นายวิรัช กัลยาสิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ได้รับมอบหมายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้ไปยื่นหนังสือทวงถามต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใต้การนำโดย ดร.เจริญ คันทวงศ์ นายถาวร เสนเนียมและนายวิรัช กัลยาสิริ เพื่อเดินทางเข้าพบพล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อกรณีที่มีการสมคบกันระหว่างพรรคไทยรักไทยและผู้บริหารระดับสูงของกกต.ปลอมแปลงเอกสารราชการ รายงานเท็จ สมคบกันกระทำการทุจริตเพื่อให้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยสามารถลงสมัครได้ใน 3 เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช และกรณีเรื่องพรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย สมคบกันระหว่างพรรคไทยรักไทยและผู้สมัครพรรคเล็กต่าง ๆ ให้ลงสมัครเป็นตัวประกอบ นอกจากนี้มีการแนบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคไทยช่วยไทย พรรคสยาม พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าและพรรคแผ่นดินไทย
หลังจากการเข้าพบพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภแล้ว นายวิรัชได้ชี้แจงให้กกต. เห็นว่ากรณีของพรรคพัฒนาชาติไทย พยานยืนยันกับอนุกรรมการกกต.ว่าทั้ง 27 คนขาดคุณสมบัติ คนที่เป็นพยานกับกกต.ก็คือคนซึ่งมีหน้าที่รับรองว่าใครมีคุณสมบัติหรือขาดคุณสมบัติ เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของพรรคยืนยันกับอนุกรรมการของกกต. ตนจึงได้ไปเร่งรัดพล.ต.อ.วาสนา ให้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฎโดยเร็ว หาก 27 คนนี้ไม่มีคุณสมบัติ การเลือกตั้งก็จะโปร่งใสขึ้นอย่างน้อย 27 เขตการเลือกตั้ง
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค ได้ทวงถามถึงสมาชิกของพรรคบางพรรค ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกของพรรคไทยรักไทย คนที่ตายไปแล้ว 10 ปีก็เป็นสมาชิกพรรค พนักงานอัยการซึ่งห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็เป็นสมาชิกพรรค คนที่ตายไปแล้ว10 ปีแน่นอนว่าเซ็นต์ชื่อไม่ได้ ส่วนอัยการท่านอัยการที่สมัครพรรคการเมืองไม่ได้ก็ไปปรากฎเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย รวมถึงกรณีที่ร้องเรียนไปที่คณะกรรมการยุติธรรมสมัยที่ตนเป็นรองประธานกรรมาธิการ ลายเซ็นต์ในใบสมัครไม่ใช่ ภาพถ่ายไม่มี ในกรณีอย่างนี้เป็นเรื่องที่มีส่วนได้เสีย โดยพล.ต.อ.วาสนา แจ้งว่า จะดำเนินการรื้อระบบการจัดเกี่ยวกับเรื่องสมาชิกพรรค พร้อมกับยอมรับว่าในฐานข้อมูลของกกต. คนเพียงคนเดียวสามารถเข้าไปทำอะไรก็ได้ ยอมรับว่าเป็นช่องว่างอย่างยิ่งของกกต. เพราะว่าจากพยานหลักฐาน พยานเอกสาร พยานบุคคล ยืนยันได้ว่ามีการทุจริตในฐานข้อมูลของกกต. เข้าไปแก้ฐานข้อมูลแล้วบางทีแก้แล้วไม่หมด ฐานข้อมูลกับเอกสารหลักฐานที่เป็นกระดาษขัดกัน
