายอำนาจก็ดีการมีส่วนร่วมก็ดีเนี่ย มันจะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดนะครับ
ผมก็อยากเห็นว่า แนวทางที่จะแสดงออกว่าเรามีเป้าหมายที่เดินชัดว่าภายใน 1 ปี กำลังจะไม่ใช่แค่คืนอำนาจถูกไม๊ครับแต่ต้องทำรากฐานประชาธิปไตยให้เข้มแข็งขึ้น ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรื่องของการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ในเรื่องของความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ อันนี้สำคัญ ที่นี้ในทางกลับกัน มันมีบางเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากซึ่งมันก็คืออีกด้านหนึ่งของเหรียญนะครับ เช่นปัญหาการแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ที่ถูกวิจารณ์ก็เพราะว่า อันนี้มันก็ทำให้คนไปตั้งข้อสังเกตว่าเอ๊ะ นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ไม๊ เป็นเรื่องอะไรไม๊ นะครับ ทีนี้ถ้าคำอธิบายบอกว่า มันเป็นเรื่องของความมั่นคง กับจะต้องเข้าไปสะสางการทุจริตนะครับ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ต้องรีบพูดให้ชัดเลยว่าในคณะในรัฐวิสาหกิจที่ท่านเข้าไปดูแลเนี่ย
สิ่งที่ท่านต้องการจะทำใน 2 เรื่องนี้ เพื่อดูแล 2 เรื่องนี้อย่างที่เป็นเหตุผลที่พูดเนี่ย มันคืออะไร นะครับ แล้วจะทำเสร็จเมื่อไหร่ แล้วก็อาจจะบอกว่าเนี่ยถ้าท่านทำเสร็จแล้ว ก็จะปรับให้มันเข้าสู่ภาวะปกติของการสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ไปไม่ให้เกิดข้อสงสัยนะฮะ แล้วก็วันนี้เนี่ย อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นมาก็จำเป็นต้องได้รับความกระจ่างโดยเร็วที่สุดก็คือกรณีที่ทางพรรคไทยรักไทยเขาร้อง ใช่ไม๊ครับว่า มีการไปคุกคาม อดีต สส. หรือว่ามีการไปใช้อิทธิพล นะครับ ผมก็ต้องบอกว่า อันนี้ต้องเอาข้อเท็จจริงออกมาให้ชัด แล้วก็ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมานะครับ ผมอยู่ในยุคทั้ง 2 ยุคนะครับ เวลาพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล แล้วก็ขณะนี้ก็เป็นรัฐบาลของ คมช. นะครับ กับรัฐบาลที่เข้ามาเฉพาะกาลเนี่ย ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนนะครับ ผมก็ไม่เห็นด้วยถ้าหากว่ามีพฤติกรรมอย่างนี้ ใช่ไม๊ครับ เหมือนกับที่เราพูดว่ายุคที่แล้วมันมีการอุ้มฆ่านะครับ ทั้งในภาคใต้ ทั้งฆ่าตัดตอน ทั้งชิปปิ้งหมู แล้วก็ผมก็บอกได้ว่าการคุกคามมันก็มีมาอยู่เป็นระยะ ๆ ในแง่ของการเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้มีอำนาจเนี่ย ยุคนี้มันก็ต้องไม่ให้มี นะครับ เพราะฉะนั้นรัฐบาลน่าจะต้องให้ความสำคัญในการที่จะทำความกระจ่างเรื่องนี้ คือถ้ามีเนี่ยต้องจัดการเด็ดขาดให้เห็นว่า ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้สนใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะมาให้คุณให้โทษเพื่อความได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมือง แต่ต้องการเข้ามารักษากฎหมาย นะครับ อะไรที่ถูกต้องก็ต้องรักษาไว้อะไรที่ผิดก็ต้องจัดการนะครับ ในขณะเดียวกันถ้าหากข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีเนี่ย ทางพรรคไทยรักไทยก็คงต้องรับผิดชอบ
