ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทยยังคงมีทิศทางขาขึ้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวในการปาฐกถาเรื่อง แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี 2549 ว่า แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยของไทยยังคง
มีทิศทางขาขึ้น เนื่องจากในปีนี้ ไทยจะยังคงขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการออมที่น้อยกว่าการ
ลงทุน ทำให้ไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อดึงให้เงินออมในประเทศกลับสูงขึ้นอีกครั้ง
ในช่วงปีนี้ จึงยังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ นอกจากนี้ การที่ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้น
ทำให้ไทยมีความต้องการเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องทำให้อัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับ
สูงด้วย นอกจากนี้ ยังคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้จะราบรื่นกว่าปี 48 โดยจะเติบโตได้ร้อยละ 5-6 เนื่องจาก
ปัจจัยลบคลี่คลายลง มีเพียงปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น เศรษฐกิจ สรอ.ที่ยังต้องเฝ้าติดตามต่อไป ด้านประเด็น
การเมืองจะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากนัก เห็นได้จากปี 48 แม้ประเด็นการเมืองจะมีเข้ามามาก แต่
เศรษฐกิจยังสามารถฟื้นตัวต่อได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, บ้านเมือง, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. ก.คลังเผย สรอ.ขอเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ในธุรกิจสถาบันการเงินไทย 3 ประเภท ผอ.สำนัก
งานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาเปิดเสรีภาคการเงินไทย-สรอ. เปิดเผยผลการเจรจารอบที่ 6
ซึ่งได้เจรจาเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ทาง สรอ.ได้เสนอเงื่อนไขเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ในภาค
ธุรกิจสถาบันการเงินไทยทั้ง 3 ประเภท ประกอบด้วย ธพ. ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันชีวิต จากปัจจุบันไทย
ไม่อนุญาตให้เข้าถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 โดยให้ถือได้เพียงร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนสำหรับ ธพ. และประกัน
ชีวิต ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ถือได้ร้อยละ 49 อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายไทยยังยืนยันในข้อเสนอว่า การอนุญาตเข้าถือหุ้น
ได้นั้น จะต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ภาคเอกชนไทยได้เตรียมตัวรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
(กรุงเทพธุรกิจ)
3. บล.เคจีไอคาดผลประกอบการหุ้นกลุ่ม ธพ.ไตรมาส 4 ปี 48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เทียบต่อปี
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ผลประกอบการหุ้นกลุ่ม ธพ.ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 48 จะเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 โดยคาดว่ากลุ่ม
ธนาคารขนาดใหญ่และขนาดกลาง 7 แห่ง จะมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากเทียบกับไตร
มาสเดียวกันของปีก่อนจะพบว่า ธนาคารมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เพราะหลายธนาคารมีการขยายสาขาและลง
ทุนทางด้านเครื่องเบิกถอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เอทีเอ็ม) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 56 จากไตรมาสก่อน (โพสต์ทูเดย์)
4. พันธบัตรออมทรัพย์ ก.คลัง งวดเดือน ม.ค.รุ่นอายุ 5 ปีจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว ผู้ช่วย
กรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า พันธบัตรออมทรัพย์ ก.คลังงวดเดือน ม.ค.รุ่นอายุ 5 ปีที่ออกจำหน่าย
วงเงิน 2 พัน ล.บาท สามารถจำหน่ายได้หมดภายในเวลาอันรวดเร็ว แม้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ซึ่งลด
ลงร้อยละ 0.75 เมื่อเทียบกับพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปีที่ออกขายในเดือน พ.ย.48 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.25 เนื่องจาก
ประชาชนรายย่อยมองว่า จำนวนเงิน 5 แสนบาทไม่สามารถไปลงทุนที่ใดที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่านี้ได้
ส่วนจะไปลงทุนในตราสารอื่น ลูกค้ารายย่อยก็เข้าไม่ถึง เพราะมีการกำหนดวงเงินที่สูงเกินไป (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเยอรมนีจะปรับตัวเลขจีดีพีปี 49 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.4 จากเดิมร้อยละ 1.2
รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 16 ม.ค.49 แหล่งข่าวจากรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยกับสำนัก
ข่าวรอยเตอร์ว่า ทางการกำลังพิจารณาปรับประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้เพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 1.4 จากเดิมร้อยละ 1.2 แต่ก็ยังต่ำกว่าที่ รมว.เศรษฐกิจของเยอรมนีได้กล่าวไว้เมื่อต้นเดือน ม.
