ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 2547 ยังคงเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งความเสี่ยงจากสถานการณ์การก่อการร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ สถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก ราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง เป็นต้น แต่ญี่ปุ่นยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เนื่องจากภาวะเงินฝืดยังตึงตัวไม่คลี่คลาย ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ส่งผลให้เงินตราสกุลอื่นแข็งค่าขึ้น เช่น ยูโร เยน ไทย เป็นต้น ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องเข้าไปแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นระยะ ๆ เพื่อสกัดไม่ให้เงินสกุลของตนแข็งค่าเร็วเกินไปจนกระทบต่อการส่งออก ซึ่งปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาวะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ผลิตในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากภาวะการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยภาวะเศรษฐกิจสหภาพยุโรป และประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย เกาหลีใต้ ได้ขยายตัวดีขึ้น ในขณะที่อินโดนีเซียเศรษฐกิจค่อนข้างทรงตัว แต่มีเพียงฟิลิปปินส์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่วนสหรัฐอเมริกาได้ชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายภาคเอกชน มีแนวโน้มลดลง อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น อัตราการว่างงานที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ภาคการผลิตยังคงขยายตัวช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 2547 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4 และชะลอลงเป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2548
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2547 เริ่มชะลอตัวลงบ้าง เป็นผลจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการที่เร่งตัวมากขึ้นมากขึ้นกว่าปริมาณการส่งออกราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น การระบาดของไข้หวัดนกและสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ทำให้ภาคเอกชนบางส่วนมีการชะลอการลงทุนออกไป โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2547 จากการประมาณการผลิตภัณฑ์ประชาชาติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2547 อยู่ในระดับร้อยละ 6.7, 6.4 และ 6.0 ตามลำดับ โดยภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10.0, 7.0 และ 7.8 ในไตรมาสที่ 1, 2 และ 3 ของปี 2547 ตามลำดับ คาดว่าทั้งปี 2547 เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 6.2
ในปี 2548 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 5.5 — 6.5 โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงและจะมีการลอยตัวค่าน้ำมันดีเซล อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน รวมทั้งในไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (สินามิ) ด้วย
สำหรับภาคอุตสาหกรรม จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ที่จัดทำโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรม 50 กลุ่ม ตามการจัดประเภท อุตสาหกรรมมาตรฐานสากล (ISIC)ในระดับ 4 หลัก พบว่าในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2547 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 9.9 ซึ่งดัชนีเฉลี่ยช่วง 11 เดือนในปี 2547 มีค่า 138.3 เทียบกับ 125.8 ในปี 2546 โดยมีอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ดัชนีการส่งสินค้า (Shipment Index) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นในปี 2547 โดยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจและดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเล็กน้อย
สำหรับภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี 2547 ก็มีแนวโน้มที่ดี โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทุกเดือน การส่งออกตลอดทั้งปี มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 97,435.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.43 และคาดกันว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกจะมีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในส่วนของการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปี 2547 ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นอย่างมาก
สรุปภาวะอุตสาหกรรมในแต่ละสาขา
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรมโดยรวมในปี 2547 ถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทั้งปี 2547 จะมีมูลค่าประมาณ 1,337,879.0 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อยละ 34.6 และเพิ่มจากสินค้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 8.09
เคมีภัณฑ์
ปี 2547 การนำเข้าเคมีภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 5 ลำดับแรกได้แก่ เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ ปุ๋ย เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด เคมีอินทรีย์ และเครื่องสำอางหรือสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินผิว สำหรับการส่งออกเคมีภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 5 ลำดับแรกได้แก่ ปุ๋ย เคมีอินทรีย์ สีสกัดใช้ในการฟอกหนังหรือย้อมสี เคมีอนินทรีย์ และเคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด
ปิโตรเคมี
ในปี 2547 อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น โดยราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2547 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนยังมีสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาด้านวัตถุดิบ เนื่องจากความผันผวนของภาวะน้ำมันในตลาดโลก
เหล็กและเหล็กกล้า
