วันนี้(7พ.ค.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดการเลือกตั้ง 2 เมษายนในวันพรุ่งนี้ ว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเคารพต่อคำตัดสิน และหากตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามหากระบอบทักษิณยังอยู่ และมีความเข้มแข็ง ทั้งอำนาจเงินและอำนาจรัฐ รวมถึง กกต.ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่พรรคจะพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งย่อมอาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็จะยอมรับความจริง แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้การเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เท่ากับการให้ความร่วมมือให้ประเทศชาติชนะจากวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น พรรคจึงต้องขจัดเงื่อนไขต่าง ๆ ออกไปให้หมด เพื่อกู้วิกฤตขอประเทศ
ต่อข้อถามว่าหากผลการเลือกตั้ง 2 เมษา เป็นโมฆะ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยก่อน แต่ตนคิดว่าศาลจะช่วยหาทางออกให้กับสังคมไปพร้อมกันอยู่แล้ว รวมถึงกรณี การพิจารณายื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งหรือไม่ พรรคจะมีการประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ประธานกกต.ยืนยันว่ากกต.ไม่มีส่วนในการกำหนดวันเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายประเด็น เพราะยังมีความคิดเห็นที่ขัดกันในเรื่องข้อเท็จจริง โดยพยายามขยายผลและข้อมูลให้ส่งผลกระทบต่อบุคคลากรภายนอกพรรค 2 ประเด็น
คือ 1. กกต.ระบุว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดยกกต.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ประธานกกต.บอกว่าได้ไปล็อบบี้ 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิมให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และพร้อมจะเลื่อนวันเลือกตั้งจาก 30 วันออกไป สะท้อนให้เห็นว่าหากกกต.ไม่มีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้ง แต่เหตุใดประธาน กกต. ถึงต้องมาติดต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ และขยายเวลา
และ 2. คำซัดทอดของหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่ระบุว่าพรรคใหญ่เก่าแก่อยู่เบื้องหลังว่าจ้างล้มเลือกตั้ง ดังนั้นในเมื่อกกต.ตัดสินยุบพรรคเล็กไปแล้ว คำซัดทอดจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอและไม่มีความชอบธรรมต่อข้อถามว่าหากผลการเลือกตั้ง 2 เมษา เป็นโมฆะ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยก่อน แต่ตนคิดว่าศาลจะช่วยหาทางออกให้กับสังคมไปพร้อมกันอยู่แล้ว รวมถึงกรณี การพิจารณายื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งหรือไม่ พรรคจะมีการประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณีที่ผู้วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ในการใช้มาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาวิกฤตนั้น อยากให้ทุกคนกลับไปอ่านคำประกาศของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจะเห็นว่าพรรคระบุชัดว่าจะใช้มาตรา 7 ก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ครม.ลาออก โดยยุติการปฏิบัติหน้าที่ทั้งคณะ ซึ่งไม่ได้เสนอมาตรา 7 ขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่มีที่มาที่ไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเปิดใช้สนามบินว่าจะเป็นเมื่อใด เนื่องจาก พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าจะเปิดใช้ได้ทันตามกำหนดเวลา แต่ พล.อ.ชัยนันทน์ เจริญศิริ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมีความเห็นที่ตรงข้ามกัน คือไม่สามารถเปิดใช้ได้ทันตามกำหนดเดิมในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ดังนั้น อยากให้กำหนดวันเปิดใช้สนามบินที่แน่ชัดลงไปตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้ตัวแทนของสายการบินต่างๆ นักลงทุนที่เกี่ยวข้อง และองค์กรต่างๆ ได้รับทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการย้ายบุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ควรปล่อยให้คนในรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิมีความขัดแย้งกันเอง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ค. 2549--จบ--
ต่อข้อถามว่าหากผลการเลือกตั้ง 2 เมษา เป็นโมฆะ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยก่อน แต่ตนคิดว่าศาลจะช่วยหาทางออกให้กับสังคมไปพร้อมกันอยู่แล้ว รวมถึงกรณี การพิจารณายื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งหรือไม่ พรรคจะมีการประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ประธานกกต.ยืนยันว่ากกต.ไม่มีส่วนในการกำหนดวันเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายประเด็น เพราะยังมีความคิดเห็นที่ขัดกันในเรื่องข้อเท็จจริง โดยพยายามขยายผลและข้อมูลให้ส่งผลกระทบต่อบุคคลากรภายนอกพรรค 2 ประเด็น
คือ 1. กกต.ระบุว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดยกกต.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ประธานกกต.บอกว่าได้ไปล็อบบี้ 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิมให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และพร้อมจะเลื่อนวันเลือกตั้งจาก 30 วันออกไป สะท้อนให้เห็นว่าหากกกต.ไม่มีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้ง แต่เหตุใดประธาน กกต. ถึงต้องมาติดต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ และขยายเวลา
และ 2. คำซัดทอดของหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่ระบุว่าพรรคใหญ่เก่าแก่อยู่เบื้องหลังว่าจ้างล้มเลือกตั้ง ดังนั้นในเมื่อกกต.ตัดสินยุบพรรคเล็กไปแล้ว คำซัดทอดจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอและไม่มีความชอบธรรมต่อข้อถามว่าหากผลการเลือกตั้ง 2 เมษา เป็นโมฆะ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยก่อน แต่ตนคิดว่าศาลจะช่วยหาทางออกให้กับสังคมไปพร้อมกันอยู่แล้ว รวมถึงกรณี การพิจารณายื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งหรือไม่ พรรคจะมีการประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณีที่ผู้วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ในการใช้มาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาวิกฤตนั้น อยากให้ทุกคนกลับไปอ่านคำประกาศของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจะเห็นว่าพรรคระบุชัดว่าจะใช้มาตรา 7 ก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ครม.ลาออก โดยยุติการปฏิบัติหน้าที่ทั้งคณะ ซึ่งไม่ได้เสนอมาตรา 7 ขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่มีที่มาที่ไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเปิดใช้สนามบินว่าจะเป็นเมื่อใด เนื่องจาก พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าจะเปิดใช้ได้ทันตามกำหนดเวลา แต่ พล.อ.ชัยนันทน์ เจริญศิริ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมีความเห็นที่ตรงข้ามกัน คือไม่สามารถเปิดใช้ได้ทันตามกำหนดเดิมในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ดังนั้น อยากให้กำหนดวันเปิดใช้สนามบินที่แน่ชัดลงไปตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้ตัวแทนของสายการบินต่างๆ นักลงทุนที่เกี่ยวข้อง และองค์กรต่างๆ ได้รับทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการย้ายบุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ควรปล่อยให้คนในรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิมีความขัดแย้งกันเอง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ค. 2549--จบ--