ไม่มีความตั้งใจที่จะขัดขวางการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนแต่ประการใด เพราะไม่ได้มีผลได้ผลเสียกับพวกผมกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่มันเป็นผลได้ผลเสียกับระบอบประชาธิปไตย ผมหวังว่าสิ่งที่ได้นำมาเปิดเผยนั้นจะทำให้คนสำนึกได้ หยุดยั้งกระบวนการที่จะทำความผิดได้ แต่เมื่อคนพวกนี้ไม่ได้สำนึก ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความผิด ยังมีเจตนาที่จะหลอกลวงประชาชนกันต่อไป ผมก็กลับไปถามพยาน ว่า 3 คนเนี่ย พร้อมที่จะเปิดเผยตัวไหม จากเดิมที่บอกว่า ถ้าผมเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยแล้วผมถูกฟ้อง เขายินดีจะเป็นพยานให้ วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าคุณยินดี ผมก็จะเอาคุณมาเปิดตัวแถลงข่าวให้สื่อมวลชนเขาได้เห็นว่าหน้าตาจริงๆคุณเป็นอย่างไร ให้เค้าได้สัมผัสคุณจริงๆ ทั้ง 3 คนนั้นตกลง และบอกกับผมว่า แถลงข่าวเสร็จให้ผมเอาไปอยู่ที่บ้านด้วย จัดกระเป๋ามาเสร็จเรียบร้อย มาที่พรรคประชาธิปัตย์ ผมก็นัดสื่อมวลชนแถลงข่าว เขาก็พูดให้สื่อมวลชนฟังเองเหมือนที่ผมสรุปให้ฟัง นี่คือกรณีที่เกิดขึ้นกับ พรรคพัฒนาชาติไทย เอกสารทั้งหลายที่เขานำมาให้ผมนั้น ผมก็ได้นำไปให้กับสำนักงานทนายความคะนึงลือชัย ให้อาจารย์คะนึงลือชัย อาจารย์ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง และบรรดานักกฏหมายในสำนักงานช่วยตรวจดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะเขาประกาศว่าเขาจะดำเนินคดีกับผม ผมต้องการให้ความจริงเรื่องนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ แต่ถ้าการพิสูจน์โดยศาลสถิตยุติธรรม แต่ว่าผมไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่สามารถจะเป็นคนเริ่มต้นนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องคดีได้ เนื่องจากผมไม่ได้ลงสมัคร ผมจึงบอกเขาว่า ถ้าจะฟ้องก็รีบฟ้องเถอะครับ เราจะได้นำเรื่องนี้ไปพิสูจน์ที่ศาล ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปท้าทายอำนาจเขาหรอกครับ เพราะรู้ว่า เขาคนใหญ่คนโตทั้งนั้น แต่เหตุการณ์มาถึงขั้นนั้น ผมก็ยังนึกฉุกใจว่า เรื่องนี้อาจจะทำกันเอง เฉพาะ พล.อ.ธรรมรักษ์ เฉพาะ คุณพงศักดิ์ เฉพาะ นพ.พรหมินทร์ คุณทักษิณอาจจะไม่รู้ไม่เห็น เพราะว่าเป็นนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค คงไม่ได้มาดูเรื่องพรรค์อย่างนี้ ผมจึงได้บอกกล่าวไปว่า ให้คุณทักษิณมาตรวจสอบ เผื่อจะพบความจริงอย่างที่ผมว่า คุณทักษิณอาจจะมายอมรับผิด อาจจะมาขอโทษประชาชน แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว นอกจากเขาไม่ทำอย่างที่ผมว่า เขายังประกาศว่าสิ่งที่ผมทำไปนี้ เป็นความผิดที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ เพราะว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง เป็นปฏิปักษ์ต่อระบบประชาธิปไตย ต้องเอากันจนถึงยุบพรรค ผมก็มานึกเอาว่า เรื่องอะไรที่คุณจะมายึดพรรคผม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำอะไรผิด พวกคุณต่างหากที่ทำผิด ถ้ายุบมันก็ต้องยุบพรรคไทยรักไทย ผมจึงเอาเรื่องอีก 2 กรณีเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพราะไหนๆ เขาจะเล่นงานกันถึงขั้นยุบประชาธิปัตย์แล้ว ผมก็เดินเรื่องต่อ เรื่องที่สองนี้ เป็นกรณีเหมือนๆกันที่เกิดขึ้นกับพรรคแผ่นดินไทย ตัวละครเป็นสุภาพสตรี เป็นคนทำทุกอย่างเรื่องเอกสารปลอมขึ้น เหมือนที่คุณ สุกสรร ไทยเทพ ทำในพรรคพัฒนาชาติไทย สุภาพสตรีท่านนี้มาหาผมที่ห้องทำงาน เล่าเรื่องให้ฟัง เอาเอกสารให้ดู ผมก็ขออนุญาติบอกว่า ขอถ่ายวิดีโอสิ่งที่คุณเล่าไว้ เผื่อว่าผมถูกดำเนินคดี ก็จะได้เอาไว้เป็นประจักษ์พยานใจศาล ไม่ได้คิดที่จะเอามาเผยแพร่ครับ แต่สุภาพสตรีท่านนี้บอกว่า ไม่เป็นไร เขาพร้อมที่จะมาเปิดเผยตัว แต่ถ้าพี่น้องได้ฟังได้เห็นว่า วิดีโอที่ถ่ายไว้นั้นเขาพูดอะไร พี่น้องก็คงจะได้รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก
พี่น้องทั้งหลายครับ ผมคิดว่าพี่น้องได้ดูวิดีโอตรงนี้ คิดอย่างอื่นไม่ได้ครับ นอกจากเข้าใจได้เลยครับ ว่าการกระทำเรื่องนี้เป็นกระบวนการใหญ่ เริ่มต้นที่คุณทักษิณเองเป็นคนบอกกับหัวหน้าพรรคเล็กๆเหล่านั้น ให้เขามีความหวังว่าจะสนับสนุนเขาทางการเงิน หลังจากนั้นก็แบ่งกันเป็นสายๆ ให้ลูกน้องไปติดต่อ ปฏิบัติการร่วมกับพรรคการเมืองเล็กๆเหล่านั้น พี่น้องได้ยินชื่อ เสธ.ไอซ์ เสธ.ผดุง คนฟังก็หนาวแล้วครับ ผมก็หนาวครับ ผมไม่รู้ว่าจะคุ้มครองพยานผมได้อย่างไร แต่เมื่อพยานเขาเต็มใจ พร้อมจะเปิดตัวเป็นพยานในชั้นศาล และขออยู่ที่บ้านผม เพราะคิดว่า อยู่ต่างจังหวัด ใครจะไปทำร้าย ประทุษร้ายอย่างไร คนคงเห็นคงรู้ เพราะว่าต่างจังหวัดนั้น คนแปลกหน้าไปสังเกตกันง่าย หลังจากเปิดตัว 4 คนนี้ก็ไปอยู่ที่บ้านผมที่ สุราษฏร์ธานี วันดีคืนดี ก็มีการออกมาพูดจาท้าทาย จะฟ้องผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เตรียมรับหมาย มาถึงวันนี้เขาฟ้องผมแล้ว 2 ราย คือ นพ.พรหมินทร์ และคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เช้านี้ ผมได้รับหมายศาลเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวที่จะขึ้นศาลพิสูจน์ความจริงกัน ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัวอยู่นี้ครับ ก็ได้เกิดเรื่องซึ่งเป็นกรณีที่ 3 ขึ้นมา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยคนหนึ่ง ชื่อนายณัฐประชา เอื้อสกุล ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช แล้วเขตนี้ผู้สมัครพรรคอื่นก็ถูกตัดสิทธิเนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบ เหลือนาย