ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.และ คปค.ร่วมประชุมชี้แจงภาวะเศรษฐกิจและนโยบายด้านเศรษฐกิจของ คปค. เมื่อวานนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) โดย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการสภาความมั่นคง
แห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการ คปค.ร่วมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประชุมเพื่อชี้ภาวะเศรษฐกิจและนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ
ของ คปค. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารบริษัท
หลักทรัพย์ประมาณ 40 คน ตัวแทนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ รวมทั้งลูกค้ากองทุนรวมรายใหญ่ของ บล.ทิสโก้ อาทิ ตัวแทนจาก
บ.ปตท. บ.เอไอเอ ประกันภัย ธนาคากรุงเทพ เป็นต้น โดย พลอ.วินัยกล่าวชี้แจงเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ธุรกรรมทางการเงินและการค้าจะ
สามารถดำเนินการไปตามปกติ ซึ่ง คปค.จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของความมั่นคง และการส่งผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลรักษาการ
ดำเนินการดูแลเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง (โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, ข่าวสด)
2. คปค.ประกาศตั้งทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข (คปค.) ได้ประกาศตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็น
ประธาน และคณะที่ปรึกษาประกอบด้วย นายณรงค์ชัย อัครเศรณี นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายฉลองภพ สุสังกรณ์กาญจน์ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม
นายเกริกไกร จีระแพทย์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นายไชย ไชยวรรณ ศ.เทียนฉาย กีระนันทน์ ศจ.ปราณี ทินกร นางผาสุก พงษ์ไพจิตร
นายมิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด รศ.วรพล โสคติยานุรักษ์ นายวิรไท สันติประภพ นายสันติ วิลาสศักดานนท์ นายศิวพร ทรรทานนท์ นายอัมมาร
สยามวาลา นายอาชว์ เตาลานนท์ และ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิจ (สยามรัฐ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ส.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 85.6 ประธานสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ส.ค.49 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน
502 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัว
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 85.6 จาก 81.4 ในเดือน ก.ค.49 เนื่องจากค่าดัชนีหลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าดัชนีความ
เชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อจากระดับ 92.1 เป็น 96.2 ยอดขายเพิ่มจาก 89.3 เป็น 94.4 และปริมาณการผลิต ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก
103.5 เป็น 103.8 ในเดือน ส.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของต้นทุนการประกอบการ และผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 53.3 และ
90.4 ในเดือน ก.ค.เป็น 63 และ 98.6 ในเดือน ส.ค.ตามลำดับ สำหรับสาเหตุที่ค่าดัชนีปรับค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะสำรวจในช่วงเดือน
ส.ค.ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศในการดำเนินกิจการในด้านต่าง ๆ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือน ก.ค.
ที่ผ่านมา ทำให้ค่าดัชนีปัจจุบันในแต่ละปัจจัยของเดือน ส.ค.อยู่ในระดับทรงตัวอีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่ยังคง
ทรงตัว และราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน ส.ค.มีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และการลงทุนของกิจการมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งมียอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศต่อเนื่อง (ผู้จัดการรายวัน, มติชน, สยามรัฐ, แนวหน้า)
4. กรมส่งเสริมการส่งออกปรับโครงสร้างการทำงานเป็น 3 กลุ่มภารกิจหลัก อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ขณะนี้กรม
ได้มีการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ เพื่อสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการผลักดันสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก สร้างภาพลักษณ์และค่านิยมสินค้าไทยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้ไทย
เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการผลิต การค้าและการแสดงสินค้านานาชาติ ทั้งนี้ โครงสร้างการทำงานจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มภารกิจ คือ 1) การ
สร้างธุรกิจระหว่างประเทศและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 2) การส่งเสริมและขยายธุรกิจระหว่างประเทศ และ 3) การบริหารจัดการ
เพื่อสนับสนุนการค้า ทั้งนี้ กลุ่มภารกิจที่ 3 จะเป็นหัวใจของการทำงาน เนื่องจากเป้าหมายและแผนการทำงานจะถูกกำหนดออกจากส่วนนี้ป
ระกอบด้วย 6 ส่วนบริหารงาน (ผู้จัดการรายวัน)
5. ก.คลังเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่หลังเหตุการณ์ คปค. รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย
ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ใหม่ ภายหลังที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ
มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ทำให้มีการจัดทำ งปม.ปี 50 มีความชัดเจนและรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้ม
จะดีขึ้น และจะประกาศอย่างเป็นทางการก่อนเดือน พ.ย.นี้ สำหรับประมาณการเดิมของ ก.คลังคาดว่าจีดีพีปี 49 อยู่ที่ร้อยละ 4.5 ส่วนปี 50
