ปชป.ยกเลิกปราศรัยลานพระรูปฯ 4 มี.ค. หวั่นตกเป็นเครื่องมือฝ่ายตรงข้าม เผย เย็นนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
นายองอาจ ได้แถลงข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดสินใจขอยุติการชุมนุมปราศรัยในวันที่ 4 มี.ค. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ด้วยเหตุผลว่า สถานการณ์การเมืองอยู่ในสภาวะไม่น่าไว้วางใจ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นเหยื่อผู้มีอำนาจในประเทศต่อไป และไม่ต้องการจะให้ผู้มีอำนาจในประเทศนี้ใช้พรรคเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของตัวเองไว้ ส่วนการจัดเวทีในต่างจังหวัดยังมีตามปกติซึ่งการยุติในครั้งนี้เป็นไปโดยข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ได้สั่งการว่าให้ยุติโดยด่วน จากการที่พรรคได้ประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ยอมไม่ปราศรัย ดีกว่ายอมให้เกิดปัญหาอะไรที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งมีสิ่งบอกเหตุและมีข้อมูลที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องตัดสินใจเช่นนี้ ซึ่งพรรคไม่สามารถบอกได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกในเชิงอ้อนวอนและขอร้องว่าได้พยายามจะขอพบนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมนั้น ขอชี้แจงว่านับแต่การยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามหาทางออกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการทำหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าไทยรักไทยมาหารือร่วมกับหัวหน้าอีก 3 พรรคแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธ โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมจัดการประชุมขึ้นมาเองกับหัวหน้าพรรคอีก 10 กว่าพรรคที่ไม่มี ส.ส.ในสภา การพยายามขอพบปะของนายกฯทักษิณ ล้วนแล้วแต่เป็นการเล่นละครน้ำเน่าของนายกฯ ต่อหน้ากล้องทีวี แต่ไม่มีติดต่อจะมาขอพบกับนายอภิสิทธิ์ เป็นการเล่นละครจัดฉากให้ประชาชนเห็นว่า นายกฯ ยอมตามที่ฝ่ายค้านเสนอ แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมตามวิธีการนี้ถือว่าหลอกลวงประชาชน หวังเพียงคะแนนนิยมในการเลือกตั้งเพื่อครองอำนาจต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า ยังมีการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง โดยมีการระบุว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พยายามไกล่เกลี่ย 4 พรรคให้เข้าใจกัน แต่ฝ่ายค้านปฏิเสธ เป็นกลยุทธ์ของพรรคไทยรักไทยที่พยายามปล่อยข่าวเพื่อให้ประชาชนมองนายอภิสิทธิ์ในแง่ลบ แต่ในความเป็นจริงมีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ไม่ใช่ พล.อ.เปรม บอกว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณสองต่อสอง แต่นายอภิสิทธิ์เห็นว่า การพบกันโดยไม่มีคนกลาง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความน่าเชื่อถือพอในการเจรจา เกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำการหารือครั้งนี้ไปเป็นประโยชน์ต่อตนเองเพื่อให้ครองอำนาจต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมจากการยุบสภาที่ไม่ชอบธรรม ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่านายอภิสิทธิ์เป็นนักประชาธิปไตยมือเปื้อนเลือดนั้น พวกที่มือเปื้อนเลือดที่จริงอยู่ในรัฐบาล คุณหญิงสุดารัตน์น่าจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากให้ไปทบทวนตัวเองว่าสมัยที่อยู่กับผู้นำพรรคบางคน ได้ประพฤติปฏิบัติอย่างไรที่เกี่ยวข้องกับการเปื้อนเลือดบ้างหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ต้องตอบในเรื่องนี้ก่อน ก็จะรู้ว่าคนที่เปื้อนเลือดตัวจริงคือใคร ขออย่าได้ลืมอดีตเก่าๆ ที่ตัวเองเคยสร้างเอาไว้