ผู้ดำเนินรายการในส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีมั่งไม๊ล่ะคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์เรื่องการคุกคามใช่ไม๊ครับ ไม่มีครับ
ผู้ดำเนินรายการขอมาอยู่ฟรีกินฟรีอะไรนี่ไม่มีนะ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ไม่มีครับ แต่ว่าประเด็นของผมก็คือว่ามันคงไม่ใช่เรื่องว่าพรรคไหนเป็นพรรคไหน เกิดขึ้นกับใครก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ ผมก็เป็นคู่แข่งกับพรรคไทยรักไทยโดยตรง แต่ถ้ามีการกระทำอย่างนี้กับเขาก็ไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีการไปจัดการ
ผู้ดำเนินรายการภาพของอดีตนายกฯ ที่ไปปรากฎตัวตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็ดูเหมือนกับว่าจะใกล้ไทยมากขึ้นเนี่ยเป็นภาพที่ คมช. ควรจะหวั่นไหวหรือว่ารัฐบาลควรจะหวั่นไหว ถึงขนาดไปถอนพาสปอร์ตสีแดงไม๊ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ผมคิดว่าไม่ควรจะไปหวั่นไหว นะครับ แต่ขณะเดียวกันเนี่ยก็ต้องช่วยกันดูนะครับ ผมก็ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็มีนัยยะทางการเมืองอยู่นะครับ แม้กระทั่งพรรคไทยรักไทยที่ขณะนี้รักษาการหัวหน้าพรรคอาจจะบอกว่าไม่ไปชี้แจงอะไรเรื่องเกี่ยวกับคุณทักษิณ อะไรต่าง ๆ เนี่ยนะครับ แต่จริง ๆ แล้วทุกอย่างมันก็มีการ มันสอดคล้องกัน นะครับ มันสอดคล้องกัน เราก็ไปบอกไม่ได้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเดินทางอะไรต่าง ๆ นะครับ แต่ว่าก็ต้องระมัดระวังติดตามดูว่ามันมีอะไรที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายไม๊ นะครับ ขณะเดียวกันเนี่ย เรื่องหนังสือเดินทางเนี่ย ผมก็เข้าใจว่าเป็นสิทธิ หรือเป็นสิ่งซึ่งให้กันไว้
ปัญหาก็คือว่าเพิกถอนได้ไม๊ ก็ตอบว่าได้ถามว่าจะได้ในกรณีไหนก็คงจะต้องดูว่ามันมีเหตุผลหรือเปล่า นะครับ ทีนี้คนก็อาจจะติดใจเพราะว่า บางคนถามว่า ถ้าท่านนายกฯ บอกว่า เอ๊ะ ก็ท่านยังไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่ไม๊ฮะ ใช้คำนี้ ถ้ายังไม่ทำอะไรผิดเนี่ย ก็คงไปเรียกคืนไม่ได้ ก็มีคนวิจารณ์เหมือนกันบอกเอ๊ะ แล้วถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วมันทำไมถึงมีการยึดอำนาจอะไรต่าง ๆ มันก็ย้อนกลับมาเรื่องเดิมว่า ในที่สุดแล้วเนี่ย รัฐบาลกับคมช. ก็คงจะต้องเร่งรัดว่า ในข้อกล่าวหาทั้งหลายเนี่ย ตกลงมันเป็นอย่างไรนะครับ มันเป็นอย่างไร เพื่อเอาเรื่องจริงออกมา แล้วก็เพื่อมีการดำเนินการ พอมีการดำเนินการคราวนี้มันก็จะมีฐานมีเหตุผลรองรับ ในการกระทำเรื่องอื่น ๆ ส่วนความเหมาะสมของการใช้หนังสือเดินทางของหนังสือเดินทางทูตหรืออะไรนี่นะครับ อันนี้มันก็แล้วแต่บุคคลแล้วหล่ะครับ นะครับ อย่างเช่น หลาย ๆ ท่าน แล้วก็อย่างผมเนี่ย ถ้าเดินทางส่วนตัวเนี่ยก็จะไม่ใช้หนังสือเดินทางของราชการ ก็ใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา
ผู้ดำเนินรายการ ถึงจะมี 2 เล่มก็เลือกใช้ ในแต่ละโอกาสที่เหมาะสม
คุณอภิสิทธิ์ครับใช่ครับ
