คณะกรรมาธิการด้านการค้าอียู ระบุผลการตรวจสอบการทุ่มตลาดรองเท้าของจีนและเวียดนามซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบ 15 เดือน พบว่าผู้ผลิตรองเท้าของทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือของรัฐ ทั้งในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การยกเว้นภาษี และค่าเช่าราคาถูก ซึ่งล้วนเป็น สิทธิประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุนี้คณะกรรมาธิการยุโรปจึงออกมาประกาศใช้มาตรการการเก็บภาษีรองเท้าหนังและรองเท้ากีฬาเด็กนำเข้าจากจีน ในอัตรา 16.5% และจากเวียดนามในอัตรา 10% เป็นเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2549 นี้ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าราคาถูกจำนวนมากเข้าสู่ตลาดอียู
จีนและเวียดนามได้ออกมาแสดงความไม่พอใจทันทีต่อการประกาศใช้มาตรการข้างต้นโดยจีนให้เหตุผลว่า การตรวจสอบและการกำหนดมาตรการของอียูเป็นการกระทำที่ขาดข้อเท็จจริงและกระทบต่อสิทธิทางกฎหมายของผู้ประกอบการรองเท้าของจีน และยังเป็นการกระทำตามกฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดของอียูเอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวสวนทางกับข้อกำหนดขององค์การค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ในขณะที่สมาคมเครื่องหนังและรองเท้าของเวียดนามให้ความเห็นว่า มาตรการการเก็บภาษีของอียูจะส่งผลให้เวียดนามเกิดการสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งด้านแรงงานและผู้ประกอบการ
ประเด็นวิเคราะห์:
ในขณะนี้สินค้าราคาถูกจากจีนเป็นจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่ตลาดอียูเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศของอียูเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่อียูจะต้องสร้างสมดุลให้ดีระหว่างการเจรจาเพื่อหาผลประโยชน์พร้อมกับการรักษาผลประโยชน์เพื่อมิให้อุตสาหกรรมการผลิตของอียูเองได้รับผลกระทบหนักมากจากการเปิดตลาดให้กับสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตามการใช้มาตรการดังกล่าวของอียูอาจเป็นการเปิดโอกาสให้กับ สินค้าจากประเทศไทย หากผู้ประกอบการสามารถพัฒนาคุณภาพและรูปแบของสินค้าให้ได้มาตรฐานตามที่ตลาดอียูต้องการ แทนการมุ่งเน้นที่จะผลิตสินค้าราคาถูกเพียงอย่างเดียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th