ปี 2548 การเปิดเสรีการค้าสิ่งทอเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 ที่ผ่านมาได้ 11 เดือนแล้ว ส่งผลให้การส่งออกสิ่งทอในช่วงดังกล่าวมีมูลค่า 244,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.7 โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนร้อยละ 31.6 ขยายตัวร้อยละ 1.5 รองลงมาเป็นสหภาพยุโรปและอาเซียนมีสัดส่วนร้อยละ 17.8 และ 11.7 ตามลำดับ ทั้งนี้อาเซียนยังเป็นตลาดที่สิ่งทอมีการขยายตัวดีได้แก่ ผ้าผืน เคหะสิ่งทอ สำหรับการนำเข้าสิ่งทอของไทยจะเป็นการนำเข้าผ้าผืน ด้าย เส้นใย และเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีมูลค่า 103,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.6 ซึ่งการนำเข้าด้ายและเส้นใยจะนำเข้าจากสหรัฐฯ ขณะที่ผ้าผืนส่วนใหญ่จะนำเข้าจากจีนและไต้หวัน
ปี 2549 การส่งออกสิ่งทอ คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5 ใกล้เคียงกับปี 2548 ตามภาวะเศรษฐกิจ โดยสินค้าสิ่งทอยังมีการแข่งขันในตลาดสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และคาดว่าจะมีผ้าผืนจากจีนเข้าสู่ตลาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจีนได้ถูกจำกัดการนำเข้าจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปก็ตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของผู้ประกอบการสิ่งทอไทย
ปัจจัยสนับสนุน
รัฐบาลได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยพัฒนาคุณภาพ เทคนิคการผลิต และการออกแบบสิ่งทอเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน ฯลฯ
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปนำมาตรการจำกัดการนำเข้า (Safeguard) มาใช้เพื่อตอบโต้กับสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากประเทศจีนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 โดยมีระยะเวลา 3 ปีและสิ้นสุดในปี 2551 จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งออกได้มากขึ้น
การเปิดเสรีการค้าสิ่งทอจะทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านโควตา จึงสามารถส่งออกได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และขยายตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
การเปิดเสรีการค้าสิ่งทอจะทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ราคาสินค้าจะโน้มลดลง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอขาดแคลนแรงงานฝีมือและทักษะ
ภายหลังจากที่สิ่งทอจากจีนถูกมาตรการ(Safeguard) จะส่งผลให้สินค้าสิ่งทอจากจีนเข้ามาสวมสิทธิ์โดยแอบอ้างแหล่งกำเนิด(Circumvention)ในไทยเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยถูกมาตรการตอบโต้จากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทั้งค่าพลังงานและค่าขนส่ง
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ปี 2549 การส่งออกสิ่งทอ คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5 ใกล้เคียงกับปี 2548 ตามภาวะเศรษฐกิจ โดยสินค้าสิ่งทอยังมีการแข่งขันในตลาดสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และคาดว่าจะมีผ้าผืนจากจีนเข้าสู่ตลาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจีนได้ถูกจำกัดการนำเข้าจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปก็ตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของผู้ประกอบการสิ่งทอไทย
ปัจจัยสนับสนุน
รัฐบาลได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยพัฒนาคุณภาพ เทคนิคการผลิต และการออกแบบสิ่งทอเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน ฯลฯ
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปนำมาตรการจำกัดการนำเข้า (Safeguard) มาใช้เพื่อตอบโต้กับสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากประเทศจีนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 โดยมีระยะเวลา 3 ปีและสิ้นสุดในปี 2551 จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งออกได้มากขึ้น
การเปิดเสรีการค้าสิ่งทอจะทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านโควตา จึงสามารถส่งออกได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และขยายตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
การเปิดเสรีการค้าสิ่งทอจะทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ราคาสินค้าจะโน้มลดลง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอขาดแคลนแรงงานฝีมือและทักษะ
ภายหลังจากที่สิ่งทอจากจีนถูกมาตรการ(Safeguard) จะส่งผลให้สินค้าสิ่งทอจากจีนเข้ามาสวมสิทธิ์โดยแอบอ้างแหล่งกำเนิด(Circumvention)ในไทยเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยถูกมาตรการตอบโต้จากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทั้งค่าพลังงานและค่าขนส่ง
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-