ณัฐประชาคนเดียว แต่คนที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็แจ้งมาที่ผมว่า นายคนนี้เคยลงสมัครผู้แทนราษฏรพรรคไทยรักไทยแล้ว สอบตกแพ้พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้ลากออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเตรียมตัวหาเสียงเพื่อสมัครเป็น สว. แต่ให้บังเอิญว่าเกิดยุบสภาโดยไม่ได้คาดหมาย พรรคไทยรักไทยหาคนอื่นไม่ได้ ก็เลยไปคว้าเอานายคนนี้มาเป็นผู้สมัครในนามพรรคไทยรักไทย คนเขาก็ท้วงว่า ก็ลาออกจากพรรคไปแล้ว ฉะนั้น การกลับมาเป็นสมาชิกพรรคใหม่ก็ไม่ถึง 90 วันแน่นอน คนของประชาธิปัตย์ก็ไปยื่นคัดค้านที่ผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช ทีนี้ก็เลยเห็นความจริงมากขึ้น พอยื่นคัดค้าน กกต.ก็เรียกนาย ญัฐประชา เอื้อสกุลมาสอบสวน นายญัฐประชาก็ทำบันทึกเขียนด้วยลายมือตัวเอง ให้ปากคำต่อ กกต. ให้ปากคำว่า ตัวเองนั้นเดิมชื่อ นายจเร เอื้อสกุล เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย มาตั้งแต่ปี 2543 ต่อมาเมื่อปี 2546 เกิดไปบวชและทำให้ขาดสมาชิกภาพ เพียงแต่ว่า พรรคไทยรักไทยยังไม่ได้ไปแจ้งการขาดสมาชิกภาพของเขาต่อ กกต. ปลายปี 2546 เขาเปลี่ยนชื่อ จาก จเร เป็นณัฐประชา แล้วก็ไปกรอกใบสมัครสมาชิกพรรคไทยรักไทยใหม่ เมื่อวันที่ 5 มกราคา 2547 และยังคงเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ตลอดมา กกต.ก็เรียกหลักฐานมาดู พรรคไทยรักไทย ก็ส่งเอกสารประกอบคำชี้แจงของนาย ณัฐประชา เอาทะเบียนสมาชิกเดิมตอนที่ชื่อนาย จเร เอื้อสกุลมาด้วย เอาสำเนาใบสมัครสมาชิกตอนที่เป็นนายณัฐประชามาด้วย กกต.ก็ตรวจดูทุกอย่างครับ แล้วก็ทำหนังสือโดยนาย ไพบูลย์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ ก็ได้ทำบันทึกยืนยันว่านายณัฐประชา เขาตรวจหลักฐานแล้ว ยังคงเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยอยู่ รายงานนี้ทำไปถึงประธาน กกต. แต่ไปไม่ถึง รองเลขาธิการ กกต.เป็นคนรับ ชื่อ นายปกครอง สุนทรสุข นายปกครองก็บอกว่า ได้ตรวจสอบตามรายงานนี้แล้ว นายณัฐประชายังเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยอยู่โดยสมบูรณ์ มีสิทธิสมัคร สส. แล้วก็ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 3 ให้รับสมัคร ผมก็ไปตรวจดูเอกสาร แล้วก็พบพิรุธ 2 แห่ง โดยไปตรวจดูกับเอกสารที่ผมไปขอมาจากสำนักทะเบียนกระทรวงมหาดไทย การที่คนๆหนึ่งเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วไปลาบวช ไม่ทำให้สมาชิกภาพขาดครับ แต่เพราะมาลาออกทีหลัง สมาชิกภาพจึงขาดไป ต้องทำปลอมขึ้น โดยอาศัยเหตุ เหตุที่ 2 คือ ได้เปลี่ยนชื่อแล้วสมัครใหม่ เรื่องที่ผมจับได้คือ นายคนนี้ไปสมัครเป็นสมาชิกตามใบสมัครที่พรรคไทยรักไทยเอามาแสดง ไปสมัครเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2547 