นายองอาจ กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้นและไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุม การที่ผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุมหรือชุมนุมต่อไปหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจใดๆ ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นคิดว่าข้อกล่าวหาต่างๆของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มีออกมาล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยไร้ความจริง เพียงแต่ตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาเพื่อที่จะหาทางสร้างความชอบธรรมให้กับนายกรัฐมนตรี และสร้างความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะมีขึ้นหรือไม่ยังไม่ทราบ
“เพราะข่าวล่าสุดที่ตนได้รับมาคือเย็นวันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้นก็ได้ ฉะนั้นขอให้คุณหญิงสุดารัตน์ หยุดที่จะแสวงหาความชอบธรรมให้พวกพ้องตัวเองเพื่อที่จะยึดกุมอำนาจเป็นใหญ่เป็นโตในประเทศนี้ต่อไป คิดว่าสิ่งที่นายกฯพยายามสร้างภาพว่ายินยอมทุกๆ เรื่องในขณะนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ท่านไม่ได้อยากจะยอมเพื่อระบบประชาธิปไตย แต่พยายามที่จะสร้างภาพยินยอมทุกเรื่องเพื่อที่จะรักษาระบอบทักษิณ ให้คงอยู่คู่กับประเทศนี้ต่อไปมากกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่ ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมและรับประทานอาหารกับนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีรายงานข่าวแจ้งว่าผบ.เหล่าทัพเสนอให้นายกฯลาออกจากตำแหน่งเพื่อแก้ไขวิกฤตประเทศนั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่สมควรอย่างยิ่งที่นายกฯจะต้องพิจารณา เพราะเป็นข้อเสนอที่เต็มไปด้วยความห่วงใยในปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศ และเชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพน่าจะมีข้อมูลเพียงพอว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของเรา จึงกล้าที่จะเสนอให้นายกฯลาออกเพื่อแก้ไขวิกฤตของประเทศ ฉะนั้นคิดว่าวันนี้ยังไม่สายเกินไปที่นายกฯ จะพิจารณาตามข้อเสนอของ ผบ.เหล่าทัพ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 มี.ค. 2549--จบ--
นายองอาจ ได้แถลงข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดสินใจขอยุติการชุมนุมปราศรัยในวันที่ 4 มี.ค. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ด้วยเหตุผลว่า สถานการณ์การเมืองอยู่ในสภาวะไม่น่าไว้วางใจ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นเหยื่อผู้มีอำนาจในประเทศต่อไป และไม่ต้องการจะให้ผู้มีอำนาจในประเทศนี้ใช้พรรคเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของตัวเองไว้ ส่วนการจัดเวทีในต่างจังหวัดยังมีตามปกติซึ่งการยุติในครั้งนี้เป็นไปโดยข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ได้สั่งการว่าให้ยุติโดยด่วน จากการที่พรรคได้ประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ยอมไม่ปราศรัย ดีกว่ายอมให้เกิดปัญหาอะไรที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งมีสิ่งบอกเหตุและมีข้อมูลที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องตัดสินใจเช่นนี้ ซึ่งพรรคไม่สามารถบอกได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกในเชิงอ้อนวอนและขอร้องว่าได้พยายามจะขอพบนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมนั้น ขอชี้แจงว่านับแต่การยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามหาทางออกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการทำหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าไทยรักไทยมาหารือร่วมกับหัวหน้าอีก 3 พรรคแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธ โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมจัดการประชุมขึ้นมาเองกับหัวหน้าพรรคอีก 10 กว่าพรรคที่ไม่มี ส.ส.ในสภา การพยายามขอพบปะของนายกฯทักษิณ ล้วนแล้วแต่เป็นการเล่นละครน้ำเน่าของนายกฯ ต่อหน้ากล้องทีวี แต่ไม่มีติดต่อจะมาขอพบกับนายอภิสิทธิ์ เป็นการเล่นละครจัดฉากให้ประชาชนเห็นว่า นายกฯ ยอมตามที่ฝ่ายค้านเสนอ แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมตามวิธีการนี้ถือว่าหลอกลวงประชาชน หวังเพียงคะแนนนิยมในการเลือกตั้งเพื่อครองอำนาจต่อไป
