ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เศรษฐกิจเดือน มิ.ย.49 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า นางสุชาดา กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผย
ถึงภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.49 ว่า ชะลอตัวลงทั้งด้านการผลิต การใช้จ่ายในประเทศ และรายได้เกษตรกร แต่แรงกดดันที่มีต่อเสถียรภาพ
เศรษฐกิจลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุล จำนวน 65 ล้านดอลลาร์
สรอ. เนื่องจากดุลการค้าขาดดุลน้อยลง และกลับมาเกินดุลบริการ ทั้งนี้ ดุลการค้าเดือน มิ.ย. ขาดดุล 425 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากหมวดสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวได้สูง ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 2.5 โดยการนำเข้าน้ำมันลดลงร้อยละ 12.5 แต่การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวสูง ส่วนดุลบริการและเงินโอนที่ขาดดุลในเดือน
ที่ผ่านมากลับมาเกินดุลอีกครั้ง 500 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพราะเดือนนี้มีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนไม่มาก ขณะที่รายได้การ
ท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งเพราะได้รับผลดีจากการจัดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สำหรับภาคเกษตรผลผลิตโดยรวมลดลง
ส่วนราคายังทรงตัว ส่งผลให้รายได้เกษตรกรยังสูงอยู่ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้สูงคือหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับผลดีจาก
การแข่งขันฟุตบอลโลก ขณะที่หมวดเหล็กเริ่มส่งออกได้ ส่วนหมวดที่ผลผลิตชะลอตัวลงคือหมวดอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากฐานปีที่ใช้เทียบสูงมาก แต่
ก็ยังเป็นหมวดที่สามารถขยายตัวได้ดี สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 2 ชะลอตัวลงเช่นกัน โดยดุลบริการขาดดุล 1,153 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ดุลการค้าขาดดุล 1,705 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านการบริโภคปรับลดลงและคาดว่าไตรมาสต่อไปก็จะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส 2 ส่วน
การลงทุนชะลอตัวเนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมือง รวมทั้งต้นทุนน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อความชัดเจน
ทางการเมืองมีมากขึ้นการลงทุนก็จะดีขึ้นตามไปด้วย (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง)
2. ดอกเบี้ยสูงไม่กระทบการกู้ยืมและการลงทุนภาคธุรกิจ ธปท. ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน ก.ค. ว่า แม้ทางการ
จะมีนโยบายดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นไปแล้ว 13 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ส.ค.47 จนทำให้ ธ.พาณิชย์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลูกค้ารายใหญ่
ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) อย่างต่อเนื่อง แต่จากการประมวลผลของคณะกรรมการนโยบายการเงินยังเห็นว่าไม่กระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมและ
การลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังกู้เงินจาก ธ.พาณิชย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มของดอกเบี้ยในรูปตัวเงิน ยังไม่ได้พิจารณาถึง
เงินเฟ้อหรือภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการมีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา และรายได้ที่เป็นตัวเงินของภาคธุรกิจจากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งการวิเคราะห์ว่าต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริงของภาคธุรกิจจะสูงขึ้นมากหรือไม่นั้นควรดูจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ต้องนำอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์
มาหักด้วยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะพบว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ที่แท้จริงในปัจจุบันยังต่ำมาก โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.49 ยังอยู่ที่ร้อยละ 1.60 ต่ำกว่าดอกเบี้ย
เอ็มแอลอาร์ที่แท้จริงเฉลี่ยในระยะ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.10 และถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2525 ที่สำคัญเมื่อพิจารณาต้นทุนกู้ยืมของภาคธุรกิจกับ
ผลตอบแทนการลงทุนโดยใช้อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ที่แท้จริงกับอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่แท้จริงพบว่า อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ต่ำกว่าการ
ขยายตัวของจีดีพีที่แท้จริงโดยตลอด ทำให้เห็นว่าต้นทุนกู้ยืมในปัจจุบันยังต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้น ธุรกิจยัง
แบกรับต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ยังสูงอยู่ (โพสต์ทูเดย์)
3. ธ.พาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่
1 ส.ค.49 ธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 — 12 เดือน ขึ้นอีกร้อยละ 0.25 — 0.50 เพื่อระดมเงินฝากรองรับการ
ขยายตัวทางธุรกิจที่คาดว่าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าของธนาคาร พร้อมกันนี้ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25 ทำให้อัตรา
ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์อยู่ที่ร้อยละ 7.75 เอ็มโออาร์ ร้อยละ 8.0 และ เอ็มอาร์อาร์ ร้อยละ 8.25 ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กก.ผจก.
