กรุงเทพ--7 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวอุทยานจิ่วไจ้โกวและหวงหลง โดยคาดว่าในปี 2549 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 100,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหัวใจหรือมีผู้มีความเสี่ยงด้านโรคหัวใจจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ อุทยานจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,000 — 4,000 เมตร ทำให้ปริมาณก๊าซออกซิเจนมีน้อยกว่าปกติประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับพื้นที่ปกติ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีสุขภาพปกติรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก บางรายต้องสูดออกซิเจนบรรจุกระป๋องที่บริษัททัวร์จัดไว้หรือมีจำหน่ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือมีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ จะยิ่งประสบปัญหาความรุนแรงขึ้น
ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่เป็นโรคหัวใจ และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือชีวิต และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่แพทย์อนุญาตให้เดินทาง ควรถ่ายสำเนาประวัติการรักษาและยาที่ใช้ นำติดตัวไปด้วยเพื่อกรณีฉุกเฉินแพทย์จีนจะได้รักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และควรมีชื่อ / หมายเลขโทรศัพท์ของแพทย์ในประเทศไทยไว้ติดต่อด้วย หากเกิดกรณีฉุกเฉินและต้องการติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้ติดต่อโทรศัพท์มือถือหมายเลข 133 981 79229 (นายหวาง เส้าชวน) และควรซื้อประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางด้วย
ข้อควรทราบ
1. ตามกฎระเบียบของสายการบินทุกสาย กรณีผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยู่ระหว่างการดูแลของแพทย์จีน หากต้องการเดินทางกลับมารักษาตัวในประเทศไทยโดยทางเครื่องบิน จะมีขั้นตอนดังนี้
1.1 มีประวัติการรักษาและหนังสือรับรองจากโรงพยาบาลในจีนที่ให้การรักษาว่าสามารถ
เดินทางโดยทางเครื่องบินได้ หากโรงพยาบาลไม่รับรอง จะต้องอยู่พักรักษาตัวต่อ ไม่สามารถดำเนินการให้กลับทางเครื่องบินได้
1.2 ผู้ป่วยหรือญาติจะต้องนำหนังสือรับรองดังกล่าวแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนำไป
แสดงต่อสายการบินที่ตนจะเดินทางกลับ ซึ่งสายการบินแต่ละสายจะมีแบบฟอร์มเรื่องนี้โดยเฉพาะ
1.3 สายการบินจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องไปรายงานแพทย์ประจำสายการบินของตนเพื่อ
วินิจฉัยว่าจะอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินกลับได้หรือไม่ หมายความว่า แม้โรงพยาบาลจะยืนยันว่าเดินทางได้ แต่หากแพทย์ของสายการบินปฏิเสธ ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับได้ โดยปกติแล้วเมื่อแพทย์ต้นทางอนุญาตให้กลับได้ แพทย์ของสายการบินมักจะให้รอดูอาการไปอีก 14 วัน จึงจะอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินได้
2. ค่ารักษาโรคหัวใจในจีน ซึ่งอาจรวมไปถึงการผ่าตัด ประมาณ 300,000 บาท และโรงพยาบาลมักเรียกเก็บล่วงหน้า
3. ผู้ป่วยที่แพทย์จีนอนุญาตให้เดินทางได้ แต่สายการบินยังไม่ยินยอม (ข้อ 1.3) หากต้องการให้ผู้ป่วยเดินทางกลับ สายการบินจะอนุญาตให้เดินทางได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยยืนยันการจ้างแพทย์จีนให้เดินทางร่วมไปด้วย เพื่อดูแลอาการระหว่างเดินทาง โดยผู้ป่วยจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด (ค่าหนังสือเดินทาง ค่าวีซ่า ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นประหยัด ค่าที่พัก/ค่าอาหารในประเทศไทย) และอาจมีค่าบริการทางการแพทย์ด้วย
4. ในกรณีที่ต้องการเช่าเครื่องบินเหมาลำนำตัวผู้ป่วยกลับประเทศไทย ต้องผ่านขั้นตอนข้อ 1.1 ก่อน
5. สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก เช่น การติดต่อญาติ โรงพยาบาล ช่วยหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ทำสัญญายืมเงินราชการเพื่อเป็นค่ารักษาไปก่อน