แล้วในใบสมัครก็บอกว่า อยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ บัตรประชาชนเลขที่เท่านั้นๆ บัตรประชาชนออกให้เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2547 มันเป็นไปได้ยังไงครับ ไปกรอกใบสมัคร 5 มกราคม 2547 โดยอ้างบัตรประชาชนที่ออกให้วันที่ 2 กรกฏาคม 2547 หลังจากวันที่สมัครไปอีก 6 เดือน มันจะไปตรัสรู้ได้อย่างไรครับ ว่าอีก 6 เดือนเขาจะออกบัตรประชาชนให้มันเลขที่เท่านั้น นี่คือจุดที่เราไปพบ แล้วผมก็ไปดูทะเบียนที่กระทรวงมหาดไทย ปรากฏว่า นายคนนี้ในชีวิตจริงเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 4 หน หนแรกที่เปลี่ยนคือ วันที่ 2กรกฏาคม 2547 คือ วันที่เขาออกบัตรประชาชนนั้นให้ แสดงว่าเมื่อวันที่ 5 มกราคม ไม่ได้ใช้ชื่อณัฐประชา ยังคงใช้ชื่อ จเรอยู่ กกต.เถียงผมไม่ได้ครับ เอกสารนี้ทำปลอมขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ของพรรคไทยรักไทย แล้วกกต. สมรู้ร่วมคิด พี่น้องจำได้ไหม ทางกกต. โดยเลขาธิการ กกต. รองเลขาธิการ กกต. ออกมาท้าผมเหยงๆ ว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อย่าดีแต่พูดเอาหลักฐานมาดูกัน ผมก็เลยเอาหลักฐานทั้งหมดนี้ ทุกเรื่องไปที่ กกต. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่จริงตอนที่ไปนั้น เพราะว่านายไพบูลย์ คนที่ทำผิดนั่นแหละครับ ทำหนังสือมาหาผม ว่าให้ผมไปให้ปากคำ ผมก็ทำหนังสือกลับไป ให้คุณ เทพไท เถรพงศ์ ถือไปหาประธาน กกต. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ผมทำไปตรงๆครับ ว่าผมไม่ประสงค์ที่จะให้ปากคำกับนายไพบูลย์ เพราะผมไม่ไว้ใจ ผมขอไปให้ปากคำต่อประธานกกต. และคณะกรรมการ กกต. ด้วยตนเอง แล้วผมก็นัดกับเขา ไปวันที่ 20 ตอนบ่ายโมง ผมเอาเอกสารหลักฐานทุกเรื่องไปให้กับประธาน กกต. แล้วผมเขียนร้องเรียน บอกว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องชำระสะสางเรื่องนี้ ท้าผมเหลือเกินว่าให้เปิดเผยชื่อมาว่าใครร่วมด้วย ผมก็เอาชื่อคนของ กกต. ระดับผอ.2คน ระดับรองเลขา 1 คนเอาไปให้คุณวาสนาดูแล้วชี้ให้เห็นว่า ทำผิดกันตรงไหนบ้าง ทำอย่างไร ร่วมมือกันอย่างไร คุณวาสนาอึ้งครับ แล้วผมทำเปิดเผย วันที่ผมไปยื่นเรื่องนี้ วันที่ผมไปให้ปากคำกับ กกต. ผมได้ขอให้สื่อมวลชนทั้งหมดเข้าไปนั่งฟังด้วย เป็นครั้งแรกที่ กกต.ต้องยอมให้สื่อมวลชนทั้งหมดไปนั่งฟัง เพราะผมต้องการพิสูจน์ความจริง ผมต้องการให้เห็นว่า ในกกต.