สถานการณ์เหล็กในปี 2547 ขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวขึ้น ทั้งธุรกิจภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศจีนในช่วงปีนี้ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2547 เนื่องจากปัจจัยทางด้านบวกจากความต้องการทั้งตลาดในประเทศจากนโยบายการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก คือ นโยบายการทำโครงการเมกกะโปรเจ็คด้านโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัย
ยานยนต์
ในปี 2547 อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการขยายตัวทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก อันเนื่องมาจากการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาพคล่องทางการเงินที่เอื้ออำนวย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของค่ายยานยนต์ ตลอดจน การนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่สนองตอบต่อความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี สำหรับแนวโน้มในปี 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายอยู่ในระหว่างการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ปิกอัพจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย และในส่วนของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์จะยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจท้องถิ่นยังมีความคล่องตัว และมีกำลังซื้อในตลาด ประกอบกับ ผู้ผลิตแต่ละราย ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สนองความต้องการของตลาดมากขึ้น หลายบริษัทมีแผนที่จะนำเสนอรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ หรือปรับปรุงรุ่นเดิม ผลิตภัณฑ์พลาสติก ในช่วงปี 2547 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ นโยบายจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเม็ดพลาสติกที่สูงขึ้น ส่งกระทบทางด้านลบต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของในอุตสาหกรรมลดลงได้ โดยในปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.95 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.90 เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับแนวโน้มปี 2548 คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังคงเผชิญสภาวะการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง โดยเฉพาะจากคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน ที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกเชิงรุกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ผลิตของไทยควรดำเนินกลยุทธ์ในเชิงรุกอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ควรปรับปรุงสินค้าตลอดจนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ๆ ของประเทศผู้นำเข้าอีกด้วย
รองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง
อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนังของไทยมีภาวะการผลิต หนังดิบและหนังฟอกลดลง เนื่องจากมีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังค้างอยู่มาก สำหรับการผลิตรองเท้าลดลง เนื่องจากการส่งออกลดและมีการนำเข้ารองเท้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนการผลิตกระเป๋าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการ ส่งออกเพิ่มขึ้น แนวโน้มการผลิตของอุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนังของไทยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากมีการขยายตัวจากตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกในส่วนของหนังฟอกและหนังตกแต่งสำเร็จ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง อีกทั้งการขยายความต้องการตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
อาหาร ในปี 2547 (มค.-พย.) ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2546 ประมาณร้อยละ 12.9 ในขณะที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55.6 เป็นร้อยละ 59.4 ในปี 2547 (ตารางที่ 1) แม้ว่าจะเกิดปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการผลิต การบริโภค และการ ส่งออก เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดนกที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการผลิตไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
การขาดแคลนวัตถุดิบสับปะรด การประกาศการเก็บภาษีทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของสหรัฐฯ และการเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างในอาหารนำเข้าของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเพิ่มขึ้นของค่าระวางเรือและค่าขนส่งอันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตามจากภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดภายในประเทศที่ยังคงมีอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ กลับส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอาหารปี 2548 คาดว่าทั้งภาคการผลิตและการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารจะยังคงเพิ่มขึ้นจากปี 2547
ไม้และเครื่องเรือน
ในปี 2547 สภาวะของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยโดยรวมยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากปริมาณความต้องการของตลาดภายในประเทศเองและความต้องการโดยการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและแนวโน้มของการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับเหตุการณ์ของภัยพิบัติของธรรมชาติคลื่นยักษ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้ จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวน่าจะทำให้ภาวะอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนภายในประเทศจะต้องชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ผลิตภัณฑ์ยาง
ในปี 2547 การผลิตและการส่งออกยางขั้นต้น มีปริมาณการผลิตและมูลค่าส่งออกลดลงจากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่ส่งออกให้การผลิตลดลง อีกทั้งราคายางในประเทศยังขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าผลผลิตยางทั้งประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่กรีดยางได้เพิ่มขึ้นในทุกภาค และราคายางที่จูงใจให้เกษตรกรกรีดยางเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกยางขั้นต้นคาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัว อันเนื่องมาจากการที่ประเทศจีนมีนโยบายในการชะลออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อมิให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราที่สูงอย่างรวดเร็วเกินไป สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางคาดว่า ในปี 2548 จะมีการส่งออกในผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เยื่อกระดาษ กระดาษ และสิ่งพิมพ์