นายองอาจ กล่าวว่า ยังมีการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง โดยมีการระบุว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พยายามไกล่เกลี่ย 4 พรรคให้เข้าใจกัน แต่ฝ่ายค้านปฏิเสธ เป็นกลยุทธ์ของพรรคไทยรักไทยที่พยายามปล่อยข่าวเพื่อให้ประชาชนมองนายอภิสิทธิ์ในแง่ลบ แต่ในความเป็นจริงมีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ไม่ใช่ พล.อ.เปรม บอกว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณสองต่อสอง แต่นายอภิสิทธิ์เห็นว่า การพบกันโดยไม่มีคนกลาง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความน่าเชื่อถือพอในการเจรจา เกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำการหารือครั้งนี้ไปเป็นประโยชน์ต่อตนเองเพื่อให้ครองอำนาจต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมจากการยุบสภาที่ไม่ชอบธรรม ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่านายอภิสิทธิ์เป็นนักประชาธิปไตยมือเปื้อนเลือดนั้น พวกที่มือเปื้อนเลือดที่จริงอยู่ในรัฐบาล คุณหญิงสุดารัตน์น่าจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากให้ไปทบทวนตัวเองว่าสมัยที่อยู่กับผู้นำพรรคบางคน ได้ประพฤติปฏิบัติอย่างไรที่เกี่ยวข้องกับการเปื้อนเลือดบ้างหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ต้องตอบในเรื่องนี้ก่อน ก็จะรู้ว่าคนที่เปื้อนเลือดตัวจริงคือใคร ขออย่าได้ลืมอดีตเก่าๆ ที่ตัวเองเคยสร้างเอาไว้
นายองอาจ กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้นและไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุม การที่ผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุมหรือชุมนุมต่อไปหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจใดๆ ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นคิดว่าข้อกล่าวหาต่างๆของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มีออกมาล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยไร้ความจริง เพียงแต่ตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาเพื่อที่จะหาทางสร้างความชอบธรรมให้กับนายกรัฐมนตรี และสร้างความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะมีขึ้นหรือไม่ยังไม่ทราบ
“เพราะข่าวล่าสุดที่ตนได้รับมาคือเย็นวันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้นก็ได้ ฉะนั้นขอให้คุณหญิงสุดารัตน์ หยุดที่จะแสวงหาความชอบธรรมให้พวกพ้องตัวเองเพื่อที่จะยึดกุมอำนาจเป็นใหญ่เป็นโตในประเทศนี้ต่อไป คิดว่าสิ่งที่นายกฯพยายามสร้างภาพว่ายินยอมทุกๆ เรื่องในขณะนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ท่านไม่ได้อยากจะยอมเพื่อระบบประชาธิปไตย แต่พยายามที่จะสร้างภาพยินยอมทุกเรื่องเพื่อที่จะรักษาระบอบทักษิณ ให้คงอยู่คู่กับประเทศนี้ต่อไปมากกว่า” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่ ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมและรับประทานอาหารกับนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีรายงานข่าวแจ้งว่าผบ.เหล่าทัพเสนอให้นายกฯลาออกจากตำแหน่งเพื่อแก้ไขวิกฤตประเทศนั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่สมควรอย่างยิ่งที่นายกฯจะต้องพิจารณา เพราะเป็นข้อเสนอที่เต็มไปด้วยความห่วงใยในปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศ และเชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพน่าจะมีข้อมูลเพียงพอว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของเรา จึงกล้าที่จะเสนอให้นายกฯลาออกเพื่อแก้ไขวิกฤตของประเทศ ฉะนั้นคิดว่าวันนี้ยังไม่สายเกินไปที่นายกฯ จะพิจารณาตามข้อเสนอของ ผบ.เหล่าทัพ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 มี.ค. 2549--จบ--