วันนี้ (16 ก.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” ว่าเหตุที่เขียนจดหมายถึงผู้นำประเทศต่างๆ เพื่ออธิบายว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยว่า จดหมายฉบับนี้เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่รักษาการนายกฯ เขียนไว้ไม่ได้เป็นไปอย่างคำกล่าวอ้าง แต่จดหมายดังกล่าวพยายามที่จะอธิบายเพื่อชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะปกป้องประชาธิปไตยในขณะที่ผู้อื่นพยายามทำลายประชาธิปไตย ทั้งที่ความเป็นจริงไม่มีใครคิดที่จะทำลายประชาธิปไตย แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีผู้มีอำนาจพยายามที่จะใช้ระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเพื่อที่จะรักษาอำนาจของตัวเอง และใช้อำนาจนั้นหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้ตัวเอง พวกพ้อง หรือบริวาร ตลอดเวลามากกว่า และนี่คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตการเมือง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์จดหมายที่ส่งไปยังผู้นำประเทศต่างๆ เป็นไปได้สูงที่มีการคาดหวังว่าจะมีส่วนในการระดมแรงกดดันจากต่างประเทศให้มาค้ำบัลลังก์อำนาจของนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะสู้กับ “ผู้มีบารมี” ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการทำที่อุกอาจและไม่สมควรอย่างยิ่ง และต้องการสร้างให้เกิดความรับรู้ในประเทศที่สำคัญๆ ในโลกนี้ว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มหรือฝ่ายต่างๆ ที่รักษาการนายกฯ ใช้คำว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คือการเคลื่อนไหวนอกรัฐธรรมนูญ และจะใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งการสร้างความรับรู้ตรงนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า จดหมายนี้มีจุดประสงค์ที่ต้องการส่งสัญญาณไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้รับรู้ว่าในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และพวกตนมองว่าปกติ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักการเมืองที่วางแผน ดังนั้น การจะทำอะไรก็ตาม พวกตนไม่เชื่อว่าเกิดขึ้นจากความพลั้งเผลอบังเอิญหรือไม่ได้ตั้งใจ จึงเชื่อว่าการดำเนินการหรือพูดอะไรน่าจะเป็นการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี และพ.ต.ท.ทักษิณต้องหวังผลตามที่วางไว้ ซึ่งเนื้อความในจดหมายก็เห็นชัดเจนว่าพยายามพูดถึงผู้ที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ใช้อำนาจนอกระบบ พยายามเข้ามามีส่วนในการสร้างให้เกิดความวุ่นวายและเกิดปัญหาในบ้านเมือง
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านายกฯ อาจจะทราบข้อมูลลึกพอสมควรที่ทำให้ท่านมีความรู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องเขียนจดหมายไปถึงผู้นำหลายประเทศ เพราะสถานะที่ท่านดำรงอยู่ในปัจจุบันนั้น อาจจะไม่มีความมั่นคงเพียงพอที่จะทำให้อำนาจการบริหารประเทศนี้ดำรงอยู่ต่อไปได้ การส่งสัญญาณไปยังผู้นำหลายประเทศนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะเป็นการส่งข่าวแจ้งให้ทราบว่า วันใดวันหนึ่งในอนาคต ท่านและคณะบางส่วนอาจจะต้องไปอาศัยพักพิง หรือพึ่งพิงผู้นำประเทศต่างๆ หรือใช้ประโยชน์เพื่อตัวท่านเองในอาณาเขตประเทศต่างๆ”
