แท็ก
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับ สวัสดีคะ คุณอภิสิทธิ์ การผ่อนคลายเรื่องการชุมชนทางการเมืองจะเป็นสัญญาณที่ดีมากน้อยแค่ไหนครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าดีนะครับ บ้านเมืองกำลังกลับคืนสู่ภาวะปกติ ผมเป็นคนหนึ่งที่บอกได้ตั้งแต่ต้นว่า กระบวนการในการผ่อนคลายข้อจำกัดในเรื่องเสรีภาพของประชาชน เป็นเรื่องที่สำคัญจะทำให้เห็นความชัดเจนว่าเราจะเดินกลับเข้าสู่สภาวะปกติและประชาธิปไตยจริงๆ โดยเฉพาะในเมื่อเรากำลังจะเริ่มต้นกระบวนการการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมการที่จะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองต่างๆก็คงไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามก็คงต้องติดตามต่อว่าการผ่อนคลายในเรื่องอื่นๆจะเดินหน้าไปอย่างไร เท่าที่ดูรัฐบาลก็บอกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของกฎอัยการศึกภายใน 3 — 4 วันข้างหน้า ขณะเดียวกันก็จะมีคำสั่งของคณะปฎิรูปอื่นๆอยู่ เช่นที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองยังไม่ยกเลิก
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกถ้าเป็นการยกเลิกบางพื้นที่คุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยเปล่าครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือเราไม่ทราบข้อมูลของ คมช. ของรัฐบาลเป็นเรื่องอยากที่จะบอกได้ชัดเจน เพียงแต่ว่าความรู้สึกผมผมคิดว่าปัญหาที่วิตกกังวลกัน ที่เรียกว่าคลื่นใต้น้ำมันเป็นปัญหาที่ผมอยากเห็นเราสามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายตามปกติจัดการได้ ในขณะที่ผมไม่ต้องการให้มีการไปจำกัดเสรีภาพของคนที่เขาต้องการแสดงออกโดยบริสุทธิ์ใจ ในการใช้สิทธิ์ภายใต้ความสงบเรียบร้อยตามปกติ เราไม่ทราบจริงๆว่าข้อมูลเป็นอย่างไร แต่ว่าจริงๆแล้วอยากเห็นรัฐบาลและ คมช. ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ดีในหมู่พี่น้องประชาชนว่าสาเหตุที่มาที่บ้านเมืองมาถึงจุดนี้คืออะไร แล้วก็จากนี้ไปจะเดินอย่างไร การที่จะมีการไปก่อความวุ่นวายยกเว้นแต่ผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วมีผลประโยชน์ที่สูญเสียไป ผมคิดว่าคนอื่นๆไม่มีความคิดแบบนั้น รัฐบาลก็ต้องอดทนต่อคำวิจารณ์ คมช.เช่นเดียวกันแล้วต้องอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้เกิดความไม่พอใจในคนหมู่มาก เป็นจุดที่จะต้องดูต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องของ อสมท.คุณอภิสิทธิ์ครับ ซึ่งสื่อของรัฐซึ่งอันหนึ่งที่มีการต่อสู้ทางความคิดกันมาก็คือว่า คมช. หรือรัฐบาล ควรจะได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่งโดยทางสื่อของรัฐ แต่ว่าในที่สุดกลายเป็นสงครามใน อสมท. คุณอภิสิทธิ์ มองเรื่องนี้อย่างไร