ค.49 ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.5 — 1.8 ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานัก
เศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักได้ปรับเพิ่มพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเช่นกัน โดยคาดว่าการส่ง
ออกที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนอื่น เช่น การที่
เยอรมนีจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในเดือน มิ.ย.49 จะช่วยทำให้การบริโภคภายใน
ประเทศที่อ่อนตัวอยู่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ตัวเลขจาก สนง.สถิติแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจใน
ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 0.9 จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การบริโภคภายในประเทศกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น อนึ่ง จะมีการทบทวนตัวเลขพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการที่ระดับร้อยละ 1.2 อีก
ครั้งเมื่อรัฐบาลเผยแพร่รายงานเศรษฐกิจประจำปีในสิ้นเดือน ม.ค.49 (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ม.ค.
49 รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.5
และสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีที่ร้อยละ 1.8 เมื่อเดือน ต.ค. ส่งผลให้บ้านมีราคาเฉลี่ยหลังละ 186,431
ปอนด์ เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยหลังละ 185,398 ปอนด์ในเดือน ต.ค. ส่วนรายงานจากบริษัทสินเชื่อจำนอง สนับสนุน
สัญญานที่บ่งชี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษได้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลแล้ว และเริ่มมั่นคงขึ้นภายหลังการ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว นอกจากนั้นมีรายงานจาก Website ของ
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ Rightmove ว่าราคาบ้านในต้นเดือน ธ.ค. ถึงต้นเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จาก
ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว หลังจากที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ทั้งนี้นาย Howard Archer นัก
เศรษฐศาสตร์จาก Global Insight กล่าวว่าราคาบ้านในเร็วๆนี้ส่งสัญญานราคาบ้านจะแข็งแกร่งขึ้นโดยมีขีด
จำกัด ท่ามกลางตลาดบ้านที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และความสนใจของผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้คาดว่าราคาบ้าน
ในเดือนที่กำลังจะมาถึงจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมาตรการต่างๆ อาทิ ระดับหนี้ที่สูงขึ้นซึ่งมีส่วนบั่นทอนราย
ได้ที่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน พ.ย.48 ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี รายงาน
จาก สิงคโปร์เมื่อ 16 ม.ค.49 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของสิงคโปร์(หลังปรับฤดูกาล)ใน
เดือน พ.ย.48 ลดลงร้อยละ 8.7 ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46 ซึ่งลดลงร้อยละ 10.5 และ
เป็นการลดลงอย่างมากจากการคาดการณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.3 ทั้งนี้ มีสาเหตุจากยอดขาย
รถยนต์ใหม่ลดลงอย่างมากเนื่องจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยยอดจองรถยนต์ใหม่เดือน พ.ย.ลดลงเกือบร้อยละ
10 จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถยนต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบใหญ่ที่สุดของดัชนีขายปลีกปรับตัวลดลงถึงร้อยละ
10.7 หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ต.ค. และยังคงเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องในช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอลงก็เป็นสาเหตุที่ทำ
ให้ยอดขายปลีกในเดือน พ.ย.ลดลงดังกล่าว โดยยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.4 เทียบต่อปี ชะลอลง
จากที่ขยายตัวเกือบร้อยละ 7 ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (ก.ย.และ ต.ค.) นอกจากนี้ ยอดขายของห้างสรรพ
สินค้าที่ลดลงร้อยละ 9.5 จากเดือนก่อนหน้า ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดขายปลีกลดลง อนึ่ง ดัชนีราคาขายปลีก
ของสิงคโปร์มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีปรับตัวลดลง 2 เดือนต่อเนื่องในเดือน ก.ค.และ ส.ค. ร้อย
ละ 3 และ 2.3 ตามลำดับ หลังจากนั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 และ 4.9 ในเดือน ก.ย.และ ต.ค. ก่อน
ที่จะลดลงร้อยละ 6.3 ในเดือน พ.ย.48 (รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน มี.ค.48 รายงานจากโซล เมื่อ 17 ม.ค.49 ธ.กลางเกาหลีใต้รายงานทุนสำรองระหว่างประเทศ
ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 4.27 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วง 15 วันแรกของเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดสำหรับช่วง
ระยะเวลาครึ่งเดือนนับตั้งแต่เพิ่มขึ้น 4.66 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.48 ทำให้ ณ วันที่ 15 ม.