นี่มันเน่าเฟะจริงๆ แล้วคนอย่างผมพร้อมที่จะลงเดิมพัน สิ่งที่ผมให้การไปนั้นถ้าเป็นความเท็จ ถ้าไม่จริงผมมีสิทธิติดคุกครับ มีกฏหมายบอกเอาไว้ แล้วกกต. ก็ขู่ผมอย่างนั้นด้วย แล้วกกต. ก็ขู่ผมด้วย ผมบอกว่าดีแล้ว เขามีคณะอนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสอบเรื่องนี้ ท่านประธานชื่อ ท่านนาม ยิ้มแย้ม เป็นอดีตรองประธานศาลฏีกา ผมก็เลยขออนุญาตในที่ประชุมว่า ให้ได้ฉายวีดิโอ ที่พยานคือคุณ ฐัติมา ทาวรี เล่าให้ผมฟังทั้งหมด เพื่อว่าทุกท่านที่อยู่ที่นั่น จะได้นึกภาพออกว่าเรื่องทั้งเรื่องมันเป็นเช่นไร ผมก็ฉายวิดิโอนั้นทั้งม้วน อึ้งไปกันหมดเลยครับ ทั้ง กกต. พอเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ ปรากฏว่า นายพลเอก แห่งกองทัพบก ได้ออกทีวี แต่งเครื่องแบบพลเอกโก้เชียวครับ แล้วก็ออกมาพูดจาฟังดูดีเลยครับ แต่เนื้อหาน่ะ ขู่ผม ขู่พยานผม นายพลเอกคนนี้พูดเสร็จ รองโฆษกพรรคไทยรักไทยออกมาให้สัมภาษณ์ต่อ ว่าให้ระวังนะที่ไปเป็นพยานให้พรรคประชาธิปัตย์น่ะ ตายไปคนหนึ่งแล้ว จำไม่ได้เหรอ ชิปปิ้งหมูไง ที่ถูกฆ่าที่เชียงราย สำหรับพี่น้องที่ลืมชื่อ ชิปปิ้งหมูไปแล้ว ผมขออนุญาตเท้าความให้พี่น้องได้ทราบนิดหนึ่งว่า ชิปปิ้งหมูนี่ ชื่อจริงชื่อนายพรเทพครับ หรือนาย ชิดเชฐ วิริยะ เป็นคนที่ให้การเป็นพยานต่อ ปปช. เรื่องที่บริษัท ชินแซทเทลไลท์ ของนายกฯทักษิณ โกงภาษีศุลกากร เรื่องนี้ท่าน สส.ศิริโชค โสภา ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนสืบสวนพบความจริง แล้วเอามาอภิปรายในสภา โดยอ้างชิปปิ้งหมูเป็นพยาน โดยชิปปิ้งหมูก็ยอมไปเป็นพยาน ที่ปปช. ชิปปิ้งหมูถูกขู่ฆ่า หนีหัวซุกหัวซุน 2-3 ปีที่หนีอยู่ เคยมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เอาลูกมาด้วย มาพบท่านชวน หลีกภัย มาพบพวกผม คิดจะกลับคำให้การหลายครั้ง แต่ลูกที่มาด้วยไม่ให้กลับคำให้การ ลูกของชิปปิ้งหมูบอกว่า พ่อได้ทำหน้าที่คนไทยสมศักดิ์ศรีแล้ว ให้สู้ต่อไป และในที่สุด ชิปปิ้งหมูก็ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตายกลางวันแสกๆครับ ที่เชียงราย ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า เพราะว่า นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายพลเอกกองทัพบกคนนั้น ได้ยกกรณีนี้...
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 มี.ค. 2549--จบ--
พี่น้องทั้งหลายครับ ผมคิดว่าพี่น้องได้ดูวิดีโอตรงนี้ คิดอย่างอื่นไม่ได้ครับ นอกจากเข้าใจได้เลยครับ ว่าการกระทำเรื่องนี้เป็นกระบวนการใหญ่ เริ่มต้นที่คุณทักษิณเองเป็นคนบอกกับหัวหน้าพรรคเล็กๆเหล่านั้น ให้เขามีความหวังว่าจะสนับสนุนเขาทางการเงิน หลังจากนั้นก็แบ่งกันเป็นสายๆ ให้ลูกน้องไปติดต่อ ปฏิบัติการร่วมกับพรรคการเมืองเล็กๆเหล่านั้น พี่น้องได้ยินชื่อ เสธ.ไอซ์ เสธ.ผดุง คนฟังก็หนาวแล้วครับ ผมก็หนาวครับ ผมไม่รู้ว่าจะคุ้มครองพยานผมได้อย่างไร แต่เมื่อพยานเขาเต็มใจ พร้อมจะเปิดตัวเป็นพยานในชั้นศาล และขออยู่ที่บ้านผม เพราะคิดว่า อยู่ต่างจังหวัด ใครจะไปทำร้าย ประทุษร้ายอย่างไร คนคงเห็นคงรู้ เพราะว่าต่างจังหวัดนั้น คนแปลกหน้าไปสังเกตกันง่าย หลังจากเปิดตัว 4 คนนี้ก็ไปอยู่ที่บ้านผมที่ สุราษฏร์ธานี วันดีคืนดี ก็มีการออกมาพูดจาท้าทาย จะฟ้องผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เตรียมรับหมาย มาถึงวันนี้เขาฟ้องผมแล้ว 2 ราย คือ นพ.