ใหญ่ ธ.กสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีกร้อยละ 0.25 — 0.50 และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25
มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.49 เช่นกัน (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังเตรียมออกพันธบัตรชดเชยความเสียหายกองทุนฟื้นฟูฯ อีก 6 พันล้านบาท นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สำนักบริหารหนี้
สาธารณะ ก.คลัง กล่าวว่า ก.คลังมีแผนจะออกพันธบัตรออมทรัพย์เสนอขายแก่ประชาชน วงเงิน 6 พันล้านบาท ในปี งปม.50 หรือตั้งแต่เดือน
ต.ค.49 จนถึงปี 50 โดยจะออกขายเดือนละ 500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปี งปม. 49 ภายใต้วงเงิน 1.39 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.48 จนถึงเดือน ก.ค.49 ก.คลังได้ออกพันธบัตรขายประชาชนทั่วไป
จำนวน 24,394 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81 ของวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ก.คลังจึงจะออกพันธบัตรอีกเดือนละ 500 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน ส.ค.
นี้จนถึงสิ้นปี งปม.50 (คมชัดลึก, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศต่างๆทั่วโลกในเดือน มิ.ย. ชะลอลง เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 49 รอยเตอร์เปิดเผยว่า
ประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุด 10 อันดับ ในเดือน มิ.ย.ทุนสำรองระหว่างประเทศชะลอตัว มีเพียงจีน และรัสเซียที่มี
ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ประเทศที่มีทุนสำรองมาก 10 อันดับดังกล่าวในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 13 พัน ล. ดอลลาร์
สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในขณะที่จีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และรัสเซียเพิ่มขึ้น 5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ชดเชยกับ
การอ่อนตัวอย่างมากของเงินยูโร และเงินตราอื่นๆ อย่างไรก็ตามตัวเลขรวมของไตรมาสที่ 2 ทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศ 10 อันดับ
สูงสุดดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 158 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากไตรมาสแรก โดยจีน รัสเซีย และญี่ปุ่นเป็น
ประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความไม่สมดุลของโลก และ
สร้างความวิตกให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศในปัญหาของการขาดดุลของ สรอ. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 6 ของ GDP (รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากโซล เมื่อ 1 ส.ค.49 รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิด
เผยว่า มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่จำนวน 26.13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 ขณะที่นำเข้าอยู่ที่
จำนวน 25.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ส่งผลให้เกินดุลการค้าเพียง 0.67 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงอย่างมากจาก
ยอดเกินดุลจำนวน 1.73 พัน ล.ดอลลาร์ช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์ว่า การส่งออกและนำ
เข้าในเดือน ก.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 และ 17.9 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มีความกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ
ที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ชะลอตัวลง (ซึ่ง 2 ใน 5 ส่วนเป็นการส่งออกไปยังประเทศจีนและ สรอ.) อนึ่ง
ธ.กลางเกาหลีใต้จะทบทวนอัตราดอกเบี้ยในประเทศในวันที่ 10 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้น 4 ครั้งระหว่างเดือน ต.ค.48 ถึง มิ.ย.49 เพื่อรองรับภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อ
(รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า รายงานจาก
โซลเมื่อ 28 ก.ค.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 จะ
อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.49 ที่อยู่ที่ร้อยละ
2.8 โดยนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นการกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ ธ.กลาง
เกาหลีใต้แสดงความกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงอยู่
ในระดับเป้าหมายของ ธ.กลางเกาหลีใต้ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ตั้งแต่เดือน พ.ค.48 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 31 ก.ค.49
อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ในไตรมาสแรก
และอยู่ในระดับสูงกว่าที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยจากตัวเลขเบื้องต้นหลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้ว มีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 36,500 ตำแหน่ง ลดลงจาก 45,000 ตำแหน่งในไตรมาสแรกซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ
ทศวรรษ โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 70 ของแรงงานทั้งหมดมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 24,200 ตำแหน่ง สอดคล้องกับ
รายงานก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปี 49 ชะลอตัวลงมากโดยขยายตัวเพียงร้อยละ 1.1 ต่อปีจากร้อยละ 7 ต่อปีในไตรมาสแรก
แต่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนคนในวัยทำงานที่มีมากขึ้นโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ในไตรมาสแรกปี 49 เมื่อเทียบกับช่วง
เวลาเดียวกันของปี 48 อย่างไรก็ดีคาดว่าอัตราการว่างงานในไตรมาสต่อไปจะลดลง โดยผลสำรวจความเห็นของธุรกิจในสิงคโปร์พบว่าร้อยละ