คุณอภิสิทธิ์ คือตรงนี้เช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ผมคิดว่าเราต้องให้อยู่ในความพอดีในแนวทางที่ถูกต้อง สิ่งที่เราต้องการคือความตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นเรื่องปัญหาในอดีตก็ต้องมีการสะสาง แต่ต้องพูดให้ชัดว่าปัญหาคืออะไร แล้วที่สำคัญที่สุดต้องไม่มีการไปทำอะไรที่ทำให้คนมองว่ามีผลประโยชน์เปลี่ยนจากผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งไปสู่ผลประโยชน์ของคนอีกลุ่มหนึ่ง เพียงเพราะว่าอำนาจเปลี่ยนมือ แต่ถ้าหากมีความตั้งใจเห็นว่า อสมท. มีจุดต้องปรับปรุงแก้ไขในเชิงนโยบายอันนี้ควรเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลที่ทำได้ ผมเข้าใจว่าการต่อต้านขณะนี้มันมีข้อกล่าวหาทำนองว่าเป็นเรื่องการแย่งชิงผลประโยชน์กัน ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการปฎิรูปการเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการพูดเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารของนายกของ ส.ส. มุมมองคุณอภิสิทธิ์เรื่องนี้เป็นไงครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมก็ยังอยากจะย้ำว่าการพิจารณาเรื่องของรัฐธรรมนูญมันคงต้องดูจากภาพรวมและหลักการใหญ่ๆก่อน ถ้ามาเถียงกันเป็นประเด็นๆไปก็คงจะทำให้เกิดความสับสนได้ ขอเสนอเรื่องของการกำจัดวาระการดำรงตำแหน่งผมดูที่พูดมาคือพูดรวมๆ ส.ส, รัฐมนตรี ไปจนถึงนายกฯ ความเห็นของผม ผมคิดว่าถ้าเราดูการเมืองในระบบรัฐสภา การที่จะมีพรรคการเมืองโดยเฉพาะที่จะมีนักการเมืองอาชีพ ส่วนหนึ่ง ซึ่งในประเทศประชาธิปไตยจริงแล้วส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เลวร้าย คนที่ตั้งใจจะมาทำงานการเมืองเข้าสู้กระบวนการเลือกตั้งและทำงานต่อเนื่อง ถ้ามาด้วยวิธีการที่ถูกต้องถ้าใช้อำนาจหน้าที่ของตำแหน่งของตัวเองภายใต้ขอบเขตของความถูกต้อง ผมไม่ได้คิดว่าการที่จะเป็น ส.ส. มากสมัยแล้วจะทำให้เป็นปัญหา เราดูได้ว่าความจริงยังที่ผ่านมาตอนนี้ ส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งมายาวนานที่สุดก็คงเป็นท่านอดีตนายกฯชวน ซึ่งตอนนี้รู้สึกจะ 13 สมัยแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะไปสะสมอำนาจบารมีปัญหาในลักษณะไปสร้างปัญหา ตรงกันข้ามประสบการณ์ของท่านในการทำงานในหมู่ประชาชนก็มีประโยชน์แหมจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปก็ยังสามารถแสดงความคิดเห็นให้ข้อคิดต่างๆได้ที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นในส่วนของ ส.ส. เองผมคิดว่าไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่ในการจำกัดวาระ ส่วนของรัฐมนตรีผมมองว่าโดยทั่วๆไปรัฐมนตรีที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ก็จริงอยู่ที่อาจจะมีอำนาจในการบริหารแต่โดยธรรมชาติของการเมืองก็มักจะมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันไป การที่คนจะไปทำงานอาจจะมีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์มากขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็มีกรณีเดียวที่มองคิดว่าน่าพิจารณาคือกรณีของนายกฯ เหตุผลเพราะว่าโดยธรรมชาติของสังคมไทย นายกฯ ค่อนข้างจะมีอำนาจสูงในสังคมซึ่งมักจะมีแนวคิดหรือการทำงานในระบบราชการติดยึดอยู่กับการรวมศูนย์ ถ้าใครมีอำนาจตรงนี้แล้วอยู่นานหรือมีแนวโน้มว่าจะอยู่นานก็เป็นปัญหาได้ เหมือนที่ผ่านมาความเกรงกลัวของเจ้าหน้าที่ ที่ในที่สุดไปจำนนทำสิ่งไม่ถูกไม่ต้องหลายครั้งเป็นเพราะว่ากลัวว่าผู้มีอำนาจจะอยู่นานแล้วจะทำให้ตัวเองเดือนร้อนถ้าไม่ยอมไปจำนนกับสิ่งเหล่านั้น เฉพาะกรณีนายกฯ ที่ผมคิดว่าน่าจะพิจารณา แต่ผมอยากจะย้ำว่าปัญหาจริงๆคงไม่อยู่ที่ว่าจะอยู่นานไม่นาน ปัญหาอยู่ที่มามาอย่างไรแล้วใช้อำนาจอย่างไรมากกว่า ถ้าเราอยากจะแก้ให้ตรงจุด ถ้าคนที่มาด้วยวิธีการด้วยชอบใช้อำนาจภายใต้ขอบเขตผมว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าคนที่มาไม่ชอบแล้วมาทำอะไรที่ไม่ชอบอย่าว่าแต่ 2 สมัยเลย เราควรจะให้ออกไปให้เร็วที่สุด
ผู้ดำเนินรายการ มุมมองของคุณอภิสิทธิ์เกี่ยวกับคำว่านักการเมืองอาชีพ เหมาะสมกับสังคมไทยมากน้อยแค่ไหนคุณอภิสิทธิ์อยากจะตอบอย่างไรดีคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมยืนยันจะครับว่าถ้าเราต้องการเห็นประชาธิปไตยพัฒนา การสนับสนุนให้มีนักการเมืองอาชีพและพรรคการเมืองที่เข้มแข็งเป็นเรื่องที่จำเป็น การเมืองเหมือนหลายๆอาชีพ ซึ่งต้องการคนที่มีความสนใจมีความตั้งใจมีความทุ่มเทในวงการงานของตน กระบวนการทางการเมืองก็ควรเปิดกว้างไม่ได้หมายความว่ากำจัดคนอยู่เพียงกลุ่มเดียว แล้วถ้าเราทำให้ระบบมันเปิดกว้างจริงๆใครก็สามารถที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองได้ อยู่ที่กระบวนการของการเลือกตั้ง อยู่ที่ประชาชน ถ้าเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่มีการซื้อเสียงมันก็ทำให้เราไม่ต้องไปกังวลในแง่ของคนที่จะเข้ามาหรืออยู่นานไม่นานอย่างไรเราควรจะสนับสนุนกระบวนการแบบนี้
ผู้ดำเนินรายการ ดีกว่าคนที่จะเหาะเหินเดินอากาศ มาจากวงการอื่นอย่างนี้หรือคะที่จะเข้ามาในฝ่ายบริหาร
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่มีข้อรังเกียจคนวงการไหนเลยนะครับ เพียงแต่ว่าเหมือนเรามาแล้วก็ต้องมาทุ่มเท่ทำงานในฐานะนักการเมือง ที่ผ่านมาที่มันมีปัญหามันเป็นเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อนคือไม่ยอมถอดหมวกจากอาชีพเดิม แต่ถอดหมวกจากอาชีพเดิมมาเป็นนักการเมืองอาชีพทุ่มเท่ทำงานเต็มที่ไม่ควรรังเกียจใครอยู่แล้วนะครับ ใครที่ทำงานมาอยู่แวดวงไหนทำประโยชน์ให้วงการเมืองทั้งสิ้น ทั้งนักธุรกิจ นักสื่อสารมวลชน นักวิชาการ องค์กรเอกชน ควรเข้ามาให้เกิดความหลากหลาย แต่ความต่อเนื่องในกระบวนการทางการเมืองการที่จะมีคนเมื่อเข้าการเมืองมาแล้วมาทำจริงๆเป็นนักการเมืองอาชีพดีกว่ามาเล่นๆ หรือมาสมัครเล่น ก็จำเป็นในการที่เราจะมีกลุ่มคนที่ทำให้ระบบการเมืองมีความเข้มแข็ง
ผู้ดำเนินรายการ ในช่วงเวลานี้ที่เลิกห้ามการชุมนุมแล้ว ในส่วนของคุณอภิสิทธิ์ กับพรรคประชาธิปัตย์เองเตรียมจะขับเคลื่อนอะไรเป็นรายการต่อไปไหมคะ
