กรุงเทพ--8 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันพุธที่ 6 ธ.ค. 2549 นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ ร่วมฟังและซักถามในประเด็นต่างๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. การเยือนประเทศไทยของนาย George Herbert Walker Bush อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และภริยา ในฐานะแขกของรัฐบาล วันที่ 10-12 ธ.ค. 2549
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า นาย George H.W. Bush อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนาง Barbara Bush ภริยา จะมาเยือนประเทศไทยในฐานะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 10 - 12 ธ.ค. 2549 โดยจะเป็นแขกของรัฐบาลไทย (As Guests of the Government) เพื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำความปรารถนาดีของประธานาธิบดีและประชาชนอเมริกัน มากราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเป็นช่วงที่ประเทศไทยจะเฉลิมฉลองวโรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาด้วย
ในระหว่างที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยาพำนักอยู่ในประเทศไทยนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในวันที่ 11 ธ.ค. 2549 เวลาประมาณ 19.30 น. หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยาด้วย ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยายังมีกำหนดเข้าเยี่ยมชมพระที่นั่งวิมานเมฆและพระที่นั่งอนันตสมาคมก่อนการเข้าเฝ้าฯ ในบ่ายวันเดียวกันด้วย
การเยือนครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยได้ส่งผู้แทนพิเศษระดับสูงมาเยือนไทย ซึ่งต่อเนื่องจากการที่ประธานาธิบดีบุชฯ ได้มีโอกาสพบหารือกับนายกรัฐมนตรีในช่วงการประชุมเอเปกที่กรุงฮานอยเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ได้มาเยือนไทยแล้วถึง 3 คน คนแรกคือ อดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter ซึ่งมาเยือนจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2549 เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานขององค์กร Habitat for Humanity ในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่บริเวณหมู่บ้านท่าฉัตรชัย จ.ภูเก็ต ซึ่งประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ คนที่สองคือ อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ซึ่งมาเยือนจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 1-2 ธ.ค.2549 เพื่อเยี่ยมโครงการฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากพิบัติภัยสึนามิของ UNDP และอดีตประธานาธิบดี George H.W. Bush ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 3 ที่ได้มาเยือนไทยในช่วงปีนี้
2. ความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยต่อฟิลิปปินส์ กรณีพายุไต้ฝุ่นทุเรียนพัดผ่านและแผ่นดินถล่ม
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า จากกรณีที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้พัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 คน รวมทั้งผู้สูญหายอีกกว่า 700 คน ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติที่ค่อนข้างรุนแรงนั้น ไทยในฐานะมิตรประเทศที่สำคัญของฟิลิปปินส์ ได้ให้ความช่วยเหลือฟิลิปปินส์โดยจะมอบเงินให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ โดยเหตุผลที่มอบเป็นเงินก็เพื่อความสะดวกในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เพราะหากเป็นสิ่งของอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการขนส่ง นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่เซบูระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 2549 จะได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมอบให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแสดงความเสียใจถึงประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ตามลำดับแล้ว
ในส่วนความกังวลว่า จะมีคนไทยหรือผลประโยชน์ของไทยได้รับผลกระทบหรือไม่นั้น อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า กระทรวงฯ ได้สั่งการให้ สอท.ณ กรุงมะนิลา ติดตามตรวจสอบแล้ว ซึ่งได้รับรายงานว่า ไม่มีคนไทยหรือนักเรียนไทยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีคนไทยจำนวน 7 คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัด Bicol ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ทั้ง 7 คนอาศัยอยู่ในตัวเมือง Legazpi ซึ่งไม่ได้อยู่ในบริเวณชายฝั่ง และขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยดี
3 การฉลองครบรอบ 60 ปีการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 60 ที่ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และในวันที่ 16 ธ.ค. 2549 นี้จะตรงกับวันที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ดังนั้น กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมสหประชาชาติแห่งประเทศไทยและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก (UNESCAP) จัดกิจกรรมเพื่อฉลองโอกาสดังกล่าว ระหว่างวันที่ 15 -24 ธ.ค.2549 ที่ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งเยาวชนให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและผลประโยชน์ของไทยในกรอบของสหประชาชาติ
ในงานจะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งขันตอบปัญหา ซึ่งจะมีนักเรียนเข้าร่วม 16 โรงเรียน แบ่งเป็น 4 สาย เพื่อตอบคำถามต่างๆ โดยมีรางวัลชนะเลิศเป็นทุนการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการประกวดแข่งขันเรียงความ โดยมีรางวัลให้แก่นักเรียน นักศึกษาและเยาวชนทั้งในระดับมัธยมปลายและอุดมศึกษา โดยรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งเป็นเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาทพร้อมโล่ห์ประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชย 2 รางวัลพร้อมใบประกาศเกียรติคุณ สำหรับในระดับอุดมศึกษา มีรางวัลชนะเลิศมูลค่า 12,000 บาท พร้อมโล่ห์ประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชย 2 รางวัล ทั้งนี้ การมอบรางวัลแข่งขันตอบปัญหาและเรียงความ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. 2549 ที่อัมรินทร์พลาซ่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย ดร.มนัสพาสน์ ชูโต ในฐานะนายกสมาคมสหประชาชาติแห่งประเทศไทย และนายคิม ฮัก ซู ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและเลขาธิการบริหารของ ESCAPจะร่วมเป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ
4. กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นประกาศอนุญาตให้นำเข้ามะม่วงมหาชนกจากไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า สอท. ณ กรุงโตเกียว ได้รายงานว่า จากการที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดต่อเจรจาและร่วมมือกับ สอท. ณ กรุงโตเกียว ในการดำเนินความพยายามเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้กับไทยนั้น กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษาของญี่ปุ่น ลงวันที่ 28 พ.ย.2549 อนุญาตให้มีการนำเข้ามะม่วงพันธุ์มหาชนกจากไทย โดยต้องดำเนินมาตรการกำจัดแมลงวันผลไม้ และมาตรการป้องกันการปนเปื้อนตามที่กำหนด ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ดูแลโดยใช้การอบไอน้ำด้วยความร้อน ซึ่งขณะนี้ถือว่า ญี่ปุ่นได้เปิดตลาดให้กับมะม่วงไทยมากขึ้นแล้ว ได้แก่ หนังกลางวัน พิมเสน แรด และน้ำดอกไม้ และยังมีผลไม้อื่นๆ อีกที่เข้าไปจำหน่ายในญี่ปุ่นได้ เช่น มังคุด สับปะรด มะพร้าว และทุเรียน
สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากที่ทางการไทยได้ดำเนินการเจรจาอย่างต่อเนื่องกับฝ่ายญี่ปุ่น รวมทั้งมีความเกี่ยวพันกับการทำความตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่นด้วย ซึ่งการใช้มาตรการทางเทคนิคเป็นรายละเอียดที่จะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อจะให้มีการเปิดตลาดต่อกัน
5. โครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้
อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า นายวิวัฒน์ กุลธรเธียร เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสารโครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้ โดยบริษัทของไทยคือ บริษัท KYTBW ซึ่งมี ศ.ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี รองประธานบริษัท เป็นตัวแทนลงนามร่วมกับนาย Jose Teixeiro รัฐมนตรีแร่ธาตุและพลังงานของติมอร์ฯ
โครงการนี้เป็นโครงการลงทุนร่วมด้านพลังงานที่ไม่ใช่น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในติมอร์ฯ ซึ่งมีมูลค่าถึง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนจากฝ่ายไทย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 90) ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนติมอร์ตะวันออก และเป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของภาคเอกชนไทย ที่ได้เข้าไปร่วมมือกับต่างประเทศในด้านพลังงานทางเลือก
6. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีลาวและนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนประเทศอาเซียน โดยได้เยือนลาวเป็นประเทศแรกนั้น นายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีลาวจะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการเป็นการตอบแทน ในระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยนายกรัฐมนตรีลาวมีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรี และหารือเต็มคณะกับฝ่ายไทยในวันที่ 17 ธ.ค. และมีกำหนดการไปเยี่ยมชมงานพืชสวนโลกที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย นอกจากนั้น ในวันที่ 18 ธ.ค. ยังมีกำหนดการเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาด้วย และในวันที่20 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีลาวจะได้เดินทางไปเปิดสะพานมิตรภาพ 2 ซึ่งติดต่อกับแขวงสะหวันนะเขตของลาว
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวอีกว่า ในวันที่ 20-21 ต.ค.49 นาย Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบแทนการเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2549 โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามจะร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดสะพานมิตรภาพ 2 และมีกำหนดพบหารือกับนายกรัฐมนตรี และหารือเต็มคณะกับฝ่ายไทยในวันที่ 20 ธ.ค.ด้วย
ในโอกาสดังกล่าว จะมีการลงนามรับรองเอกสารที่สำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ 1) Thailand-Vietnam Security Outlook ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคง อันจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของไทยและเวียดนาม โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นเจ้าของเรื่อง และ 2) Joint Strategy for Economic Partnership ซึ่งเป็นเอกสารกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นเจ้าของเรื่อง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีลาวและเวียดนาม จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 18 ธ.ค. และวันที่ 20 ธ.ค. ตามลำดับด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันพุธที่ 6 ธ.ค. 2549 นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ ร่วมฟังและซักถามในประเด็นต่างๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. การเยือนประเทศไทยของนาย George Herbert Walker Bush อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และภริยา ในฐานะแขกของรัฐบาล วันที่ 10-12 ธ.ค. 2549