56 มีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ส.ค. 49 31 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.849 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.6635/37.9523 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.14063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 691.49/ 10.55 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,350/11,450 11,350/11,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 70.18 67.73 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 1 ส.ค. 49 30.19*/27.54 29.79/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เศรษฐกิจเดือน มิ.ย.49 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า นางสุชาดา กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผย
ถึงภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.49 ว่า ชะลอตัวลงทั้งด้านการผลิต การใช้จ่ายในประเทศ และรายได้เกษตรกร แต่แรงกดดันที่มีต่อเสถียรภาพ
เศรษฐกิจลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุล จำนวน 65 ล้านดอลลาร์
สรอ. เนื่องจากดุลการค้าขาดดุลน้อยลง และกลับมาเกินดุลบริการ ทั้งนี้ ดุลการค้าเดือน มิ.ย. ขาดดุล 425 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากหมวดสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวได้สูง ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 2.5 โดยการนำเข้าน้ำมันลดลงร้อยละ 12.5 แต่การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวสูง ส่วนดุลบริการและเงินโอนที่ขาดดุลในเดือน
ที่ผ่านมากลับมาเกินดุลอีกครั้ง 500 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพราะเดือนนี้มีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนไม่มาก ขณะที่รายได้การ
ท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งเพราะได้รับผลดีจากการจัดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สำหรับภาคเกษตรผลผลิตโดยรวมลดลง
ส่วนราคายังทรงตัว ส่งผลให้รายได้เกษตรกรยังสูงอยู่ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้สูงคือหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับผลดีจาก
การแข่งขันฟุตบอลโลก ขณะที่หมวดเหล็กเริ่มส่งออกได้ ส่วนหมวดที่ผลผลิตชะลอตัวลงคือหมวดอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากฐานปีที่ใช้เทียบสูงมาก แต่
ก็ยังเป็นหมวดที่สามารถขยายตัวได้ดี สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 2 ชะลอตัวลงเช่นกัน โดยดุลบริการขาดดุล 1,153 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ดุลการค้าขาดดุล 1,705 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านการบริโภคปรับลดลงและคาดว่าไตรมาสต่อไปก็จะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส 2 ส่วน
การลงทุนชะลอตัวเนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมือง รวมทั้งต้นทุนน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อความชัดเจน
ทางการเมืองมีมากขึ้นการลงทุนก็จะดีขึ้นตามไปด้วย (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง)
2. ดอกเบี้ยสูงไม่กระทบการกู้ยืมและการลงทุนภาคธุรกิจ ธปท. ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน ก.ค. ว่า แม้ทางการ
จะมีนโยบายดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นไปแล้ว 13 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ส.ค.47 จนทำให้ ธ.พาณิชย์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลูกค้ารายใหญ่
ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) อย่างต่อเนื่อง แต่จากการประมวลผลของคณะกรรมการนโยบายการเงินยังเห็นว่าไม่กระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมและ
การลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังกู้เงินจาก ธ.พาณิชย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มของดอกเบี้ยในรูปตัวเงิน ยังไม่ได้พิจารณาถึง
เงินเฟ้อหรือภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการมีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา และรายได้ที่เป็นตัวเงินของภาคธุรกิจจากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งการวิเคราะห์ว่าต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริงของภาคธุรกิจจะสูงขึ้นมากหรือไม่นั้นควรดูจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ต้องนำอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์
มาหักด้วยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะพบว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ที่แท้จริงในปัจจุบันยังต่ำมาก โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.49 ยังอยู่ที่ร้อยละ 1.60 ต่ำกว่าดอกเบี้ย
เอ็มแอลอาร์ที่แท้จริงเฉลี่ยในระยะ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.10 และถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2525 ที่สำคัญเมื่อพิจารณาต้นทุนกู้ยืมของภาคธุรกิจกับ
ผลตอบแทนการลงทุนโดยใช้อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ที่แท้จริงกับอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่แท้จริงพบว่า อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ต่ำกว่าการ
ขยายตัวของจีดีพีที่แท้จริงโดยตลอด ทำให้เห็นว่าต้นทุนกู้ยืมในปัจจุบันยังต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้น ธุรกิจยัง
แบกรับต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ยังสูงอยู่ (โพสต์ทูเดย์)
3. ธ.พาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่
1 ส.ค.49 ธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 — 12 เดือน ขึ้นอีกร้อยละ 0.25 — 0.50 เพื่อระดมเงินฝากรองรับการ
ขยายตัวทางธุรกิจที่คาดว่าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าของธนาคาร พร้อมกันนี้ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25 ทำให้อัตรา
ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์อยู่ที่ร้อยละ 7.75 เอ็มโออาร์ ร้อยละ 8.0 และ เอ็มอาร์อาร์ ร้อยละ 8.25 ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กก.ผจก.