นายถาวรได้ถามต่อเกี่ยวกับความตั้งใจจริง ความโปร่งใสของคณะกรรมการ พล.ต.อ.วาสนาตอบว่าหลักฐานถึงใคร ไม่เว้น หมายถึงว่าผู้สมัครประมาณ 400 ราย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยจบแล้วก็จะดำเนินคดีทุกรายรวมถึงพรรคการเมืองไม่ว่าพรรคใด ดังนั้น เมื่อคำถามของตนชัดเจนแล้วว่าเมื่อกกต สืบสวนได้ข้อยุติว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งๆที่รู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติครบ ถือว่าเป็นการละเมิดพรบ.การเลือกตั้งตามมาตรา 100 มีโทษจำคุก 10 ปี ส่วนพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุน ไม่ว่าด้วยการจ่ายเงิน ช่วยแก้ไขฐานข้อมูลที่กกต. บุคคลธรรมดาหรือพรรคการเมืองที่ให้การช่วยเหลือก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้ที่ลงรับสมัครเลือกตั้งที่เป็นโทษ ผู้ใช้ก็ติด 10 ปี ผู้กระทำก็ติด 10 ปี สำหรับพรรคการเมืองมีโทษถึงการยุบพรรรค ตนจึงถามต่อไปว่า ถ้าเป็นพรรคการเมืองจะทำอย่างไร นอกเหนือจาก 400ร้อยคนที่ตรวจพบแล้วขณะนี้แล้ว ก็ต้องรอให้ยุติ หลังจากศาลฎีกาวินิจฉัยทุกคดีที่อยู่ในศาล หลังจากนั้นจะส่งให้พนักงานดำเนินคดีให้หมดนักการเมืองก็จะไม่ละเว้น เวลาที่จะพิสูจน์ว่ากกต.ทำจริงหรือไม่จากคำพูดที่ท่านพูดไปแล้ว ทั้งนี้ตนถือว่าคำพูดเป็นนาย เป็นนายของการกระทำ ดังนั้นจึงขอย้ำกับกกต.อีกครั้งหนึ่งว่า ต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งอื่นๆอีก 3 ท่านแล้ว ขอได้โปรดอย่าเกรงกลัว อย่าละเว้น จงได้โปรดติดตามการทำงานของกกต.ด้วย ว่างานนี้เป็นงานที่ใหญ่มาก และกระทบกระเทือนถึงพรรคใหญ่ถ้าหากพบว่าพยานหลักฐานที่เราได้มาก็ดีมีกกต.สอบสวนได้มาก็ดี สอบสวนถ้าเมื่อมีผลถึงการกระทำของพรรคไทยรักไทย ถ้าหากว่าท่านละเว้นท่านที่ไม่ค่อยได้รับความเชื่อถืออยู่แล้ว ก็จะทำให้องค์กรของท่านหมดความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามความเป็นจริง สำหรับการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันที่ 29 ตามคำสั่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้สั่งไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จตามกำหนดการหรือไม่ แต่จะเร่งรัดให้เสร็จตามเวลา ดังนั้นตนจะคอยเร่งรัด และติดตามต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มี.ค. 2549--จบ--
หลังจากการเข้าพบพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภแล้ว นายวิรัชได้ชี้แจงให้กกต. เห็นว่ากรณีของพรรคพัฒนาชาติไทย พยานยืนยันกับอนุกรรมการกกต.ว่าทั้ง 27 คนขาดคุณสมบัติ คนที่เป็นพยานกับกกต.ก็คือคนซึ่งมีหน้าที่รับรองว่าใครมีคุณสมบัติหรือขาดคุณสมบัติ เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของพรรคยืนยันกับอนุกรรมการของกกต. ตนจึงได้ไปเร่งรัดพล.ต.อ.วาสนา ให้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฎโดยเร็ว หาก 27 คนนี้ไม่มีคุณสมบัติ การเลือกตั้งก็จะโปร่งใสขึ้นอย่างน้อย 27 เขตการเลือกตั้ง