พรหมินทร์ และคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เช้านี้ ผมได้รับหมายศาลเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวที่จะขึ้นศาลพิสูจน์ความจริงกัน ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัวอยู่นี้ครับ ก็ได้เกิดเรื่องซึ่งเป็นกรณีที่ 3 ขึ้นมา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยคนหนึ่ง ชื่อนายณัฐประชา เอื้อสกุล ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช แล้วเขตนี้ผู้สมัครพรรคอื่นก็ถูกตัดสิทธิเนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบ เหลือนาย ณัฐประชาคนเดียว แต่คนที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็แจ้งมาที่ผมว่า นายคนนี้เคยลงสมัครผู้แทนราษฏรพรรคไทยรักไทยแล้ว สอบตกแพ้พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้ลากออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเตรียมตัวหาเสียงเพื่อสมัครเป็น สว. แต่ให้บังเอิญว่าเกิดยุบสภาโดยไม่ได้คาดหมาย พรรคไทยรักไทยหาคนอื่นไม่ได้ ก็เลยไปคว้าเอานายคนนี้มาเป็นผู้สมัครในนามพรรคไทยรักไทย คนเขาก็ท้วงว่า ก็ลาออกจากพรรคไปแล้ว ฉะนั้น การกลับมาเป็นสมาชิกพรรคใหม่ก็ไม่ถึง 90 วันแน่นอน คนของประชาธิปัตย์ก็ไปยื่นคัดค้านที่ผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช ทีนี้ก็เลยเห็นความจริงมากขึ้น พอยื่นคัดค้าน กกต.ก็เรียกนาย ญัฐประชา เอื้อสกุลมาสอบสวน นายญัฐประชาก็ทำบันทึกเขียนด้วยลายมือตัวเอง ให้ปากคำต่อ กกต. ให้ปากคำว่า ตัวเองนั้นเดิมชื่อ นายจเร เอื้อสกุล เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย มาตั้งแต่ปี 2543 ต่อมาเมื่อปี 2546 เกิดไปบวชและทำให้ขาดสมาชิกภาพ เพียงแต่ว่า พรรคไทยรักไทยยังไม่ได้ไปแจ้งการขาดสมาชิกภาพของเขาต่อ กกต. ปลายปี 2546 เขาเปลี่ยนชื่อ จาก จเร เป็นณัฐประชา แล้วก็ไปกรอกใบสมัครสมาชิกพรรคไทยรักไทยใหม่ เมื่อวันที่ 5 มกราคา 2547 และยังคงเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ตลอดมา กกต.ก็เรียกหลักฐานมาดู พรรคไทยรักไทย ก็ส่งเอกสารประกอบคำชี้แจงของนาย ณัฐประชา เอาทะเบียนสมาชิกเดิมตอนที่ชื่อนาย จเร เอื้อสกุลมาด้วย เอาสำเนาใบสมัครสมาชิกตอนที่เป็นนายณัฐประชามาด้วย กกต.ก็ตรวจดูทุกอย่างครับ แล้วก็ทำหนังสือโดยนาย ไพบูลย์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ ก็ได้ทำบันทึกยืนยันว่านายณัฐประชา เขาตรวจหลักฐานแล้ว ยังคงเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยอยู่ รายงานนี้ทำไปถึงประธาน กกต. แต่ไปไม่ถึง รองเลขาธิการ กกต.