ส่วนที่นายกฯระบุว่าวันที่เรียกประชุมข้าราชการเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตัวเองแต่มีความพยายามจับผิดคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายองอาจ กล่าวว่า หากรักษาการนายกรัฐมนตรีทำในสิ่งที่ถูกต้อง คงไม่มีใครไปจับผิดได้ ก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นทำหน้าที่ของตัวเอง ก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อที่จะรักษาประเทศชาติบ้านเมืองให้อยู่อย่างสงบร่มเย็นเป็นสุขมากกว่าที่จะเป็นตัวการสำคัญก่อให้เกิดวิกฤตปัญหาขึ้นในบ้านเมืองในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าคนที่มีทิฐิอยู่ตลอดเวลาในการบริหารประเทศชาติ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคนในประเทศนี้ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการหรือใครก็ตาม รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านพร้อมที่จะสมานฉันท์เพื่อความผาสุกของประเทศไทย
“ท่านบอกว่าเป็นพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดก็คือคนที่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ ได้รับการแจ้งความดำเนินคดีเกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ นักการเมืองฝ่ายค้าน รวมทั้งนักวิชาการ ทั้งหมดถูกหมายเรียกจากตำรวจจากการที่ท่านนายกฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ในเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้ว ผมถามว่า นั่นคือทิฐิที่มีอยู่ในตัวท่านหรือไม่ ท่านเรียกร้องหาทิฐิจากบุคคลอื่นนั้น ควรทำให้คนทั้งประเทศไทยเห็นก่อนว่าท่านได้ลดทิฐิในตัวลง ตราบใดที่ท่านยังมีทิฐิและพยายามที่จะใช้อำนาจจัดการกับบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลานั้น เชื่อว่าคงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ที่สุดท่านนายกฯ ใช้เล่ห์เพทุบายแบบเก่าๆ มาเรียกร้องหาความสมานฉันท์ เป็นมุกเดิมที่แป้กไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้คนไทยจับได้แล้วว่าเมื่อใดก็ตามเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณจนแต้ม ก็มาเรียกร้องความสมานฉันท์ เวลาปกติก็ฟาดฟันคนอื่นจนเขาแทบไม่มีทางไป แม้แต่การประมูลงานองค์การต่างๆ ในประเทศไทย คนใกล้ชิดผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ก็ยังไปฟาดฟันเขาจนกระทั่งแทบไม่มีงานจะทำ ฉะนั้น ท่านรักษาการนายกฯ มาเรียกร้องความสมานฉันท์จากคนอื่นนั้น ผมไม่ทราบว่าท่านเรียกร้องเพื่อที่จะฉันประเทศนี้ให้คล่องคอต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าจะมาเรียกร้องความสมานฉันท์เพื่อฉันท์ประเทศนี้ต่อไป พวกเราคงไม่ร่วมด้วย” นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ค. 2549--จบ--
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์จดหมายที่ส่งไปยังผู้นำประเทศต่างๆ เป็นไปได้สูงที่มีการคาดหวังว่าจะมีส่วนในการระดมแรงกดดันจากต่างประเทศให้มาค้ำบัลลังก์อำนาจของนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะสู้กับ “ผู้มีบารมี” ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการทำที่อุกอาจและไม่สมควรอย่างยิ่ง และต้องการสร้างให้เกิดความรับรู้ในประเทศที่สำคัญๆ ในโลกนี้ว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มหรือฝ่ายต่างๆ ที่รักษาการนายกฯ ใช้คำว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คือการเคลื่อนไหวนอกรัฐธรรมนูญ และจะใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งการสร้างความรับรู้ตรงนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า จดหมายนี้มีจุดประสงค์ที่ต้องการส่งสัญญาณไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้รับรู้ว่าในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และพวกตนมองว่าปกติ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักการเมืองที่วางแผน ดังนั้น การจะทำอะไรก็ตาม พวกตนไม่เชื่อว่าเกิดขึ้นจากความพลั้งเผลอบังเอิญหรือไม่ได้ตั้งใจ จึงเชื่อว่าการดำเนินการหรือพูดอะไรน่าจะเป็นการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี และพ.ต.ท.ทักษิณต้องหวังผลตามที่วางไว้ ซึ่งเนื้อความในจดหมายก็เห็นชัดเจนว่าพยายามพูดถึงผู้ที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ใช้อำนาจนอกระบบ พยายามเข้ามามีส่วนในการสร้างให้เกิดความวุ่นวายและเกิดปัญหาในบ้านเมือง
