นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนสิงหาคม 2549 และในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 (ตุลาคม 2548 — สิงหาคม 2549) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2549 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศโดยการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ด้วยเงินบาท 13,217 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 5,020 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถปิดความเสี่ยงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ต้นทุนเงินกู้เงินบาทที่ได้รับเมื่อแปลงหนี้เป็นเงินเยนแล้วจะมีภาระดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เดิมประมาณ 333 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Tier 2) ก่อนครบกำหนดวงเงิน 578 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 578 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 64 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับส่วนต่างจากราคาไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิและราคาไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลอีก 0.66 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิมรวม 3,400 ล้านบาท ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย 2,000 ล้านบาท และ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อขยายระยะเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
1.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดย 1) ชำระคืนก่อนครบกำหนดวงเงินรวม 198.94 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 8,013 ล้านบาท 2) Roll Over เงินกู้ ECP วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,908 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ ADB และ IBRD และต่อมาได้กู้เงินในรูปตราสาร FRN วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ ECP ดังกล่าว 3) Refinance เงินกู้ ADB และ IBRD รวม 154 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 5,900 ล้านบาท และ เงินกู้ FRN วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการออก ECP วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และพันธบัตรเงินบาท วงเงิน 24,500 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 654 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 4) แปลงหนี้เงินกู้สกุลเงินเยนเป็นเงินกู้สกุลเงินบาท วงเงิน 19,731 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานดังกล่าว นอกจากจะสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 8,013 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 3,854 ล้านบาท แล้ว ยังสามารถปิดความเสี่ยงของหนี้ต่างประเทศได้บางส่วนด้วย
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ โดย 1) ชำระคืนหนี้เงินกู้จาก JBIC ก่อนครบกำหนด 14,506 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,995 ล้านบาท 2) Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท วงเงินรวม 42,645 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 14,550 ล้านบาท และ 3) การทำ Swap เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 4,995 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 2,134 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 50,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตรช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด 578 ล้านบาท ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 578 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 64 ล้านบาท และ Roll Over หนี้ของรัฐวิสาหกิจรวม 28,300 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง (FIDF3) ซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนนี้ 13,445 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ 445 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ 13,000 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินในประเทศรวม 8,830 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 5,930 ล้านบาท และกู้เงินบาทสมทบ 1,161 ล้านบาท และกู้เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 1,739 ล้านบาท
2.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
ภาครัฐได้กู้เงินรวม 171,172 ล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศ 9,371 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศ 161,801 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 110,893 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 50,908 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 16,467 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 9,518 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,949 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากงบประมาณรวม 112,519 ล้านบาท และกองทุนฯ ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 40,000 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2549
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 มีจำนวน 3,260,742 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.64 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,952,938 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 997,450 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 310,353 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 3,781 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 15,161 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 5,460 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 13,482 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 531,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.29 และหนี้ในประเทศ 2,729,701 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.71 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,668,724 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.84 และหนี้ระยะสั้น 592,018 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.16 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 83/2549 22 กันยายน 49--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศโดยการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ด้วยเงินบาท 13,217 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 5,020 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถปิดความเสี่ยงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ต้นทุนเงินกู้เงินบาทที่ได้รับเมื่อแปลงหนี้เป็นเงินเยนแล้วจะมีภาระดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เดิมประมาณ 333 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Tier 2) ก่อนครบกำหนดวงเงิน 578 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 578 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 64 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับส่วนต่างจากราคาไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิและราคาไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลอีก 0.66 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิมรวม 3,400 ล้านบาท ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย 2,000 ล้านบาท และ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อขยายระยะเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
1.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
(1) ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดย 1) ชำระคืนก่อนครบกำหนดวงเงินรวม 198.94 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 8,013 ล้านบาท 2) Roll Over เงินกู้ ECP วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,908 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้ ADB และ IBRD และต่อมาได้กู้เงินในรูปตราสาร FRN วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ ECP ดังกล่าว 3) Refinance เงินกู้ ADB และ IBRD รวม 154 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 5,900 ล้านบาท และ เงินกู้ FRN วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการออก ECP วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และพันธบัตรเงินบาท วงเงิน 24,500 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 654 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 4) แปลงหนี้เงินกู้สกุลเงินเยนเป็นเงินกู้สกุลเงินบาท วงเงิน 19,731 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานดังกล่าว นอกจากจะสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 8,013 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 3,854 ล้านบาท แล้ว ยังสามารถปิดความเสี่ยงของหนี้ต่างประเทศได้บางส่วนด้วย
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ โดย 1) ชำระคืนหนี้เงินกู้จาก JBIC ก่อนครบกำหนด 14,506 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,995 ล้านบาท 2) Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท วงเงินรวม 42,645 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 14,550 ล้านบาท และ 3) การทำ Swap เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 4,995 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 2,134 ล้านบาท
(2) ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 50,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตรช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด 578 ล้านบาท ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 578 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 64 ล้านบาท และ Roll Over หนี้ของรัฐวิสาหกิจรวม 28,300 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง (FIDF3) ซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนนี้ 13,445 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ 445 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ 13,000 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินในประเทศรวม 8,830 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 5,930 ล้านบาท และกู้เงินบาทสมทบ 1,161 ล้านบาท และกู้เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 1,739 ล้านบาท
2.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
ภาครัฐได้กู้เงินรวม 171,172 ล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศ 9,371 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศ 161,801 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 110,893 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 50,908 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนสิงหาคม 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 16,467 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 9,518 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,949 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2549 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากงบประมาณรวม 112,519 ล้านบาท และกองทุนฯ ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 40,000 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2549
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 มีจำนวน 3,260,742 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.64 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,952,938 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 997,450 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 310,353 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 3,781 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 15,161 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 5,460 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 13,482 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 531,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.29 และหนี้ในประเทศ 2,729,701 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.71 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,668,724 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.84 และหนี้ระยะสั้น 592,018 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.16 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 83/2549 22 กันยายน 49--