ในปี 2547 ภาวะเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างทรงตัว ถึงแม้ว่าจะมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก เหตุการณ์ไข้หวัดนกระบาด เหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเหตุการณ์ ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างมาก แต่สำหรับอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ กระดาษ และสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มดีขึ้น ในปี 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ทำให้ความต้องการใช้กระดาษน่าจะเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นก็จะส่งผลให้ความต้องใช้เยื่อกระดาษเพิ่มขึ้น
ยา
ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศ ในปี 2547 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรให้ดีขึ้น และผลิตยาเพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อจากโรงพยาบาล โดยยาที่ผลิตส่วนใหญ่เป็นยาสามัญและมีราคาไม่สูงมากนัก สำหรับปริมาณการจำหน่ายขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน สำหรับในปี 2548 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ในประเทศ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการในประเทศยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเช่นกัน
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ปี 2547(ม.ค.-พ.ย.) อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าในหมวดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าเพิ่มขึ้นของเสื้อผ้าสำเร็จรูป สำหรับแนวโน้มปี 2548 คาดว่าจะมีการแข่งขันค่อนข่างรุนแรงเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ปัญหาด้านอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น หรือแม้แต่ปัญหาภายในประเทศ เช่น ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาไข้หวัดนก และปัญหาธรณีภิบัติภัย ล้วนเป็นปัจจัยซึ่งทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ
ปูนซีเมนต์
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ใน ปี 2547 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักทั้งการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐและการขยายการลงทุนในภาคเอกชน สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะขยายตัวได้ดี แต่อาจจะเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจากปี 2547เนื่องจากการชะลอการลงทุนในภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่อาจจะชะลอตัวลง ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศ การส่งออกปูนซีเมนต์ในปี 2547 ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2548 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น
ผลิตภัณฑ์เซรามิกส์
การผลิตและจำหน่ายเซรามิกส์ในประเทศ โดยเฉพาะเซรามิกส์ที่ใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ แม้ว่าการขยายตัวจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา สำหรับราคาจำหน่ายเซรามิกเริ่มมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นจากผลกระทบด้านราคาน้ำมัน ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตาม จากภาวะค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ เซรามิกส์ได้
อัญมณีและเครื่องประดับ
ภาพรวมการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับปี 2547 หดตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและจากข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกปี 2547 ในช่วง 11 เดือนแรกพบว่าไทยยังมีมูลค่าและการขยายตัวของสัดส่วนการนำเข้ามากกว่ามูลค่าและการขยายตัวของสัดส่วนการ ส่งออก สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 15 โดยตลาดที่มีแนวโน้มดียังคงเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ฮ่องกง และออสเตรเลีย เนื่องจากการเปิดเสรีการค้าทั้งรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2547 เริ่มชะลอตัวลงบ้าง เป็นผลจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการที่เร่งตัวมากขึ้นมากขึ้นกว่าปริมาณการส่งออกราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น การระบาดของไข้หวัดนกและสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ทำให้ภาคเอกชนบางส่วนมีการชะลอการลงทุนออกไป โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2547 จากการประมาณการผลิตภัณฑ์ประชาชาติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2547 อยู่ในระดับร้อยละ 6.7, 6.4 และ 6.0 ตามลำดับ โดยภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10.0, 7.0 และ 7.8 ในไตรมาสที่ 1, 2 และ 3 ของปี 2547 ตามลำดับ คาดว่าทั้งปี 2547 เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 6.2
ในปี 2548 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 5.5 — 6.5 โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงและจะมีการลอยตัวค่าน้ำมันดีเซล อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน รวมทั้งในไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ (สินามิ) ด้วย
สำหรับภาคอุตสาหกรรม จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ที่จัดทำโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรม 50 กลุ่ม ตามการจัดประเภท อุตสาหกรรมมาตรฐานสากล (ISIC)ในระดับ 4 หลัก พบว่าในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2547 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 9.9 ซึ่งดัชนีเฉลี่ยช่วง 11 เดือนในปี 2547 มีค่า 138.3 เทียบกับ 125.8 ในปี 2546 โดยมีอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ดัชนีการส่งสินค้า (Shipment Index) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นในปี 2547 โดยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจและดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเล็กน้อย
สำหรับภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี 2547 ก็มีแนวโน้มที่ดี โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทุกเดือน การส่งออกตลอดทั้งปี มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 97,435.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.43 และคาดกันว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกจะมีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในส่วนของการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปี 2547 ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นอย่างมาก
สรุปภาวะอุตสาหกรรมในแต่ละสาขา
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรมโดยรวมในปี 2547 ถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทั้งปี 2547 จะมีมูลค่าประมาณ 1,337,879.0 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อยละ 34.6 และเพิ่มจากสินค้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 8.09
เคมีภัณฑ์
ปี 2547 การนำเข้าเคมีภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 5 ลำดับแรกได้แก่ เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ ปุ๋ย เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด เคมีอินทรีย์ และเครื่องสำอางหรือสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินผิว สำหรับการส่งออกเคมีภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 5 ลำดับแรกได้แก่ ปุ๋ย เคมีอินทรีย์ สีสกัดใช้ในการฟอกหนังหรือย้อมสี เคมีอนินทรีย์ และเคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด
ปิโตรเคมี
ในปี 2547 อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น โดยราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2547 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนยังมีสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาด้านวัตถุดิบ เนื่องจากความผันผวนของภาวะน้ำมันในตลาดโลก
เหล็กและเหล็กกล้า
สถานการณ์เหล็กในปี 2547 ขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวขึ้น ทั้งธุรกิจภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศจีนในช่วงปีนี้ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2547 เนื่องจากปัจจัยทางด้านบวกจากความต้องการทั้งตลาดในประเทศจากนโยบายการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก คือ นโยบายการทำโครงการเมกกะโปรเจ็คด้านโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัย
ยานยนต์
ในปี 2547 อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการขยายตัวทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก อันเนื่องมาจากการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาพคล่องทางการเงินที่เอื้ออำนวย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของค่ายยานยนต์ ตลอดจน การนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่สนองตอบต่อความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี สำหรับแนวโน้มในปี 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายอยู่ในระหว่างการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ปิกอัพจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย และในส่วนของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์จะยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจท้องถิ่นยังมีความคล่องตัว และมีกำลังซื้อในตลาด ประกอบกับ ผู้ผลิตแต่ละราย ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สนองความต้องการของตลาดมากขึ้น หลายบริษัทมีแผนที่จะนำเสนอรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ หรือปรับปรุงรุ่นเดิม ผลิตภัณฑ์พลาสติก ในช่วงปี 2547 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ นโยบายจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเม็ดพลาสติกที่สูงขึ้น ส่งกระทบทางด้านลบต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของในอุตสาหกรรมลดลงได้ โดยในปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.95 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.90 เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับแนวโน้มปี 2548 คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังคงเผชิญสภาวะการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง โดยเฉพาะจากคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน ที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกเชิงรุกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ผลิตของไทยควรดำเนินกลยุทธ์ในเชิงรุกอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ควรปรับปรุงสินค้าตลอดจนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ๆ ของประเทศผู้นำเข้าอีกด้วย
รองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง
อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนังของไทยมีภาวะการผลิต หนังดิบและหนังฟอกลดลง เนื่องจากมีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังค้างอยู่มาก สำหรับการผลิตรองเท้าลดลง เนื่องจากการส่งออกลดและมีการนำเข้ารองเท้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนการผลิตกระเป๋าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการ ส่งออกเพิ่มขึ้น แนวโน้มการผลิตของอุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนังของไทยน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากมีการขยายตัวจากตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกในส่วนของหนังฟอกและหนังตกแต่งสำเร็จ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง อีกทั้งการขยายความต้องการตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