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านายกฯ อาจจะทราบข้อมูลลึกพอสมควรที่ทำให้ท่านมีความรู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องเขียนจดหมายไปถึงผู้นำหลายประเทศ เพราะสถานะที่ท่านดำรงอยู่ในปัจจุบันนั้น อาจจะไม่มีความมั่นคงเพียงพอที่จะทำให้อำนาจการบริหารประเทศนี้ดำรงอยู่ต่อไปได้ การส่งสัญญาณไปยังผู้นำหลายประเทศนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะเป็นการส่งข่าวแจ้งให้ทราบว่า วันใดวันหนึ่งในอนาคต ท่านและคณะบางส่วนอาจจะต้องไปอาศัยพักพิง หรือพึ่งพิงผู้นำประเทศต่างๆ หรือใช้ประโยชน์เพื่อตัวท่านเองในอาณาเขตประเทศต่างๆ”
ส่วนที่นายกฯระบุว่าวันที่เรียกประชุมข้าราชการเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตัวเองแต่มีความพยายามจับผิดคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายองอาจ กล่าวว่า หากรักษาการนายกรัฐมนตรีทำในสิ่งที่ถูกต้อง คงไม่มีใครไปจับผิดได้ ก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นทำหน้าที่ของตัวเอง ก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อที่จะรักษาประเทศชาติบ้านเมืองให้อยู่อย่างสงบร่มเย็นเป็นสุขมากกว่าที่จะเป็นตัวการสำคัญก่อให้เกิดวิกฤตปัญหาขึ้นในบ้านเมืองในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าคนที่มีทิฐิอยู่ตลอดเวลาในการบริหารประเทศชาติ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคนในประเทศนี้ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการหรือใครก็ตาม รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านพร้อมที่จะสมานฉันท์เพื่อความผาสุกของประเทศไทย
“ท่านบอกว่าเป็นพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดก็คือคนที่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ ได้รับการแจ้งความดำเนินคดีเกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ นักการเมืองฝ่ายค้าน รวมทั้งนักวิชาการ ทั้งหมดถูกหมายเรียกจากตำรวจจากการที่ท่านนายกฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ในเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้ว ผมถามว่า นั่นคือทิฐิที่มีอยู่ในตัวท่านหรือไม่ ท่านเรียกร้องหาทิฐิจากบุคคลอื่นนั้น ควรทำให้คนทั้งประเทศไทยเห็นก่อนว่าท่านได้ลดทิฐิในตัวลง ตราบใดที่ท่านยังมีทิฐิและพยายามที่จะใช้อำนาจจัดการกับบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลานั้น เชื่อว่าคงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ที่สุดท่านนายกฯ ใช้เล่ห์เพทุบายแบบเก่าๆ มาเรียกร้องหาความสมานฉันท์ เป็นมุกเดิมที่แป้กไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้คนไทยจับได้แล้วว่าเมื่อใดก็ตามเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณจนแต้ม ก็มาเรียกร้องความสมานฉันท์ เวลาปกติก็ฟาดฟันคนอื่นจนเขาแทบไม่มีทางไป แม้แต่การประมูลงานองค์การต่างๆ ในประเทศไทย คนใกล้ชิดผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ก็ยังไปฟาดฟันเขาจนกระทั่งแทบไม่มีงานจะทำ ฉะนั้น ท่านรักษาการนายกฯ มาเรียกร้องความสมานฉันท์จากคนอื่นนั้น ผมไม่ทราบว่าท่านเรียกร้องเพื่อที่จะฉันประเทศนี้ให้คล่องคอต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าจะมาเรียกร้องความสมานฉันท์เพื่อฉันท์ประเทศนี้ต่อไป พวกเราคงไม่ร่วมด้วย” นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ค. 2549--จบ--