คุณอภิสิทธิ์ เรายังติดคำสั่งห้ามดำเนินกิจการใดๆ อยู่ครับ ส่วนพรรคการเมืองยังติด กกต.อยู่ครับ ใจจริงผมคิดว่าพรรคการเมืองคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางไม่ได้หรอกครับมันผิดกฎหมายพรรคการเมืองที่กำกับผู้แล้ว และหวังว่ารัฐบาลจะยกเลิกข้อจำกัดเราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ มันก็จะมีงานประจำเช่น การเลือกตั้งกรรมการบริหารแทนคนที่พ้นวาระไป และงานบางอย่างเช่น การแสดงจุดยืนในเรื่องปัญหาต่างๆของประชาชนหรือแม้กิจกรรมที่จะไปช่วยเหลือประชาชนจะได้ทำได้คล่องตัวมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ สุดท้ายนะครับ มีการตั้งข้อสังเกตว่า พอการเมืองเปลี่ยนดูเหมือนบรรทัดฐานในการวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ของบรรดาข้าราชการก็ดูเหมือนเปลี่ยนตามไปด้วย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดกับกรมสรรพกรภาษีหุ้นชินคอร์ป คุณอภิสิทธิ์มองอย่างไร
คุณอภิสิทธิ์ คือเรื่องเฉพาะในกรณีนี้เรา ผม และพรรคเรายืนมาชัดเจนมาโดยตลอดว่ามันผิดแล้วก็ให้ข้อมูลส่งไปให้กระทรวงการคลังมีการทำหนังสือไปหลายครั้ง ที่นี่ก็ต้องไปถามผู้เกี่ยวข้องโดยตรงครับว่าเดิมที ที่บอกว่าไม่ผิดตอนนี้ที่ว่าผิดข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปมันคืออะไรอย่างไร เพราะว่าไม่อย่างนั้นต่อไปวันข้างหน้าเราจะมีปัญหาคือเราต้องการความเที่ยงธรรม ไม่ใช่ว่าการตัดสินวินิจฉัยว่าไปตามว่าใครมีอำนาจแล้วมีธงมาเปล่า
ผู้ดำเนินรายการ เอาละคะ ขอบคุณมากครับ คุณอภิสิทธิ์ คะ สวัสดีคะ สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 พ.ย. 2549--จบ--
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าดีนะครับ บ้านเมืองกำลังกลับคืนสู่ภาวะปกติ ผมเป็นคนหนึ่งที่บอกได้ตั้งแต่ต้นว่า กระบวนการในการผ่อนคลายข้อจำกัดในเรื่องเสรีภาพของประชาชน เป็นเรื่องที่สำคัญจะทำให้เห็นความชัดเจนว่าเราจะเดินกลับเข้าสู่สภาวะปกติและประชาธิปไตยจริงๆ โดยเฉพาะในเมื่อเรากำลังจะเริ่มต้นกระบวนการการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมการที่จะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองต่างๆก็คงไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามก็คงต้องติดตามต่อว่าการผ่อนคลายในเรื่องอื่นๆจะเดินหน้าไปอย่างไร เท่าที่ดูรัฐบาลก็บอกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของกฎอัยการศึกภายใน 3 — 4 วันข้างหน้า ขณะเดียวกันก็จะมีคำสั่งของคณะปฎิรูปอื่นๆอยู่ เช่นที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองยังไม่ยกเลิก
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกถ้าเป็นการยกเลิกบางพื้นที่คุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยเปล่าครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือเราไม่ทราบข้อมูลของ คมช. ของรัฐบาลเป็นเรื่องอยากที่จะบอกได้ชัดเจน เพียงแต่ว่าความรู้สึกผมผมคิดว่าปัญหาที่วิตกกังวลกัน ที่เรียกว่าคลื่นใต้น้ำมันเป็นปัญหาที่ผมอยากเห็นเราสามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายตามปกติจัดการได้ ในขณะที่ผมไม่ต้องการให้มีการไปจำกัดเสรีภาพของคนที่เขาต้องการแสดงออกโดยบริสุทธิ์ใจ ในการใช้สิทธิ์ภายใต้ความสงบเรียบร้อยตามปกติ เราไม่ทราบจริงๆว่าข้อมูลเป็นอย่างไร แต่ว่าจริงๆแล้วอยากเห็นรัฐบาลและ คมช. ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ดีในหมู่พี่น้องประชาชนว่าสาเหตุที่มาที่บ้านเมืองมาถึงจุดนี้คืออะไร แล้วก็จากนี้ไปจะเดินอย่างไร การที่จะมีการไปก่อความวุ่นวายยกเว้นแต่ผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วมีผลประโยชน์ที่สูญเสียไป ผมคิดว่าคนอื่นๆไม่มีความคิดแบบนั้น รัฐบาลก็ต้องอดทนต่อคำวิจารณ์ คมช.เช่นเดียวกันแล้วต้องอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้เกิดความไม่พอใจในคนหมู่มาก เป็นจุดที่จะต้องดูต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องของ อสมท.คุณอภิสิทธิ์ครับ ซึ่งสื่อของรัฐซึ่งอันหนึ่งที่มีการต่อสู้ทางความคิดกันมาก็คือว่า คมช. หรือรัฐบาล ควรจะได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่งโดยทางสื่อของรัฐ แต่ว่าในที่สุดกลายเป็นสงครามใน อสมท. คุณอภิสิทธิ์ มองเรื่องนี้อย่างไร
คุณอภิสิทธิ์ คือตรงนี้เช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ผมคิดว่าเราต้องให้อยู่ในความพอดีในแนวทางที่ถูกต้อง สิ่งที่เราต้องการคือความตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นเรื่องปัญหาในอดีตก็ต้องมีการสะสาง แต่ต้องพูดให้ชัดว่าปัญหาคืออะไร แล้วที่สำคัญที่สุดต้องไม่มีการไปทำอะไรที่ทำให้คนมองว่ามีผลประโยชน์เปลี่ยนจากผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งไปสู่ผลประโยชน์ของคนอีกลุ่มหนึ่ง เพียงเพราะว่าอำนาจเปลี่ยนมือ แต่ถ้าหากมีความตั้งใจเห็นว่า อสมท. มีจุดต้องปรับปรุงแก้ไขในเชิงนโยบายอันนี้ควรเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลที่ทำได้ ผมเข้าใจว่าการต่อต้านขณะนี้มันมีข้อกล่าวหาทำนองว่าเป็นเรื่องการแย่งชิงผลประโยชน์กัน ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการปฎิรูปการเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการพูดเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารของนายกของ ส.ส. มุมมองคุณอภิสิทธิ์เรื่องนี้เป็นไงครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมก็ยังอยากจะย้ำว่าการพิจารณาเรื่องของรัฐธรรมนูญมันคงต้องดูจากภาพรวมและหลักการใหญ่ๆก่อน ถ้ามาเถียงกันเป็นประเด็นๆไปก็คงจะทำให้เกิดความสับสนได้ ขอเสนอเรื่องของการกำจัดวาระการดำรงตำแหน่งผมดูที่พูดมาคือพูดรวมๆ ส.ส, รัฐมนตรี ไปจนถึงนายกฯ ความเห็นของผม ผมคิดว่าถ้าเราดูการเมืองในระบบรัฐสภา การที่จะมีพรรคการเมืองโดยเฉพาะที่จะมีนักการเมืองอาชีพ ส่วนหนึ่ง ซึ่งในประเทศประชาธิปไตยจริงแล้วส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เลวร้าย คนที่ตั้งใจจะมาทำงานการเมืองเข้าสู้กระบวนการเลือกตั้งและทำงานต่อเนื่อง ถ้ามาด้วยวิธีการที่ถูกต้องถ้าใช้อำนาจหน้าที่ของตำแหน่งของตัวเองภายใต้ขอบเขตของความถูกต้อง ผมไม่ได้คิดว่าการที่จะเป็น ส.