ค.49 ทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกมีจำนวน 214.67 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 210.39 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.48 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการอ่อนตัว
ของค่าเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญเช่น เยนและยูโร ทำให้ทุนสำรองที่อยู่ในรูปเงินสกุลสำคัญดัง
กล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อแปลงค่าเป็นเงินดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกปี 49 ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ลด
ลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเงินยูโรและลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับเงินเยน ในขณะที่นักค้าเงินกล่าวว่าการที่
ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการแทรกแซงตลาดเงินของทางการโดยการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์
สรอ.จากตลาดเงินในประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เงินวอนของเกาหลีใต้มีค่าแข็งเกินไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
สรอ.ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการส่งออกได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ม.ค. 49 16 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.56 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3495/39.6407 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15234 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 752.00/ 22.35 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.3 57.19 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ม.ค. 49 26.84*/24.29* 26.84*/24.29* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทยยังคงมีทิศทางขาขึ้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวในการปาฐกถาเรื่อง แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี 2549 ว่า แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยของไทยยังคง
มีทิศทางขาขึ้น เนื่องจากในปีนี้ ไทยจะยังคงขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการออมที่น้อยกว่าการ
ลงทุน ทำให้ไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อดึงให้เงินออมในประเทศกลับสูงขึ้นอีกครั้ง
ในช่วงปีนี้ จึงยังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ นอกจากนี้ การที่ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้น
ทำให้ไทยมีความต้องการเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องทำให้อัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับ
สูงด้วย นอกจากนี้ ยังคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้จะราบรื่นกว่าปี 48 โดยจะเติบโตได้ร้อยละ 5-6 เนื่องจาก
ปัจจัยลบคลี่คลายลง มีเพียงปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น เศรษฐกิจ สรอ.ที่ยังต้องเฝ้าติดตามต่อไป ด้านประเด็น
การเมืองจะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากนัก เห็นได้จากปี 48 แม้ประเด็นการเมืองจะมีเข้ามามาก แต่
เศรษฐกิจยังสามารถฟื้นตัวต่อได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, บ้านเมือง, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. ก.คลังเผย สรอ.ขอเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ในธุรกิจสถาบันการเงินไทย 3 ประเภท ผอ.สำนัก
งานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาเปิดเสรีภาคการเงินไทย-สรอ. เปิดเผยผลการเจรจารอบที่ 6
ซึ่งได้เจรจาเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ทาง สรอ.ได้เสนอเงื่อนไขเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ในภาค
ธุรกิจสถาบันการเงินไทยทั้ง 3 ประเภท ประกอบด้วย ธพ. ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันชีวิต จากปัจจุบันไทย