ผู้ดำเนินรายการค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ ว่ากันด้วยเรื่องนโยบายบ้างนะคะ เพราะว่าเราก็เห็นว่าพอมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร เรื่องของบ้านเมืองนโยบายต่าง ๆ ก็เปลี่ยน อย่างวันนี้ โอทอป ก็ท่าทางจะไม่มีแล้ว อีกหลายโครงการก็จะต้องเปลี่ยนไป อะไรพวกนี้นะคะ งบประมาณอะไรปรับตามเรื่องของนโยบายที่เปลี่ยนเหมือนกัน ก็เฉพาะวันนี้มีเรื่องอะไรนะ จะไม่มีโอทอป แล้ว จะแก้ไขเรื่องการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน
คุณอภิสิทธิ์ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ว่า บางเรื่องมัน ... คืออาจจะเป็นเรื่องของการสื่อสารหรือการเลือกใช้ถ้อยคำหรือเปล่านะฮะ เพราะว่านโยบายรัฐบาลก็ยังพูดถึงเรื่องของการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนอะไรต่างๆ เพียงแต่ว่าจะไม่เรียก มันก็โอทอป อีกแหละฮะ
ผู้ดำเนินรายการเปลี่ยนชื่อเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ท้องถิ่น
คุณอภิสิทธิ์ก็เป็นเรื่องการเปลี่ยนชื่อ ผมไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องการเปลี่ยนนโยบายนะครับ แต่อาจจะต้องการที่จะปรับปรุงนโยบายใช่ไม๊ครับ เช่นก็ยังอยากจะสนับสนุนสินค้าผลิตภัณฑ์ ของดีทั้งหลายในชุมชนอยู่ แต่ว่าเห็นว่าโครงการอาจจะมีปัญหาในอดีตเพราะว่าขาดการสนับสนุนเรื่องการหาตลาดรองรับ หรืออะไร ก็อาจจะปรับชื่อ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมพูดตรงๆ ผมไม่เห็นว่ามันมีนโยบายไหนที่มีการเรียกว่ากลับหลังหันนะฮะ หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์ มองว่ามันเหมือนแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น
คุณอภิสิทธิ์ก็เท่าที่ฟังดูนะครับ แต่อาจจะต้องรอดูว่า เวลาปฏิบัติจริง เป็นยังไง แต่บางเรื่องอาจจะมีเช่น ผู้ว่าซีอีโอ อย่างนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ก็ไม่แปลก คงจำได้ตอนนี้ผมถูกวิจารณ์ว่า เอ.. ตอนเสนอนโยบายนี่เป็นการต่อยอด หรือเป็นการลอกเลียนหรือจะทำหรือไม่ทำอะไรเนี่ย นี่คือสิ่งที่ผมอธิบายนะครับ ว่าในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลที่มาทำงานต่อเนื่องกันเนี่ย ไม่ว่าจะคนละพรรค ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตามเนี่ย นะครับ ส่วนหนึ่งมันต้องมีความต่อเนื่อง มันไม่มีใครสามารถมาเริ่มต้นทำนโยบายบนกระดาษเปล่าได้ นะครับ อันนี้ต้องอธิบายเท่านั้นเองว่าอันนี้มันถูกต้อง ในเชิงเป้าหมาย แต่วิธีการไม่ดี หรือตั้งใจดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ จะแก้ไขอย่างไร อันนี้ก็เป็นประเภทหนึ่ง อะไรที่บอกอันนี้มันไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ยกเลิกก็ว่าไป นะครับ ก็ต้องดูกันในกรอบอย่างนี้ อย่างเช่นเรื่องหวยบนดินนะครับ พอมาถึงตอนนี้บอกว่า ผิดกฎหมาย คราวนี้ก็ต้องตัดสินใจว่าเอาหล่ะจะออกกฎหมายรองรับอะไรอย่างไร หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงจะทำหรือไม่ทำอย่างไรถูกไม๊ครับ