อยู่ที่ร้อยละ 4.25 เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา โฆษก คปค.กล่าวถึงตัวเลขจีดีพีปีนี้ว่าน่าจะสูงกว่าร้อยละ 4.5 เนื่อง
จาก งปม.มีความชัดเจนและช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีสามารถเบิกจ่าย งปม.ปี 49 ได้ ก่อน งปม.ปี 50 จะเริ่มในเดือน ม.ค.50
(ผู้จัดการรายวัน)
6. อัตราการว่างงานเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ของประชากรในวัยแรงงาน เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า
อัตราการว่างงานเดือน ส.ค.49 เพิ่มมาอยู่ที่ 5.1 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของจำนวนประชากรในวัยแรงงานจำนวน 37.27 ล้านคน หรือคิด
เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น จากเดือน ก.ค.49 ประมาณ 9 หมื่นคน ขณะที่ผู้มีงานทำทั่วประเทศมีจำนวน 36.68 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้ว่างงานแยกเป็นรายภาค
จะพบว่า กรุงเทพฯ มีอัตราการว่างงานสูงสุด 7 หมื่นคน เพิ่มจากเดือน ก.ค.ซึ่งอยู่ที่ 4 หมื่นคน รองลงมา คือภาคใต้ ภาคกลาง และภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 27 ก.ย.49 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านเดี่ยวใหม่ของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 มีจำนวน 1.050 ล้านหลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากเดือนก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน
1.009 ล้านหลัง สูงกว่าการคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่ายอดขายบ้านฯ ในเดือน ส.ค.จะมีจำนวน 1.04 ล้านหลัง สำหรับยอด
ขายบ้านฯ เมื่อเทียบต่อปีลดลงร้อยละ 17.4 จากจำนวน 1.271 ล้านหลังในเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนบ้านพร้อมขายคงค้างในเดือน
ส.ค. มีจำนวน 568,000 หลัง ลดลงร้อยละ 0.4 จาก 570,000 หลังในเดือนก่อนหน้า โดยระยะเวลาที่คาดว่าจะขายบ้านคงค้างดังกล่าวใน
เดือน ส.ค.อยู่ที่ 6.6 เดือน ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 7 เดือน ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยในเดือน ส.ค. อยู่ที่หลังละ 237,000 ดอลลาร์ สรอ.
เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยหลังละ 236,200 ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงต่ำกว่าราคาเฉลี่ยปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่หลังละ 240,100 ดอลลาร์
สรอ. ทั้งนี้ ยอดขายบ้านฯ จำแนกตามภาคพบว่า ในภาคตะวันตกของประเทศลดลงร้อยละ 17.7 ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ
21.7 เช่นเดียวกับภาคตะวันตกตอนกลางและภาคใต้ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 และ 11.1 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสรอ. ในเดือน ส.ค. ลดลงร้อยละ 0.5 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 49 รัฐบาล สรอ.
เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ลดลงอย่างผิดคาดร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 2.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ในเดือน
ก.ค. ลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าเกี่ยวกับการขนส่งลดลงร้อยละ 2 ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
ที่เกี่ยวกับการขนส่งรวมทั้งสิ้นกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.7 เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่
นับรวมอาวุธยุทโธปกรณ์ลดลงร้อยละ 0.8 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ทั้งนี้ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ก่อน
หน้านั้นว่าคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน ส.ค. จะเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ร้อยละ 0.5 อนึ่งบรรยากาศการใช้จ่ายของธุรกิจชี้ว่าการใช้จ่ายลดลง
อย่างผิดคาด เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าที่มิใช่อาวุธที่ไม่นับรวมเครื่องบินโดยสารในเดือนส.ค. ลดลงร้อยละ 0.3 จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ก.ย.49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 27 ก.ย.49
ผลสำรวจความเห็นของกลุ่มผู้ค้าปลีกในระหว่างวันที่ 29 ส.ค.ถึง 20 ก.ย.49 โดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษหรือ CBI ปรากฎว่าดัชนีชี้วัดยอดค้า
ปลีกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +14 ในการสำรวจครั้งนี้ จากระดับ +12 ในการสำรวจครั้งก่อนในเดือน ส.ค.49 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.47 และ
สูงกว่าที่กลุ่มผู้ค้าปลีกเองคาดไว้ที่ระดับ +13 โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนไหว 3 เดือนของดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ +11 ในเดือนเดียวกัน อยู่ในระดับสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ก.พ.48 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลจากการขยายตัวของตลาดบ้านที่อยู่อาศัยทำให้ยอดขายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เช่น โทรทัศน์จอแบน เฟอร์นิเจอร์
และพรมเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาบ้านยังคงเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้สูงขึ้นแล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ธ.กลางอังกฤษเป็นร้อยละ 4.75 ต่อปี เมื่อเดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่ออำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภค นักวิเคราะห์จึงคาดว่า
ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนถึงสิ้นปี 49 นี้ (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือน ส.ค.49 จะฟื้นตัวดีขึ้น รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่
26 ก.ย.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน
ส.ค.49 จะเติบโตร้อยละ 2.5 ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่มีการเติบโตร้อยละ 6.5 ในเดือน ม.ค.49 ท่ามกลาง
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตดังกล่าวยังถือว่าไม่ดีพอเมื่อต้องชดเชยกับ
อัตราการเติบโตที่ลดลงร้อยละ 3.9 ในเดือน ก.ค.49 ซึ่งเป็นอัตราการลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่มีการลดลงร้อยละ 4.4 ในเดือน
ก.พ.49 โดยผลผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นปกติหลังจากที่มีการนัดหยุดงานหลายครั้ง ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอลและ
เซมิคอนดักเตอร์มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ส.ค.49 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 จากปีก่อน ทั้งนี้ ผลผลิต
ภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ได้ปรับตัวลดลงพอสมควรนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมาหลังจากที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นมาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี โดยเป็น
ผลมาจากความกังวลว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะทำให้ความต้องการสินค้าจากประเทศคู่ค้าหลักลดลง
ซึ่ง รมว.คลังของเกาหลีใต้ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ปี 50 จะเติบโตลดลงเหลือร้อยละ 4.5 จากที่คาดว่าจะเติบโต
ร้อยละ 5.0 ในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.0 ในปี 48 หลังจากที่ ธ.กลางของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจ
ที่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ในช่วงไตรมาส 3 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ย. 49 27 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.499 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.3073/37.5952 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.13938 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 693.03/15.83 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,450/10,550 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.35 56.1 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/24.54** 25.99*/24.54** 27.24/24.69 ปตท.
** ปรับลด เมื่อ 27 ก.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.และ คปค.ร่วมประชุมชี้แจงภาวะเศรษฐกิจและนโยบายด้านเศรษฐกิจของ คปค. เมื่อวานนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) โดย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการสภาความมั่นคง
แห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการ คปค.ร่วมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประชุมเพื่อชี้ภาวะเศรษฐกิจและนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ
ของ คปค. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารบริษัท
หลักทรัพย์ประมาณ 40 คน ตัวแทนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ รวมทั้งลูกค้ากองทุนรวมรายใหญ่ของ บล.ทิสโก้ อาทิ ตัวแทนจาก
บ.ปตท. บ.เอไอเอ ประกันภัย ธนาคากรุงเทพ เป็นต้น โดย พลอ.วินัยกล่าวชี้แจงเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ธุรกรรมทางการเงินและการค้าจะ
สามารถดำเนินการไปตามปกติ ซึ่ง คปค.จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของความมั่นคง และการส่งผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลรักษาการ
ดำเนินการดูแลเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง (โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, ข่าวสด)
2. คปค.ประกาศตั้งทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข (คปค.) ได้ประกาศตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็น
ประธาน และคณะที่ปรึกษาประกอบด้วย นายณรงค์ชัย อัครเศรณี นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายฉลองภพ สุสังกรณ์กาญจน์ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม
นายเกริกไกร จีระแพทย์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นายไชย ไชยวรรณ ศ.เทียนฉาย กีระนันทน์ ศจ.ปราณี ทินกร นางผาสุก พงษ์ไพจิตร
นายมิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด รศ.วรพล โสคติยานุรักษ์ นายวิรไท สันติประภพ นายสันติ วิลาสศักดานนท์ นายศิวพร ทรรทานนท์ นายอัมมาร
สยามวาลา นายอาชว์ เตาลานนท์ และ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิจ (สยามรัฐ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ส.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 85.6 ประธานสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ส.ค.49 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน
502 ตัวอย่าง ครอบคลุม 35 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัว
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 85.6 จาก 81.4 ในเดือน ก.ค.49 เนื่องจากค่าดัชนีหลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าดัชนีความ
เชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อจากระดับ 92.1 เป็น 96.2 ยอดขายเพิ่มจาก 89.3 เป็น 94.4 และปริมาณการผลิต ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก
103.5 เป็น 103.8 ในเดือน ส.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของต้นทุนการประกอบการ และผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 53.3 และ
90.4 ในเดือน ก.ค.เป็น 63 และ 98.6 ในเดือน ส.ค.ตามลำดับ สำหรับสาเหตุที่ค่าดัชนีปรับค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะสำรวจในช่วงเดือน
ส.ค.ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศในการดำเนินกิจการในด้านต่าง ๆ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือน ก.ค.