ส. มากสมัยแล้วจะทำให้เป็นปัญหา เราดูได้ว่าความจริงยังที่ผ่านมาตอนนี้ ส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งมายาวนานที่สุดก็คงเป็นท่านอดีตนายกฯชวน ซึ่งตอนนี้รู้สึกจะ 13 สมัยแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะไปสะสมอำนาจบารมีปัญหาในลักษณะไปสร้างปัญหา ตรงกันข้ามประสบการณ์ของท่านในการทำงานในหมู่ประชาชนก็มีประโยชน์แหมจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปก็ยังสามารถแสดงความคิดเห็นให้ข้อคิดต่างๆได้ที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นในส่วนของ ส.ส. เองผมคิดว่าไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่ในการจำกัดวาระ ส่วนของรัฐมนตรีผมมองว่าโดยทั่วๆไปรัฐมนตรีที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ก็จริงอยู่ที่อาจจะมีอำนาจในการบริหารแต่โดยธรรมชาติของการเมืองก็มักจะมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันไป การที่คนจะไปทำงานอาจจะมีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์มากขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็มีกรณีเดียวที่มองคิดว่าน่าพิจารณาคือกรณีของนายกฯ เหตุผลเพราะว่าโดยธรรมชาติของสังคมไทย นายกฯ ค่อนข้างจะมีอำนาจสูงในสังคมซึ่งมักจะมีแนวคิดหรือการทำงานในระบบราชการติดยึดอยู่กับการรวมศูนย์ ถ้าใครมีอำนาจตรงนี้แล้วอยู่นานหรือมีแนวโน้มว่าจะอยู่นานก็เป็นปัญหาได้ เหมือนที่ผ่านมาความเกรงกลัวของเจ้าหน้าที่ ที่ในที่สุดไปจำนนทำสิ่งไม่ถูกไม่ต้องหลายครั้งเป็นเพราะว่ากลัวว่าผู้มีอำนาจจะอยู่นานแล้วจะทำให้ตัวเองเดือนร้อนถ้าไม่ยอมไปจำนนกับสิ่งเหล่านั้น เฉพาะกรณีนายกฯ ที่ผมคิดว่าน่าจะพิจารณา แต่ผมอยากจะย้ำว่าปัญหาจริงๆคงไม่อยู่ที่ว่าจะอยู่นานไม่นาน ปัญหาอยู่ที่มามาอย่างไรแล้วใช้อำนาจอย่างไรมากกว่า ถ้าเราอยากจะแก้ให้ตรงจุด ถ้าคนที่มาด้วยวิธีการด้วยชอบใช้อำนาจภายใต้ขอบเขตผมว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าคนที่มาไม่ชอบแล้วมาทำอะไรที่ไม่ชอบอย่าว่าแต่ 2 สมัยเลย เราควรจะให้ออกไปให้เร็วที่สุด
ผู้ดำเนินรายการ มุมมองของคุณอภิสิทธิ์เกี่ยวกับคำว่านักการเมืองอาชีพ เหมาะสมกับสังคมไทยมากน้อยแค่ไหนคุณอภิสิทธิ์อยากจะตอบอย่างไรดีคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมยืนยันจะครับว่าถ้าเราต้องการเห็นประชาธิปไตยพัฒนา การสนับสนุนให้มีนักการเมืองอาชีพและพรรคการเมืองที่เข้มแข็งเป็นเรื่องที่จำเป็น การเมืองเหมือนหลายๆอาชีพ ซึ่งต้องการคนที่มีความสนใจมีความตั้งใจมีความทุ่มเทในวงการงานของตน กระบวนการทางการเมืองก็ควรเปิดกว้างไม่ได้หมายความว่ากำจัดคนอยู่เพียงกลุ่มเดียว แล้วถ้าเราทำให้ระบบมันเปิดกว้างจริงๆใครก็สามารถที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองได้ อยู่ที่กระบวนการของการเลือกตั้ง อยู่ที่ประชาชน ถ้าเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่มีการซื้อเสียงมันก็ทำให้เราไม่ต้องไปกังวลในแง่ของคนที่จะเข้ามาหรืออยู่นานไม่นานอย่างไรเราควรจะสนับสนุนกระบวนการแบบนี้