ผู้ดำเนินรายการความเคลื่อนไหวของพล.อ.ชวลิต ล่ะครับ คุณอภิสิทธิ์ สนใจติดตามบ้างไม๊ รวมทั้งคำพูดต่าง ๆ ของท่าน ครั้งล่าสุดที่ท่านบอกว่าอย่าเกลียดคนรวย เพราะว่าเขาฉลาด คนไม่ดีเพราะระบบมากกว่าอะไรอย่างนี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์2 เรื่องนะฮะ ผมเห็นด้วยนะครับ เราไม่ควรเกลียดใครเพราะเขารวย เหมือนกับเราก็ไม่ควรเกลียดใครเพราะเขาจน นะครับ แต่ว่าเราไม่ควรจะยอมรับคนโกง ไม่ว่าจะรวยหรือจน นะครับ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด และผมเชื่อว่า การต่อต้านที่ผ่านมาเนี่ย ไม่ใช่เพราะความรวย แต่ว่าคนที่ต่อต้านเขาเห็นว่าคนที่ทำไม่ถูกต้องควรจะต้องมีการต่อต้านนะครับ เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้เกิดความสับสนนะครับ ไม่อยากให้เกิดความสับสนว่าไอ้ความรวย ความจน ไปปะปนกับเรื่องของความดี ความชั่ว อันนี้คือสิ่งหนึ่ง ทีนี้ส่วนของท่านพล.อ.ชวลิตเองผมก็ต้องบอกว่าการเคลื่อนไหวของท่านในช่วงที่ผ่านมา ก็ดูจะเป็นการเคลื่อนไหวในทางการเมืองชัดเจน จริงอยู่เงื่อนไขที่ท่านหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างเช่นกรณีของรัฐวิสาหกิจเนี่ย เป็นเรื่องที่มีเหตุผล แต่ขณะเดียวกันการเสนอในเรื่องอื่น ๆ นะครับ แล้วก็ประกอบกับที่ผมได้ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ก็เห็นได้ชัดว่าท่านก็คงมีเป้าหมายทางการเมืองด้วย
ผู้ดำเนินรายการเอาสิครับ เป้าหมายทางการเมือง ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าคืออะไรกันแน่ แต่ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมืองนะฮะ สรุปสุดท้ายนิดนึงนะคะเพราะว่าเรื่องการพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองก็จะเริ่มต้นเข้าใจว่าสิ้นเดือนนี้ใช่ไม๊คะ คุณอภิสิทธิ์ ตอนนี้มีการปรึกษาหารือกันอย่างไรบ้างไม๊คะ ในส่วนของทีมงานคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ก็มีการรับฟ้อง ศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการรัฐธรรมนูญได้นัดฟ้อง ก็คือหมายความว่าให้คู่ความเนี่ยไปฟังวิธีการพิจารณาในวันที่ 30 นะครับ ฉะนั้นวันที่ 30 เนี่ย เราจึงจะทราบว่าตกลงว่าท่านจะใช้วิธีพิจารณาอย่างไร เพราะว่ามันมี 5 คดีใช่ไม๊ครับ ว่าจะก่อนหลัง พร้อมกัน แยกกัน ทำพร้อม ๆ กันไปคนละวัน หรือไม่ กับสองเนี่ย ตามระเบียบของทางตุลาการเองเนี่ย จะมีการสืบพยานหรือไม่สืบพยานก็ได้ หมายความว่าถ้าท่านเห็นว่าทุกอย่างชัดเจนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการมาสืบพยานก็เป็นไปได้ หรือจะให้สืบก็ได้ ทีนี้สิ่งที่พรรคได้ทำไปแล้วก็คือ 1. ส่งคำชี้แจงที่เป็นคำให้การ นะครับ ซึ่งทางศาลก็จะส่งไปให้อัยการดู นะครับ ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง 2. เนี่ยเราก็ได้แจ้งไปแล้วว่าเราจะมีคณะที่เป็นผู้ว่าคดีนะครับ แล้วก็ท่านประธานที่ปรึกษาพรรคก็จะเป็นหัวหน้าคณะ นะครับ แล้วก็ 3. เราก็ยื่นบัญชีพยานและหลักฐานนะฮะ หลักฐานก็เป็นเอกสารเยอะพอสมควร แล้วพยานก็คือระบุตัวบุคคลว่า เราอยากจะให้มีการสืบท่านเหล่านี้ นะครับ ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วก็ 4. ก็คงจะมีการยื่นข้อกฎหมายเพิ่มเติมเพราะว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 19 กย. นี่มันก็มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงข้อกฎหมายที่ตามมานะครับ ก็จะยื่นข้อกฎหมายเพิ่มเติมไป
ผู้ดำเนินรายการเอาล่ะค่ะ ต้องขอบคุณคุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 พ.ย. 2549--จบ--