ที่ผ่านมา ทำให้ค่าดัชนีปัจจุบันในแต่ละปัจจัยของเดือน ส.ค.อยู่ในระดับทรงตัวอีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่ยังคง
ทรงตัว และราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน ส.ค.มีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และการลงทุนของกิจการมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งมียอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศต่อเนื่อง (ผู้จัดการรายวัน, มติชน, สยามรัฐ, แนวหน้า)
4. กรมส่งเสริมการส่งออกปรับโครงสร้างการทำงานเป็น 3 กลุ่มภารกิจหลัก อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ขณะนี้กรม
ได้มีการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ เพื่อสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการผลักดันสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก สร้างภาพลักษณ์และค่านิยมสินค้าไทยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้ไทย
เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการผลิต การค้าและการแสดงสินค้านานาชาติ ทั้งนี้ โครงสร้างการทำงานจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มภารกิจ คือ 1) การ
สร้างธุรกิจระหว่างประเทศและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 2) การส่งเสริมและขยายธุรกิจระหว่างประเทศ และ 3) การบริหารจัดการ
เพื่อสนับสนุนการค้า ทั้งนี้ กลุ่มภารกิจที่ 3 จะเป็นหัวใจของการทำงาน เนื่องจากเป้าหมายและแผนการทำงานจะถูกกำหนดออกจากส่วนนี้ป
ระกอบด้วย 6 ส่วนบริหารงาน (ผู้จัดการรายวัน)
5. ก.คลังเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่หลังเหตุการณ์ คปค. รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย
ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ใหม่ ภายหลังที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ
มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ทำให้มีการจัดทำ งปม.ปี 50 มีความชัดเจนและรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้ม
จะดีขึ้น และจะประกาศอย่างเป็นทางการก่อนเดือน พ.ย.นี้ สำหรับประมาณการเดิมของ ก.คลังคาดว่าจีดีพีปี 49 อยู่ที่ร้อยละ 4.5 ส่วนปี 50
อยู่ที่ร้อยละ 4.25 เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา โฆษก คปค.กล่าวถึงตัวเลขจีดีพีปีนี้ว่าน่าจะสูงกว่าร้อยละ 4.5 เนื่อง
จาก งปม.มีความชัดเจนและช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีสามารถเบิกจ่าย งปม.ปี 49 ได้ ก่อน งปม.ปี 50 จะเริ่มในเดือน ม.ค.50
(ผู้จัดการรายวัน)
6. อัตราการว่างงานเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ของประชากรในวัยแรงงาน เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า
อัตราการว่างงานเดือน ส.ค.49 เพิ่มมาอยู่ที่ 5.1 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของจำนวนประชากรในวัยแรงงานจำนวน 37.27 ล้านคน หรือคิด
เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น จากเดือน ก.ค.49 ประมาณ 9 หมื่นคน ขณะที่ผู้มีงานทำทั่วประเทศมีจำนวน 36.68 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้ว่างงานแยกเป็นรายภาค
จะพบว่า กรุงเทพฯ มีอัตราการว่างงานสูงสุด 7 หมื่นคน เพิ่มจากเดือน ก.ค.ซึ่งอยู่ที่ 4 หมื่นคน รองลงมา คือภาคใต้ ภาคกลาง และภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 27 ก.ย.49 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านเดี่ยวใหม่ของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 มีจำนวน 1.050 ล้านหลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากเดือนก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน
1.009 ล้านหลัง สูงกว่าการคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่ายอดขายบ้านฯ ในเดือน ส.ค.จะมีจำนวน 1.04 ล้านหลัง สำหรับยอด
ขายบ้านฯ เมื่อเทียบต่อปีลดลงร้อยละ 17.4 จากจำนวน 1.271 ล้านหลังในเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนบ้านพร้อมขายคงค้างในเดือน
ส.ค. มีจำนวน 568,000 หลัง ลดลงร้อยละ 0.4 จาก 570,000 หลังในเดือนก่อนหน้า โดยระยะเวลาที่คาดว่าจะขายบ้านคงค้างดังกล่าวใน
เดือน ส.ค.อยู่ที่ 6.6 เดือน ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 7 เดือน ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยในเดือน ส.ค. อยู่ที่หลังละ 237,000 ดอลลาร์ สรอ.
เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยหลังละ 236,200 ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงต่ำกว่าราคาเฉลี่ยปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่หลังละ 240,100 ดอลลาร์
สรอ. ทั้งนี้ ยอดขายบ้านฯ จำแนกตามภาคพบว่า ในภาคตะวันตกของประเทศลดลงร้อยละ 17.7 ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ
21.7 เช่นเดียวกับภาคตะวันตกตอนกลางและภาคใต้ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 และ 11.1 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสรอ. ในเดือน ส.ค. ลดลงร้อยละ 0.5 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 49 รัฐบาล สรอ.
เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ลดลงอย่างผิดคาดร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 2.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ในเดือน
ก.ค. ลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าเกี่ยวกับการขนส่งลดลงร้อยละ 2 ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
ที่เกี่ยวกับการขนส่งรวมทั้งสิ้นกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.7 เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่
นับรวมอาวุธยุทโธปกรณ์ลดลงร้อยละ 0.8 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ทั้งนี้ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ก่อน
หน้านั้นว่าคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน ส.ค. จะเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ร้อยละ 0.5 อนึ่งบรรยากาศการใช้จ่ายของธุรกิจชี้ว่าการใช้จ่ายลดลง
อย่างผิดคาด เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าที่มิใช่อาวุธที่ไม่นับรวมเครื่องบินโดยสารในเดือนส.ค. ลดลงร้อยละ 0.3 จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ก.ย.49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 27 ก.ย.49
ผลสำรวจความเห็นของกลุ่มผู้ค้าปลีกในระหว่างวันที่ 29 ส.ค.ถึง 20 ก.ย.49 โดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษหรือ CBI ปรากฎว่าดัชนีชี้วัดยอดค้า
ปลีกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +14 ในการสำรวจครั้งนี้ จากระดับ +12 ในการสำรวจครั้งก่อนในเดือน ส.ค.49 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.47 และ
สูงกว่าที่กลุ่มผู้ค้าปลีกเองคาดไว้ที่ระดับ +13 โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนไหว 3 เดือนของดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ +11 ในเดือนเดียวกัน อยู่ในระดับสูงสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ก.พ.48 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลจากการขยายตัวของตลาดบ้านที่อยู่อาศัยทำให้ยอดขายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เช่น โทรทัศน์จอแบน เฟอร์นิเจอร์
และพรมเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาบ้านยังคงเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้สูงขึ้นแล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ธ.กลางอังกฤษเป็นร้อยละ 4.75 ต่อปี เมื่อเดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่ออำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภค นักวิเคราะห์จึงคาดว่า
ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนถึงสิ้นปี 49 นี้ (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือน ส.ค.49 จะฟื้นตัวดีขึ้น รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่
26 ก.ย.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน
ส.ค.49 จะเติบโตร้อยละ 2.5 ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่มีการเติบโตร้อยละ 6.5 ในเดือน ม.ค.49 ท่ามกลาง
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตดังกล่าวยังถือว่าไม่ดีพอเมื่อต้องชดเชยกับ
อัตราการเติบโตที่ลดลงร้อยละ 3.9 ในเดือน ก.ค.49 ซึ่งเป็นอัตราการลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่มีการลดลงร้อยละ 4.4 ในเดือน
ก.พ.49 โดยผลผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นปกติหลังจากที่มีการนัดหยุดงานหลายครั้ง ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอลและ
เซมิคอนดักเตอร์มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ส.ค.49 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 จากปีก่อน ทั้งนี้ ผลผลิต
ภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ได้ปรับตัวลดลงพอสมควรนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมาหลังจากที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นมาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี โดยเป็น
ผลมาจากความกังวลว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะทำให้ความต้องการสินค้าจากประเทศคู่ค้าหลักลดลง
ซึ่ง รมว.คลังของเกาหลีใต้ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ปี 50 จะเติบโตลดลงเหลือร้อยละ 4.5 จากที่คาดว่าจะเติบโต
ร้อยละ 5.0 ในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.0 ในปี 48 หลังจากที่ ธ.กลางของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจ
ที่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ในช่วงไตรมาส 3 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ย. 49 27 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.499 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.3073/37.5952 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.13938 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 693.03/15.83 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,450/10,550 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.35 56.1 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/24.54** 25.99*/24.54** 27.24/24.69 ปตท.
** ปรับลด เมื่อ 27 ก.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--