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค ได้ทวงถามถึงสมาชิกของพรรคบางพรรค ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกของพรรคไทยรักไทย คนที่ตายไปแล้ว 10 ปีก็เป็นสมาชิกพรรค พนักงานอัยการซึ่งห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็เป็นสมาชิกพรรค คนที่ตายไปแล้ว10 ปีแน่นอนว่าเซ็นต์ชื่อไม่ได้ ส่วนอัยการท่านอัยการที่สมัครพรรคการเมืองไม่ได้ก็ไปปรากฎเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย รวมถึงกรณีที่ร้องเรียนไปที่คณะกรรมการยุติธรรมสมัยที่ตนเป็นรองประธานกรรมาธิการ ลายเซ็นต์ในใบสมัครไม่ใช่ ภาพถ่ายไม่มี ในกรณีอย่างนี้เป็นเรื่องที่มีส่วนได้เสีย โดยพล.ต.อ.วาสนา แจ้งว่า จะดำเนินการรื้อระบบการจัดเกี่ยวกับเรื่องสมาชิกพรรค พร้อมกับยอมรับว่าในฐานข้อมูลของกกต. คนเพียงคนเดียวสามารถเข้าไปทำอะไรก็ได้ ยอมรับว่าเป็นช่องว่างอย่างยิ่งของกกต. เพราะว่าจากพยานหลักฐาน พยานเอกสาร พยานบุคคล ยืนยันได้ว่ามีการทุจริตในฐานข้อมูลของกกต. เข้าไปแก้ฐานข้อมูลแล้วบางทีแก้แล้วไม่หมด ฐานข้อมูลกับเอกสารหลักฐานที่เป็นกระดาษขัดกัน
นายถาวรได้ถามต่อเกี่ยวกับความตั้งใจจริง ความโปร่งใสของคณะกรรมการ พล.ต.อ.วาสนาตอบว่าหลักฐานถึงใคร ไม่เว้น หมายถึงว่าผู้สมัครประมาณ 400 ราย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยจบแล้วก็จะดำเนินคดีทุกรายรวมถึงพรรคการเมืองไม่ว่าพรรคใด ดังนั้น เมื่อคำถามของตนชัดเจนแล้วว่าเมื่อกกต สืบสวนได้ข้อยุติว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งๆที่รู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติครบ ถือว่าเป็นการละเมิดพรบ.การเลือกตั้งตามมาตรา 100 มีโทษจำคุก 10 ปี ส่วนพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุน ไม่ว่าด้วยการจ่ายเงิน ช่วยแก้ไขฐานข้อมูลที่กกต. บุคคลธรรมดาหรือพรรคการเมืองที่ให้การช่วยเหลือก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้ที่ลงรับสมัครเลือกตั้งที่เป็นโทษ ผู้ใช้ก็ติด 10 ปี ผู้กระทำก็ติด 10 ปี สำหรับพรรคการเมืองมีโทษถึงการยุบพรรรค ตนจึงถามต่อไปว่า ถ้าเป็นพรรคการเมืองจะทำอย่างไร นอกเหนือจาก 400ร้อยคนที่ตรวจพบแล้วขณะนี้แล้ว ก็ต้องรอให้ยุติ หลังจากศาลฎีกาวินิจฉัยทุกคดีที่อยู่ในศาล หลังจากนั้นจะส่งให้พนักงานดำเนินคดีให้หมดนักการเมืองก็จะไม่ละเว้น เวลาที่จะพิสูจน์ว่ากกต.ทำจริงหรือไม่จากคำพูดที่ท่านพูดไปแล้ว ทั้งนี้ตนถือว่าคำพูดเป็นนาย เป็นนายของการกระทำ ดังนั้นจึงขอย้ำกับกกต.อีกครั้งหนึ่งว่า ต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งอื่นๆอีก 3 ท่านแล้ว ขอได้โปรดอย่าเกรงกลัว อย่าละเว้น จงได้โปรดติดตามการทำงานของกกต.ด้วย ว่างานนี้เป็นงานที่ใหญ่มาก และกระทบกระเทือนถึงพรรคใหญ่ถ้าหากพบว่าพยานหลักฐานที่เราได้มาก็ดีมีกกต.สอบสวนได้มาก็ดี สอบสวนถ้าเมื่อมีผลถึงการกระทำของพรรคไทยรักไทย ถ้าหากว่าท่านละเว้นท่านที่ไม่ค่อยได้รับความเชื่อถืออยู่แล้ว ก็จะทำให้องค์กรของท่านหมดความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามความเป็นจริง สำหรับการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันที่ 29 ตามคำสั่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้สั่งไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จตามกำหนดการหรือไม่ แต่จะเร่งรัดให้เสร็จตามเวลา ดังนั้นตนจะคอยเร่งรัด และติดตามต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มี.ค. 2549--จบ--