ใหญ่ ธ.กสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีกร้อยละ 0.25 — 0.50 และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25
มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.49 เช่นกัน (เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังเตรียมออกพันธบัตรชดเชยความเสียหายกองทุนฟื้นฟูฯ อีก 6 พันล้านบาท นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สำนักบริหารหนี้
สาธารณะ ก.คลัง กล่าวว่า ก.คลังมีแผนจะออกพันธบัตรออมทรัพย์เสนอขายแก่ประชาชน วงเงิน 6 พันล้านบาท ในปี งปม.50 หรือตั้งแต่เดือน
ต.ค.49 จนถึงปี 50 โดยจะออกขายเดือนละ 500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปี งปม. 49 ภายใต้วงเงิน 1.39 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.48 จนถึงเดือน ก.ค.49 ก.คลังได้ออกพันธบัตรขายประชาชนทั่วไป
จำนวน 24,394 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81 ของวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ก.คลังจึงจะออกพันธบัตรอีกเดือนละ 500 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน ส.ค.
นี้จนถึงสิ้นปี งปม.50 (คมชัดลึก, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศต่างๆทั่วโลกในเดือน มิ.ย. ชะลอลง เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 49 รอยเตอร์เปิดเผยว่า
ประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุด 10 อันดับ ในเดือน มิ.ย.ทุนสำรองระหว่างประเทศชะลอตัว มีเพียงจีน และรัสเซียที่มี
ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ประเทศที่มีทุนสำรองมาก 10 อันดับดังกล่าวในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 13 พัน ล. ดอลลาร์
สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในขณะที่จีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และรัสเซียเพิ่มขึ้น 5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ชดเชยกับ
การอ่อนตัวอย่างมากของเงินยูโร และเงินตราอื่นๆ อย่างไรก็ตามตัวเลขรวมของไตรมาสที่ 2 ทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศ 10 อันดับ
สูงสุดดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 158 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากไตรมาสแรก โดยจีน รัสเซีย และญี่ปุ่นเป็น
ประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความไม่สมดุลของโลก และ
สร้างความวิตกให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศในปัญหาของการขาดดุลของ สรอ. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 6 ของ GDP (รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากโซล เมื่อ 1 ส.ค.49 รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิด
เผยว่า มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 อยู่ที่จำนวน 26.13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 ขณะที่นำเข้าอยู่ที่
จำนวน 25.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ส่งผลให้เกินดุลการค้าเพียง 0.67 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงอย่างมากจาก
ยอดเกินดุลจำนวน 1.73 พัน ล.ดอลลาร์ช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์ว่า การส่งออกและนำ
เข้าในเดือน ก.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 และ 17.9 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มีความกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ
ที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ชะลอตัวลง (ซึ่ง 2 ใน 5 ส่วนเป็นการส่งออกไปยังประเทศจีนและ สรอ.) อนึ่ง
ธ.กลางเกาหลีใต้จะทบทวนอัตราดอกเบี้ยในประเทศในวันที่ 10 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้น 4 ครั้งระหว่างเดือน ต.ค.48 ถึง มิ.ย.49 เพื่อรองรับภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อ
(รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า รายงานจาก
โซลเมื่อ 28 ก.ค.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.49 จะ
อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.49 ที่อยู่ที่ร้อยละ
2.8 โดยนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นการกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ ธ.กลาง
เกาหลีใต้แสดงความกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงอยู่
ในระดับเป้าหมายของ ธ.กลางเกาหลีใต้ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ตั้งแต่เดือน พ.ค.48 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 31 ก.ค.49
อัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ในไตรมาสแรก
และอยู่ในระดับสูงกว่าที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยจากตัวเลขเบื้องต้นหลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้ว มีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 36,500 ตำแหน่ง ลดลงจาก 45,000 ตำแหน่งในไตรมาสแรกซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ
ทศวรรษ โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 70 ของแรงงานทั้งหมดมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 24,200 ตำแหน่ง สอดคล้องกับ
รายงานก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปี 49 ชะลอตัวลงมากโดยขยายตัวเพียงร้อยละ 1.1 ต่อปีจากร้อยละ 7 ต่อปีในไตรมาสแรก
แต่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนคนในวัยทำงานที่มีมากขึ้นโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ในไตรมาสแรกปี 49 เมื่อเทียบกับช่วง
เวลาเดียวกันของปี 48 อย่างไรก็ดีคาดว่าอัตราการว่างงานในไตรมาสต่อไปจะลดลง โดยผลสำรวจความเห็นของธุรกิจในสิงคโปร์พบว่าร้อยละ
56 มีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ส.ค. 49 31 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.849 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.6635/37.9523 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.14063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 691.49/ 10.55 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,350/11,450 11,350/11,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 70.18 67.73 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 1 ส.ค. 49 30.19*/27.54 29.79/27.54 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--