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า นาย George H.W. Bush อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนาง Barbara Bush ภริยา จะมาเยือนประเทศไทยในฐานะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 10 - 12 ธ.ค. 2549 โดยจะเป็นแขกของรัฐบาลไทย (As Guests of the Government) เพื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำความปรารถนาดีของประธานาธิบดีและประชาชนอเมริกัน มากราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเป็นช่วงที่ประเทศไทยจะเฉลิมฉลองวโรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาด้วย
ในระหว่างที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยาพำนักอยู่ในประเทศไทยนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีนำอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในวันที่ 11 ธ.ค. 2549 เวลาประมาณ 19.30 น. หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยาด้วย ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยายังมีกำหนดเข้าเยี่ยมชมพระที่นั่งวิมานเมฆและพระที่นั่งอนันตสมาคมก่อนการเข้าเฝ้าฯ ในบ่ายวันเดียวกันด้วย
การเยือนครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยได้ส่งผู้แทนพิเศษระดับสูงมาเยือนไทย ซึ่งต่อเนื่องจากการที่ประธานาธิบดีบุชฯ ได้มีโอกาสพบหารือกับนายกรัฐมนตรีในช่วงการประชุมเอเปกที่กรุงฮานอยเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ได้มาเยือนไทยแล้วถึง 3 คน คนแรกคือ อดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter ซึ่งมาเยือนจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2549 เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานขององค์กร Habitat for Humanity ในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่บริเวณหมู่บ้านท่าฉัตรชัย จ.ภูเก็ต ซึ่งประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ คนที่สองคือ อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ซึ่งมาเยือนจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 1-2 ธ.ค.2549 เพื่อเยี่ยมโครงการฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากพิบัติภัยสึนามิของ UNDP และอดีตประธานาธิบดี George H.W. Bush ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 3 ที่ได้มาเยือนไทยในช่วงปีนี้
2. ความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยต่อฟิลิปปินส์ กรณีพายุไต้ฝุ่นทุเรียนพัดผ่านและแผ่นดินถล่ม
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า จากกรณีที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้พัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 คน รวมทั้งผู้สูญหายอีกกว่า 700 คน ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติที่ค่อนข้างรุนแรงนั้น ไทยในฐานะมิตรประเทศที่สำคัญของฟิลิปปินส์ ได้ให้ความช่วยเหลือฟิลิปปินส์โดยจะมอบเงินให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ โดยเหตุผลที่มอบเป็นเงินก็เพื่อความสะดวกในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เพราะหากเป็นสิ่งของอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการขนส่ง นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่เซบูระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 2549 จะได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมอบให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแสดงความเสียใจถึงประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ตามลำดับแล้ว
ในส่วนความกังวลว่า จะมีคนไทยหรือผลประโยชน์ของไทยได้รับผลกระทบหรือไม่นั้น อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า กระทรวงฯ ได้สั่งการให้ สอท.ณ กรุงมะนิลา ติดตามตรวจสอบแล้ว ซึ่งได้รับรายงานว่า ไม่มีคนไทยหรือนักเรียนไทยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีคนไทยจำนวน 7 คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัด Bicol ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ทั้ง 7 คนอาศัยอยู่ในตัวเมือง Legazpi ซึ่งไม่ได้อยู่ในบริเวณชายฝั่ง และขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยดี
3 การฉลองครบรอบ 60 ปีการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 60 ที่ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และในวันที่ 16 ธ.ค. 2549 นี้จะตรงกับวันที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ดังนั้น กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมสหประชาชาติแห่งประเทศไทยและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก (UNESCAP) จัดกิจกรรมเพื่อฉลองโอกาสดังกล่าว ระหว่างวันที่ 15 -24 ธ.ค.2549 ที่ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งเยาวชนให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและผลประโยชน์ของไทยในกรอบของสหประชาชาติ
ในงานจะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งขันตอบปัญหา ซึ่งจะมีนักเรียนเข้าร่วม 16 โรงเรียน แบ่งเป็น 4 สาย เพื่อตอบคำถามต่างๆ โดยมีรางวัลชนะเลิศเป็นทุนการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการประกวดแข่งขันเรียงความ โดยมีรางวัลให้แก่นักเรียน นักศึกษาและเยาวชนทั้งในระดับมัธยมปลายและอุดมศึกษา โดยรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งเป็นเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาทพร้อมโล่ห์ประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชย 2 รางวัลพร้อมใบประกาศเกียรติคุณ สำหรับในระดับอุดมศึกษา มีรางวัลชนะเลิศมูลค่า 12,000 บาท พร้อมโล่ห์ประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชย 2 รางวัล ทั้งนี้ การมอบรางวัลแข่งขันตอบปัญหาและเรียงความ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. 2549 ที่อัมรินทร์พลาซ่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย ดร.มนัสพาสน์ ชูโต ในฐานะนายกสมาคมสหประชาชาติแห่งประเทศไทย และนายคิม ฮัก ซู ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและเลขาธิการบริหารของ ESCAPจะร่วมเป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ
4. กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นประกาศอนุญาตให้นำเข้ามะม่วงมหาชนกจากไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า สอท. ณ กรุงโตเกียว ได้รายงานว่า จากการที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดต่อเจรจาและร่วมมือกับ สอท. ณ กรุงโตเกียว ในการดำเนินความพยายามเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้กับไทยนั้น กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษาของญี่ปุ่น ลงวันที่ 28 พ.ย.2549 อนุญาตให้มีการนำเข้ามะม่วงพันธุ์มหาชนกจากไทย โดยต้องดำเนินมาตรการกำจัดแมลงวันผลไม้ และมาตรการป้องกันการปนเปื้อนตามที่กำหนด ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ดูแลโดยใช้การอบไอน้ำด้วยความร้อน ซึ่งขณะนี้ถือว่า ญี่ปุ่นได้เปิดตลาดให้กับมะม่วงไทยมากขึ้นแล้ว ได้แก่ หนังกลางวัน พิมเสน แรด และน้ำดอกไม้ และยังมีผลไม้อื่นๆ อีกที่เข้าไปจำหน่ายในญี่ปุ่นได้ เช่น มังคุด สับปะรด มะพร้าว และทุเรียน
สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากที่ทางการไทยได้ดำเนินการเจรจาอย่างต่อเนื่องกับฝ่ายญี่ปุ่น รวมทั้งมีความเกี่ยวพันกับการทำความตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่นด้วย ซึ่งการใช้มาตรการทางเทคนิคเป็นรายละเอียดที่จะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อจะให้มีการเปิดตลาดต่อกัน
5. โครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้
อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า นายวิวัฒน์ กุลธรเธียร เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสารโครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้ โดยบริษัทของไทยคือ บริษัท KYTBW ซึ่งมี ศ.ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี รองประธานบริษัท เป็นตัวแทนลงนามร่วมกับนาย Jose Teixeiro รัฐมนตรีแร่ธาตุและพลังงานของติมอร์ฯ
โครงการนี้เป็นโครงการลงทุนร่วมด้านพลังงานที่ไม่ใช่น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในติมอร์ฯ ซึ่งมีมูลค่าถึง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนจากฝ่ายไทย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 90) ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนติมอร์ตะวันออก และเป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของภาคเอกชนไทย ที่ได้เข้าไปร่วมมือกับต่างประเทศในด้านพลังงานทางเลือก
6. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีลาวและนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนประเทศอาเซียน โดยได้เยือนลาวเป็นประเทศแรกนั้น นายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีลาวจะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการเป็นการตอบแทน ในระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยนายกรัฐมนตรีลาวมีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรี และหารือเต็มคณะกับฝ่ายไทยในวันที่ 17 ธ.ค. และมีกำหนดการไปเยี่ยมชมงานพืชสวนโลกที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย นอกจากนั้น ในวันที่ 18 ธ.ค. ยังมีกำหนดการเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาด้วย และในวันที่20 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีลาวจะได้เดินทางไปเปิดสะพานมิตรภาพ 2 ซึ่งติดต่อกับแขวงสะหวันนะเขตของลาว
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวอีกว่า ในวันที่ 20-21 ต.ค.49 นาย Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบแทนการเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2549 โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามจะร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดสะพานมิตรภาพ 2 และมีกำหนดพบหารือกับนายกรัฐมนตรี และหารือเต็มคณะกับฝ่ายไทยในวันที่ 20 ธ.ค.ด้วย
ในโอกาสดังกล่าว จะมีการลงนามรับรองเอกสารที่สำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ 1) Thailand-Vietnam Security Outlook ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคง อันจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของไทยและเวียดนาม โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นเจ้าของเรื่อง และ 2) Joint Strategy for Economic Partnership ซึ่งเป็นเอกสารกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นเจ้าของเรื่อง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีลาวและเวียดนาม จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 18 ธ.ค. และวันที่ 20 ธ.ค. ตามลำดับด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-