ให้การดูแลผู้ป่วย/ญาติผู้ป่วยโดยหลักมนุษยธรรม เป็นต้น แต่สถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่สามารถและไม่อยู่ในฐานะที่จะไปแทรกแซงการทำงานของแพทย์จีนหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสายการบิน เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของผู้ป่วยหรือญาติที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย โดยขัดต่อกฎระเบียบของโรงพยาบาลและสายการบินได้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวอุทยานจิ่วไจ้โกวและหวงหลง โดยคาดว่าในปี 2549 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 100,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหัวใจหรือมีผู้มีความเสี่ยงด้านโรคหัวใจจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ อุทยานจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,000 — 4,000 เมตร ทำให้ปริมาณก๊าซออกซิเจนมีน้อยกว่าปกติประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับพื้นที่ปกติ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีสุขภาพปกติรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก บางรายต้องสูดออกซิเจนบรรจุกระป๋องที่บริษัททัวร์จัดไว้หรือมีจำหน่ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือมีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ จะยิ่งประสบปัญหาความรุนแรงขึ้น
ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่เป็นโรคหัวใจ และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวและหวงหลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือชีวิต และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่แพทย์อนุญาตให้เดินทาง ควรถ่ายสำเนาประวัติการรักษาและยาที่ใช้ นำติดตัวไปด้วยเพื่อกรณีฉุกเฉินแพทย์จีนจะได้รักษาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และควรมีชื่อ / หมายเลขโทรศัพท์ของแพทย์ในประเทศไทยไว้ติดต่อด้วย หากเกิดกรณีฉุกเฉินและต้องการติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้ติดต่อโทรศัพท์มือถือหมายเลข 133 981 79229 (นายหวาง เส้าชวน) และควรซื้อประกันสุขภาพระหว่างการเดินทางด้วย
ข้อควรทราบ
1. ตามกฎระเบียบของสายการบินทุกสาย กรณีผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยู่ระหว่างการดูแลของแพทย์จีน หากต้องการเดินทางกลับมารักษาตัวในประเทศไทยโดยทางเครื่องบิน จะมีขั้นตอนดังนี้
1.1 มีประวัติการรักษาและหนังสือรับรองจากโรงพยาบาลในจีนที่ให้การรักษาว่าสามารถ
เดินทางโดยทางเครื่องบินได้ หากโรงพยาบาลไม่รับรอง จะต้องอยู่พักรักษาตัวต่อ ไม่สามารถดำเนินการให้กลับทางเครื่องบินได้
1.2 ผู้ป่วยหรือญาติจะต้องนำหนังสือรับรองดังกล่าวแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนำไป
แสดงต่อสายการบินที่ตนจะเดินทางกลับ ซึ่งสายการบินแต่ละสายจะมีแบบฟอร์มเรื่องนี้โดยเฉพาะ
1.3 สายการบินจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องไปรายงานแพทย์ประจำสายการบินของตนเพื่อ
วินิจฉัยว่าจะอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินกลับได้หรือไม่ หมายความว่า แม้โรงพยาบาลจะยืนยันว่าเดินทางได้ แต่หากแพทย์ของสายการบินปฏิเสธ ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับได้ โดยปกติแล้วเมื่อแพทย์ต้นทางอนุญาตให้กลับได้ แพทย์ของสายการบินมักจะให้รอดูอาการไปอีก 14 วัน จึงจะอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินได้
2. ค่ารักษาโรคหัวใจในจีน ซึ่งอาจรวมไปถึงการผ่าตัด ประมาณ 300,000 บาท และโรงพยาบาลมักเรียกเก็บล่วงหน้า
3. ผู้ป่วยที่แพทย์จีนอนุญาตให้เดินทางได้ แต่สายการบินยังไม่ยินยอม (ข้อ 1.3) หากต้องการให้ผู้ป่วยเดินทางกลับ สายการบินจะอนุญาตให้เดินทางได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยยืนยันการจ้างแพทย์จีนให้เดินทางร่วมไปด้วย เพื่อดูแลอาการระหว่างเดินทาง โดยผู้ป่วยจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด (ค่าหนังสือเดินทาง ค่าวีซ่า ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นประหยัด ค่าที่พัก/ค่าอาหารในประเทศไทย) และอาจมีค่าบริการทางการแพทย์ด้วย
4. ในกรณีที่ต้องการเช่าเครื่องบินเหมาลำนำตัวผู้ป่วยกลับประเทศไทย ต้องผ่านขั้นตอนข้อ 1.1 ก่อน
5. สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก เช่น การติดต่อญาติ โรงพยาบาล ช่วยหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ทำสัญญายืมเงินราชการเพื่อเป็นค่ารักษาไปก่อน
ให้การดูแลผู้ป่วย/ญาติผู้ป่วยโดยหลักมนุษยธรรม เป็นต้น แต่สถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่สามารถและไม่อยู่ในฐานะที่จะไปแทรกแซงการทำงานของแพทย์จีนหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสายการบิน เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของผู้ป่วยหรือญาติที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย โดยขัดต่อกฎระเบียบของโรงพยาบาลและสายการบินได้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-