วันนี้(7 พ.ย.49) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวความคิดในการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และ ส.ส. เพียง 2 สมัย โดยเห็นว่า ในส่วนของนายกรัฐมนตรีสมควรที่จะมีการพิจารณา เพราะนายกรัฐมนตรีถือเป็นศูนย์รวมอำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งหากอยู่ในอำนาจนานเกินไปอาจเกิดปัญหาได้ แต่ในส่วนของ ส.ส.และคณะรัฐมนตรีนั้น ตนไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ในการไปจำกัดสิทธิ เพราะต้องมีนักการเมืองอาชีพ ซึ่งปกติของประเทศประชาธิปไตยต้องมีบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว เนื่องจากคนเหล่านี้จะต้องสั่งสมประสบการณ์ ความรู้ และทราบปัญหาในพื้นที่อย่างไรก็ตาม
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าเรื่องของระยะเวลาการดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้มาซึ่งอำนาจ และการใช้อำนาจ ซึ่งหากมีการได้มาที่ไม่ถูกต้อง และใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง แม้อยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติได้
ส่วนกรณีการให้ความร่วมมือกับการทำงานของคคส.นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าหน่วยงานของรัฐทุกแห่งควรให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ในการส่งข้อมูลต่างๆ ให้ เพราะการตรวจสอบการทุจริตถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดไม่ได้ให้ความร่วมมือก็น่าจะมีระบบการลงโทษ เพราะเท่ากับเป็นการขัดขวางกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่างๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ติดตามตรวจสอบ หรือหากมีประเด็นใหม่ทางพรรคก็พร้อมจะส่งเอกสารหรือข้อมูลต่างๆ ให้
ส่วนกรณีการส่งตัวแทนพรรคการเมือง เข้าเป็นส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีการส่งตัวแทนพรรคการเมือง เข้าเป็นส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ว่า ได้ทำหนังสือไปสอบถามเจตนาที่ชัดเจนต่อข้อกำหนดดังกล่าว ที่ห้ามมิให้สมาชิกพรรคการเมือง เป็น สภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยในขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยยอมรับว่า การคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของพรรค ในการทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะไม่ทราบว่า จะส่งใครเข้าไปเป็นตัวแทน เพราะหากส่งคนที่เป็นสมาชิกพรรคเข้าไป ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ นอกจากนี้ ยังเห็นว่าผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งหมด ควรแสดงเจตนารมย์ ว่าจะไม่ทำงานทางการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของการมีส่วนได้เสียเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้ผ่อนคลายประกาศ ห้ามมิให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง และประชาชน ได้มีส่วนเสนอข้อคิดเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ย. 2549--จบ--
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าเรื่องของระยะเวลาการดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้มาซึ่งอำนาจ และการใช้อำนาจ ซึ่งหากมีการได้มาที่ไม่ถูกต้อง และใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง แม้อยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติได้
ส่วนกรณีการให้ความร่วมมือกับการทำงานของคคส.นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าหน่วยงานของรัฐทุกแห่งควรให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ในการส่งข้อมูลต่างๆ ให้ เพราะการตรวจสอบการทุจริตถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดไม่ได้ให้ความร่วมมือก็น่าจะมีระบบการลงโทษ เพราะเท่ากับเป็นการขัดขวางกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่างๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ติดตามตรวจสอบ หรือหากมีประเด็นใหม่ทางพรรคก็พร้อมจะส่งเอกสารหรือข้อมูลต่างๆ ให้
ส่วนกรณีการส่งตัวแทนพรรคการเมือง เข้าเป็นส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีการส่งตัวแทนพรรคการเมือง เข้าเป็นส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ว่า ได้ทำหนังสือไปสอบถามเจตนาที่ชัดเจนต่อข้อกำหนดดังกล่าว ที่ห้ามมิให้สมาชิกพรรคการเมือง เป็น สภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยในขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยยอมรับว่า การคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของพรรค ในการทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะไม่ทราบว่า จะส่งใครเข้าไปเป็นตัวแทน เพราะหากส่งคนที่เป็นสมาชิกพรรคเข้าไป ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ นอกจากนี้ ยังเห็นว่าผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งหมด ควรแสดงเจตนารมย์ ว่าจะไม่ทำงานทางการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของการมีส่วนได้เสียเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้ผ่อนคลายประกาศ ห้ามมิให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง และประชาชน ได้มีส่วนเสนอข้อคิดเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ย. 2549--จบ--