ไม่อนุญาตให้เข้าถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 โดยให้ถือได้เพียงร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนสำหรับ ธพ. และประกัน
ชีวิต ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ถือได้ร้อยละ 49 อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายไทยยังยืนยันในข้อเสนอว่า การอนุญาตเข้าถือหุ้น
ได้นั้น จะต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ภาคเอกชนไทยได้เตรียมตัวรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
(กรุงเทพธุรกิจ)
3. บล.เคจีไอคาดผลประกอบการหุ้นกลุ่ม ธพ.ไตรมาส 4 ปี 48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เทียบต่อปี
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ผลประกอบการหุ้นกลุ่ม ธพ.ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 48 จะเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 โดยคาดว่ากลุ่ม
ธนาคารขนาดใหญ่และขนาดกลาง 7 แห่ง จะมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากเทียบกับไตร
มาสเดียวกันของปีก่อนจะพบว่า ธนาคารมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เพราะหลายธนาคารมีการขยายสาขาและลง
ทุนทางด้านเครื่องเบิกถอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เอทีเอ็ม) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 56 จากไตรมาสก่อน (โพสต์ทูเดย์)
4. พันธบัตรออมทรัพย์ ก.คลัง งวดเดือน ม.ค.รุ่นอายุ 5 ปีจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว ผู้ช่วย
กรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า พันธบัตรออมทรัพย์ ก.คลังงวดเดือน ม.ค.รุ่นอายุ 5 ปีที่ออกจำหน่าย
วงเงิน 2 พัน ล.บาท สามารถจำหน่ายได้หมดภายในเวลาอันรวดเร็ว แม้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ซึ่งลด
ลงร้อยละ 0.75 เมื่อเทียบกับพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปีที่ออกขายในเดือน พ.ย.48 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.25 เนื่องจาก
ประชาชนรายย่อยมองว่า จำนวนเงิน 5 แสนบาทไม่สามารถไปลงทุนที่ใดที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่านี้ได้
ส่วนจะไปลงทุนในตราสารอื่น ลูกค้ารายย่อยก็เข้าไม่ถึง เพราะมีการกำหนดวงเงินที่สูงเกินไป (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเยอรมนีจะปรับตัวเลขจีดีพีปี 49 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.4 จากเดิมร้อยละ 1.2
รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 16 ม.ค.49 แหล่งข่าวจากรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยกับสำนัก
ข่าวรอยเตอร์ว่า ทางการกำลังพิจารณาปรับประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้เพิ่มขึ้น
เป็นร้อยละ 1.4 จากเดิมร้อยละ 1.2 แต่ก็ยังต่ำกว่าที่ รมว.เศรษฐกิจของเยอรมนีได้กล่าวไว้เมื่อต้นเดือน ม.
ค.49 ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.5 — 1.8 ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานัก
เศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักได้ปรับเพิ่มพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเช่นกัน โดยคาดว่าการส่ง
ออกที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนอื่น เช่น การที่
เยอรมนีจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในเดือน มิ.ย.49 จะช่วยทำให้การบริโภคภายใน
ประเทศที่อ่อนตัวอยู่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ตัวเลขจาก สนง.สถิติแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจใน
ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 0.9 จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การบริโภคภายในประเทศกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น อนึ่ง จะมีการทบทวนตัวเลขพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการที่ระดับร้อยละ 1.2 อีก
ครั้งเมื่อรัฐบาลเผยแพร่รายงานเศรษฐกิจประจำปีในสิ้นเดือน ม.ค.49 (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ม.ค.