เป็นคนรับ ชื่อ นายปกครอง สุนทรสุข นายปกครองก็บอกว่า ได้ตรวจสอบตามรายงานนี้แล้ว นายณัฐประชายังเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยอยู่โดยสมบูรณ์ มีสิทธิสมัคร สส. แล้วก็ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 3 ให้รับสมัคร ผมก็ไปตรวจดูเอกสาร แล้วก็พบพิรุธ 2 แห่ง โดยไปตรวจดูกับเอกสารที่ผมไปขอมาจากสำนักทะเบียนกระทรวงมหาดไทย การที่คนๆหนึ่งเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วไปลาบวช ไม่ทำให้สมาชิกภาพขาดครับ แต่เพราะมาลาออกทีหลัง สมาชิกภาพจึงขาดไป ต้องทำปลอมขึ้น โดยอาศัยเหตุ เหตุที่ 2 คือ ได้เปลี่ยนชื่อแล้วสมัครใหม่ เรื่องที่ผมจับได้คือ นายคนนี้ไปสมัครเป็นสมาชิกตามใบสมัครที่พรรคไทยรักไทยเอามาแสดง ไปสมัครเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2547 แล้วในใบสมัครก็บอกว่า อยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ บัตรประชาชนเลขที่เท่านั้นๆ บัตรประชาชนออกให้เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2547 มันเป็นไปได้ยังไงครับ ไปกรอกใบสมัคร 5 มกราคม 2547 โดยอ้างบัตรประชาชนที่ออกให้วันที่ 2 กรกฏาคม 2547 หลังจากวันที่สมัครไปอีก 6 เดือน มันจะไปตรัสรู้ได้อย่างไรครับ ว่าอีก 6 เดือนเขาจะออกบัตรประชาชนให้มันเลขที่เท่านั้น นี่คือจุดที่เราไปพบ แล้วผมก็ไปดูทะเบียนที่กระทรวงมหาดไทย ปรากฏว่า นายคนนี้ในชีวิตจริงเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 4 หน หนแรกที่เปลี่ยนคือ วันที่ 2กรกฏาคม 2547 คือ วันที่เขาออกบัตรประชาชนนั้นให้ แสดงว่าเมื่อวันที่ 5 มกราคม ไม่ได้ใช้ชื่อณัฐประชา ยังคงใช้ชื่อ จเรอยู่ กกต.เถียงผมไม่ได้ครับ เอกสารนี้ทำปลอมขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ของพรรคไทยรักไทย แล้วกกต. สมรู้ร่วมคิด พี่น้องจำได้ไหม ทางกกต. โดยเลขาธิการ กกต. รองเลขาธิการ กกต. ออกมาท้าผมเหยงๆ ว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อย่าดีแต่พูดเอาหลักฐานมาดูกัน ผมก็เลยเอาหลักฐานทั้งหมดนี้ ทุกเรื่องไปที่ กกต. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่จริงตอนที่ไปนั้น เพราะว่านายไพบูลย์ คนที่ทำผิดนั่นแหละครับ ทำหนังสือมาหาผม ว่าให้ผมไปให้ปากคำ ผมก็ทำหนังสือกลับไป ให้คุณ เทพไท เถรพงศ์ ถือไปหาประธาน กกต. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ผมทำไปตรงๆครับ ว่าผมไม่ประสงค์ที่จะให้ปากคำกับนายไพบูลย์ เพราะผมไม่ไว้ใจ ผมขอไปให้ปากคำต่อประธานกกต. และคณะกรรมการ กกต. ด้วยตนเอง แล้วผมก็นัดกับเขา ไปวันที่ 20 ตอนบ่ายโมง ผมเอาเอกสารหลักฐานทุกเรื่องไปให้กับประธาน กกต. แล้วผมเขียนร้องเรียน บอกว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องชำระสะสางเรื่องนี้ ท้าผมเหลือเกินว่าให้เปิดเผยชื่อมาว่าใครร่วมด้วย ผมก็เอาชื่อคนของ กกต. ระดับผอ.2คน ระดับรองเลขา 1 คนเอาไปให้คุณวาสนาดูแล้วชี้ให้เห็นว่า ทำผิดกันตรงไหนบ้าง ทำอย่างไร ร่วมมือกันอย่างไร คุณวาสนาอึ้งครับ แล้วผมทำเปิดเผย วันที่ผมไปยื่นเรื่องนี้ วันที่ผมไปให้ปากคำกับ กกต. ผมได้ขอให้สื่อมวลชนทั้งหมดเข้าไปนั่งฟังด้วย เป็นครั้งแรกที่ กกต.