เมื่อวันที่ 17 กย.นี้ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือเตรียมยื่นถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำลังจะเข้ารับหน้าที่ในเร็ว ๆ นี้ ให้พิจารณาตรวจสอบ และดำเนินการกับกรณีที่รักษาการรัฐมนตรีหลายคน ใช้งบประมาณหน่วยงานของรัฐ ออกสปอตโฆษณานโยบายรัฐบาลทางสถานีโทรทัศน์หลายช่อง หลายช่วงเวลา ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลบังคับใช้อยู่ เกรงว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์แอบแฝงให้กับพรรคการเมืองบางพรรค ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น อีกทั้งเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541
ทั้งที่โฆษณาของหน่วยงานรัฐที่มีลักษณะดังกล่าวและกำลังเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ขณะนี้ มีอาทิ ของ สำนักงานประกันสังคม, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, โฆษณานโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การจัดการผลผลิตลำไย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, โฆษณาการใช้งบประมาณของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ซึ่งหากตรวจสอบและพบว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายแล้ว ขอให้ กกต.เร่งดำเนินการเอาผิดโดยเร็ว
นายอภิชาต กล่าวด้วยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ออกมาเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทบทวนการเป็นพรีเซนเตอร์สปอตโฆษณา “คิว อาหารปลอดภัย” มาครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจากเห็นว่า มีความจงใจแฝงโฆษณาหาเสียงของรัฐบาล ปรากฏว่าได้มีการตอบรับด้วยการดูดภาพและเสียงคุณหญิงสุดารัตน์ออกไปแล้ว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า กกต. ควรมีคณะทำงานพิเศษในการตรวจสอบการใช้สื่อมวลชนในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ในลักษณะแอบแฝงดังกล่าว เพระการแอบอ้างใช้สื่อมวลชนโดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุปัจจุบันมีวิธีการที่สลับซับซ้อนมาก แม้ว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองจะไม่ออกมาใช้สื่อโฆษณาหาเสียงด้วยตัวเอง แต่พบว่า มีการจัดตั้งนักจัดรายการ หรือพิธีกร ให้นำเสนอเนื้อหารับใช้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองนั้นอย่างแนบเนียน เช่น การดำเนินรายการเชียร์รัฐบาลหรือพรรคการเมืองรัฐบาล จัดทำรายการสัมภาษณ์พิเศษ การเปิดสายให้ประชาชนกลุ่มจัดตั้งโทรศัพท์ หรือส่ง เอสเอ็มเอส มาเชียร์นโยบายบางพรรค หรือการทำรายการข่าวเสนอภาพและเสียงกิจกรรมของนักการเมืองบางคนบางพรรค โดยให้เวลาหรือพื้นที่ข่าวอย่างไม่สมดุลย์ ฯลฯ ซึ่ง กกต.ต้องตามให้ทัน
“โอกาสนี้อยากร้องเรียนไปถึงผู้ปฏิบัติงานสื่อมวลชนบางกลุ่มบางคน ที่ยังคงเอาวิชาชีพสื่อไปรับใช้นักการเมืองอย่างไม่ลืมหูลืมตา รวมทั้งคนบางพวกที่มีโอกาสจัดรายการทางวิทยุและโทรทัศน์ คอยสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองขณะนี้ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติและต่อวิชาชีพสื่อสารมวลชนเลย” นายอภิชาต กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ก.ย. 2549--จบ--
ทั้งที่โฆษณาของหน่วยงานรัฐที่มีลักษณะดังกล่าวและกำลังเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ขณะนี้ มีอาทิ ของ สำนักงานประกันสังคม, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, โฆษณานโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การจัดการผลผลิตลำไย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, โฆษณาการใช้งบประมาณของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ซึ่งหากตรวจสอบและพบว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายแล้ว ขอให้ กกต.เร่งดำเนินการเอาผิดโดยเร็ว
นายอภิชาต กล่าวด้วยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ออกมาเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทบทวนการเป็นพรีเซนเตอร์สปอตโฆษณา “คิว อาหารปลอดภัย” มาครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจากเห็นว่า มีความจงใจแฝงโฆษณาหาเสียงของรัฐบาล ปรากฏว่าได้มีการตอบรับด้วยการดูดภาพและเสียงคุณหญิงสุดารัตน์ออกไปแล้ว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า กกต. ควรมีคณะทำงานพิเศษในการตรวจสอบการใช้สื่อมวลชนในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ในลักษณะแอบแฝงดังกล่าว เพระการแอบอ้างใช้สื่อมวลชนโดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุปัจจุบันมีวิธีการที่สลับซับซ้อนมาก แม้ว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองจะไม่ออกมาใช้สื่อโฆษณาหาเสียงด้วยตัวเอง แต่พบว่า มีการจัดตั้งนักจัดรายการ หรือพิธีกร ให้นำเสนอเนื้อหารับใช้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองนั้นอย่างแนบเนียน เช่น การดำเนินรายการเชียร์รัฐบาลหรือพรรคการเมืองรัฐบาล จัดทำรายการสัมภาษณ์พิเศษ การเปิดสายให้ประชาชนกลุ่มจัดตั้งโทรศัพท์ หรือส่ง เอสเอ็มเอส มาเชียร์นโยบายบางพรรค หรือการทำรายการข่าวเสนอภาพและเสียงกิจกรรมของนักการเมืองบางคนบางพรรค โดยให้เวลาหรือพื้นที่ข่าวอย่างไม่สมดุลย์ ฯลฯ ซึ่ง กกต.ต้องตามให้ทัน
“โอกาสนี้อยากร้องเรียนไปถึงผู้ปฏิบัติงานสื่อมวลชนบางกลุ่มบางคน ที่ยังคงเอาวิชาชีพสื่อไปรับใช้นักการเมืองอย่างไม่ลืมหูลืมตา รวมทั้งคนบางพวกที่มีโอกาสจัดรายการทางวิทยุและโทรทัศน์ คอยสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองขณะนี้ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติและต่อวิชาชีพสื่อสารมวลชนเลย” นายอภิชาต กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ก.ย. 2549--จบ--