49 รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.5
และสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีที่ร้อยละ 1.8 เมื่อเดือน ต.ค. ส่งผลให้บ้านมีราคาเฉลี่ยหลังละ 186,431
ปอนด์ เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยหลังละ 185,398 ปอนด์ในเดือน ต.ค. ส่วนรายงานจากบริษัทสินเชื่อจำนอง สนับสนุน
สัญญานที่บ่งชี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษได้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลแล้ว และเริ่มมั่นคงขึ้นภายหลังการ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว นอกจากนั้นมีรายงานจาก Website ของ
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ Rightmove ว่าราคาบ้านในต้นเดือน ธ.ค. ถึงต้นเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จาก
ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว หลังจากที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ทั้งนี้นาย Howard Archer นัก
เศรษฐศาสตร์จาก Global Insight กล่าวว่าราคาบ้านในเร็วๆนี้ส่งสัญญานราคาบ้านจะแข็งแกร่งขึ้นโดยมีขีด
จำกัด ท่ามกลางตลาดบ้านที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และความสนใจของผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้คาดว่าราคาบ้าน
ในเดือนที่กำลังจะมาถึงจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมาตรการต่างๆ อาทิ ระดับหนี้ที่สูงขึ้นซึ่งมีส่วนบั่นทอนราย
ได้ที่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน พ.ย.48 ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี รายงาน
จาก สิงคโปร์เมื่อ 16 ม.ค.49 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของสิงคโปร์(หลังปรับฤดูกาล)ใน
เดือน พ.ย.48 ลดลงร้อยละ 8.7 ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46 ซึ่งลดลงร้อยละ 10.5 และ
เป็นการลดลงอย่างมากจากการคาดการณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.3 ทั้งนี้ มีสาเหตุจากยอดขาย
รถยนต์ใหม่ลดลงอย่างมากเนื่องจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยยอดจองรถยนต์ใหม่เดือน พ.ย.ลดลงเกือบร้อยละ
10 จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถยนต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบใหญ่ที่สุดของดัชนีขายปลีกปรับตัวลดลงถึงร้อยละ
10.7 หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ต.ค. และยังคงเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องในช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอลงก็เป็นสาเหตุที่ทำ
ให้ยอดขายปลีกในเดือน พ.ย.ลดลงดังกล่าว โดยยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.4 เทียบต่อปี ชะลอลง
จากที่ขยายตัวเกือบร้อยละ 7 ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (ก.ย.และ ต.ค.) นอกจากนี้ ยอดขายของห้างสรรพ
สินค้าที่ลดลงร้อยละ 9.5 จากเดือนก่อนหน้า ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดขายปลีกลดลง อนึ่ง ดัชนีราคาขายปลีก
ของสิงคโปร์มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีปรับตัวลดลง 2 เดือนต่อเนื่องในเดือน ก.ค.และ ส.ค. ร้อย
ละ 3 และ 2.3 ตามลำดับ หลังจากนั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 และ 4.9 ในเดือน ก.ย.และ ต.ค. ก่อน
ที่จะลดลงร้อยละ 6.3 ในเดือน พ.ย.48 (รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน มี.ค.48 รายงานจากโซล เมื่อ 17 ม.ค.49 ธ.กลางเกาหลีใต้รายงานทุนสำรองระหว่างประเทศ
ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 4.27 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วง 15 วันแรกของเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดสำหรับช่วง
ระยะเวลาครึ่งเดือนนับตั้งแต่เพิ่มขึ้น 4.66 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.48 ทำให้ ณ วันที่ 15 ม.
ค.49 ทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกมีจำนวน 214.67 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 210.39 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.48 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการอ่อนตัว
ของค่าเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญเช่น เยนและยูโร ทำให้ทุนสำรองที่อยู่ในรูปเงินสกุลสำคัญดัง
กล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อแปลงค่าเป็นเงินดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกปี 49 ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ลด
ลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเงินยูโรและลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับเงินเยน ในขณะที่นักค้าเงินกล่าวว่าการที่
ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการแทรกแซงตลาดเงินของทางการโดยการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์
สรอ.จากตลาดเงินในประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เงินวอนของเกาหลีใต้มีค่าแข็งเกินไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
สรอ.ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการส่งออกได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ม.ค. 49 16 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.56 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3495/39.6407 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15234 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 752.00/ 22.35 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.3 57.19 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ม.ค. 49 26.84*/24.29* 26.84*/24.29* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--