ผู้ดำเนินรายการ ดีกว่าคนที่จะเหาะเหินเดินอากาศ มาจากวงการอื่นอย่างนี้หรือคะที่จะเข้ามาในฝ่ายบริหาร
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่มีข้อรังเกียจคนวงการไหนเลยนะครับ เพียงแต่ว่าเหมือนเรามาแล้วก็ต้องมาทุ่มเท่ทำงานในฐานะนักการเมือง ที่ผ่านมาที่มันมีปัญหามันเป็นเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อนคือไม่ยอมถอดหมวกจากอาชีพเดิม แต่ถอดหมวกจากอาชีพเดิมมาเป็นนักการเมืองอาชีพทุ่มเท่ทำงานเต็มที่ไม่ควรรังเกียจใครอยู่แล้วนะครับ ใครที่ทำงานมาอยู่แวดวงไหนทำประโยชน์ให้วงการเมืองทั้งสิ้น ทั้งนักธุรกิจ นักสื่อสารมวลชน นักวิชาการ องค์กรเอกชน ควรเข้ามาให้เกิดความหลากหลาย แต่ความต่อเนื่องในกระบวนการทางการเมืองการที่จะมีคนเมื่อเข้าการเมืองมาแล้วมาทำจริงๆเป็นนักการเมืองอาชีพดีกว่ามาเล่นๆ หรือมาสมัครเล่น ก็จำเป็นในการที่เราจะมีกลุ่มคนที่ทำให้ระบบการเมืองมีความเข้มแข็ง
ผู้ดำเนินรายการ ในช่วงเวลานี้ที่เลิกห้ามการชุมนุมแล้ว ในส่วนของคุณอภิสิทธิ์ กับพรรคประชาธิปัตย์เองเตรียมจะขับเคลื่อนอะไรเป็นรายการต่อไปไหมคะ
คุณอภิสิทธิ์ เรายังติดคำสั่งห้ามดำเนินกิจการใดๆ อยู่ครับ ส่วนพรรคการเมืองยังติด กกต.อยู่ครับ ใจจริงผมคิดว่าพรรคการเมืองคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางไม่ได้หรอกครับมันผิดกฎหมายพรรคการเมืองที่กำกับผู้แล้ว และหวังว่ารัฐบาลจะยกเลิกข้อจำกัดเราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ มันก็จะมีงานประจำเช่น การเลือกตั้งกรรมการบริหารแทนคนที่พ้นวาระไป และงานบางอย่างเช่น การแสดงจุดยืนในเรื่องปัญหาต่างๆของประชาชนหรือแม้กิจกรรมที่จะไปช่วยเหลือประชาชนจะได้ทำได้คล่องตัวมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ สุดท้ายนะครับ มีการตั้งข้อสังเกตว่า พอการเมืองเปลี่ยนดูเหมือนบรรทัดฐานในการวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ของบรรดาข้าราชการก็ดูเหมือนเปลี่ยนตามไปด้วย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดกับกรมสรรพกรภาษีหุ้นชินคอร์ป คุณอภิสิทธิ์มองอย่างไร
คุณอภิสิทธิ์ คือเรื่องเฉพาะในกรณีนี้เรา ผม และพรรคเรายืนมาชัดเจนมาโดยตลอดว่ามันผิดแล้วก็ให้ข้อมูลส่งไปให้กระทรวงการคลังมีการทำหนังสือไปหลายครั้ง ที่นี่ก็ต้องไปถามผู้เกี่ยวข้องโดยตรงครับว่าเดิมที ที่บอกว่าไม่ผิดตอนนี้ที่ว่าผิดข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปมันคืออะไรอย่างไร เพราะว่าไม่อย่างนั้นต่อไปวันข้างหน้าเราจะมีปัญหาคือเราต้องการความเที่ยงธรรม ไม่ใช่ว่าการตัดสินวินิจฉัยว่าไปตามว่าใครมีอำนาจแล้วมีธงมาเปล่า
ผู้ดำเนินรายการ เอาละคะ ขอบคุณมากครับ คุณอภิสิทธิ์ คะ สวัสดีคะ สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 พ.ย. 2549--จบ--