ต้องยอมให้สื่อมวลชนทั้งหมดไปนั่งฟัง เพราะผมต้องการพิสูจน์ความจริง ผมต้องการให้เห็นว่า ในกกต.นี่มันเน่าเฟะจริงๆ แล้วคนอย่างผมพร้อมที่จะลงเดิมพัน สิ่งที่ผมให้การไปนั้นถ้าเป็นความเท็จ ถ้าไม่จริงผมมีสิทธิติดคุกครับ มีกฏหมายบอกเอาไว้ แล้วกกต. ก็ขู่ผมอย่างนั้นด้วย แล้วกกต. ก็ขู่ผมด้วย ผมบอกว่าดีแล้ว เขามีคณะอนุกรรมการซึ่งตั้งขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสอบเรื่องนี้ ท่านประธานชื่อ ท่านนาม ยิ้มแย้ม เป็นอดีตรองประธานศาลฏีกา ผมก็เลยขออนุญาตในที่ประชุมว่า ให้ได้ฉายวีดิโอ ที่พยานคือคุณ ฐัติมา ทาวรี เล่าให้ผมฟังทั้งหมด เพื่อว่าทุกท่านที่อยู่ที่นั่น จะได้นึกภาพออกว่าเรื่องทั้งเรื่องมันเป็นเช่นไร ผมก็ฉายวิดิโอนั้นทั้งม้วน อึ้งไปกันหมดเลยครับ ทั้ง กกต. พอเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ ปรากฏว่า นายพลเอก แห่งกองทัพบก ได้ออกทีวี แต่งเครื่องแบบพลเอกโก้เชียวครับ แล้วก็ออกมาพูดจาฟังดูดีเลยครับ แต่เนื้อหาน่ะ ขู่ผม ขู่พยานผม นายพลเอกคนนี้พูดเสร็จ รองโฆษกพรรคไทยรักไทยออกมาให้สัมภาษณ์ต่อ ว่าให้ระวังนะที่ไปเป็นพยานให้พรรคประชาธิปัตย์น่ะ ตายไปคนหนึ่งแล้ว จำไม่ได้เหรอ ชิปปิ้งหมูไง ที่ถูกฆ่าที่เชียงราย สำหรับพี่น้องที่ลืมชื่อ ชิปปิ้งหมูไปแล้ว ผมขออนุญาตเท้าความให้พี่น้องได้ทราบนิดหนึ่งว่า ชิปปิ้งหมูนี่ ชื่อจริงชื่อนายพรเทพครับ หรือนาย ชิดเชฐ วิริยะ เป็นคนที่ให้การเป็นพยานต่อ ปปช. เรื่องที่บริษัท ชินแซทเทลไลท์ ของนายกฯทักษิณ โกงภาษีศุลกากร เรื่องนี้ท่าน สส.ศิริโชค โสภา ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนสืบสวนพบความจริง แล้วเอามาอภิปรายในสภา โดยอ้างชิปปิ้งหมูเป็นพยาน โดยชิปปิ้งหมูก็ยอมไปเป็นพยาน ที่ปปช. ชิปปิ้งหมูถูกขู่ฆ่า หนีหัวซุกหัวซุน 2-3 ปีที่หนีอยู่ เคยมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เอาลูกมาด้วย มาพบท่านชวน หลีกภัย มาพบพวกผม คิดจะกลับคำให้การหลายครั้ง แต่ลูกที่มาด้วยไม่ให้กลับคำให้การ ลูกของชิปปิ้งหมูบอกว่า พ่อได้ทำหน้าที่คนไทยสมศักดิ์ศรีแล้ว ให้สู้ต่อไป และในที่สุด ชิปปิ้งหมูก็ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตายกลางวันแสกๆครับ ที่เชียงราย ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า เพราะว่า นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายพลเอกกองทัพบกคนนั้น ได้ยกกรณีนี้...
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 มี.ค. 2549--จบ--