อาหาร ในปี 2547 (มค.-พย.) ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2546 ประมาณร้อยละ 12.9 ในขณะที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55.6 เป็นร้อยละ 59.4 ในปี 2547 (ตารางที่ 1) แม้ว่าจะเกิดปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการผลิต การบริโภค และการ ส่งออก เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดนกที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการผลิตไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
การขาดแคลนวัตถุดิบสับปะรด การประกาศการเก็บภาษีทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของสหรัฐฯ และการเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างในอาหารนำเข้าของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเพิ่มขึ้นของค่าระวางเรือและค่าขนส่งอันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตามจากภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดภายในประเทศที่ยังคงมีอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ กลับส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอาหารปี 2548 คาดว่าทั้งภาคการผลิตและการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารจะยังคงเพิ่มขึ้นจากปี 2547
ไม้และเครื่องเรือน
ในปี 2547 สภาวะของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยโดยรวมยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากปริมาณความต้องการของตลาดภายในประเทศเองและความต้องการโดยการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและแนวโน้มของการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับเหตุการณ์ของภัยพิบัติของธรรมชาติคลื่นยักษ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้ จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวน่าจะทำให้ภาวะอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนภายในประเทศจะต้องชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ผลิตภัณฑ์ยาง
ในปี 2547 การผลิตและการส่งออกยางขั้นต้น มีปริมาณการผลิตและมูลค่าส่งออกลดลงจากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่ส่งออกให้การผลิตลดลง อีกทั้งราคายางในประเทศยังขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าผลผลิตยางทั้งประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่กรีดยางได้เพิ่มขึ้นในทุกภาค และราคายางที่จูงใจให้เกษตรกรกรีดยางเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกยางขั้นต้นคาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัว อันเนื่องมาจากการที่ประเทศจีนมีนโยบายในการชะลออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อมิให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราที่สูงอย่างรวดเร็วเกินไป สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางคาดว่า ในปี 2548 จะมีการส่งออกในผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เยื่อกระดาษ กระดาษ และสิ่งพิมพ์
ในปี 2547 ภาวะเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างทรงตัว ถึงแม้ว่าจะมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก เหตุการณ์ไข้หวัดนกระบาด เหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเหตุการณ์ ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างมาก แต่สำหรับอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ กระดาษ และสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มดีขึ้น ในปี 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ทำให้ความต้องการใช้กระดาษน่าจะเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นก็จะส่งผลให้ความต้องใช้เยื่อกระดาษเพิ่มขึ้น
ยา
ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศ ในปี 2547 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรให้ดีขึ้น และผลิตยาเพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อจากโรงพยาบาล โดยยาที่ผลิตส่วนใหญ่เป็นยาสามัญและมีราคาไม่สูงมากนัก สำหรับปริมาณการจำหน่ายขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน สำหรับในปี 2548 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ในประเทศ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการในประเทศยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเช่นกัน
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ปี 2547(ม.ค.-พ.ย.) อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าในหมวดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าเพิ่มขึ้นของเสื้อผ้าสำเร็จรูป สำหรับแนวโน้มปี 2548 คาดว่าจะมีการแข่งขันค่อนข่างรุนแรงเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ปัญหาด้านอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น หรือแม้แต่ปัญหาภายในประเทศ เช่น ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาไข้หวัดนก และปัญหาธรณีภิบัติภัย ล้วนเป็นปัจจัยซึ่งทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ
ปูนซีเมนต์
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ใน ปี 2547 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักทั้งการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐและการขยายการลงทุนในภาคเอกชน สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าจะขยายตัวได้ดี แต่อาจจะเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจากปี 2547เนื่องจากการชะลอการลงทุนในภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่อาจจะชะลอตัวลง ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศ การส่งออกปูนซีเมนต์ในปี 2547 ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2548 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น
ผลิตภัณฑ์เซรามิกส์
การผลิตและจำหน่ายเซรามิกส์ในประเทศ โดยเฉพาะเซรามิกส์ที่ใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ แม้ว่าการขยายตัวจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา สำหรับราคาจำหน่ายเซรามิกเริ่มมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นจากผลกระทบด้านราคาน้ำมัน ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตาม จากภาวะค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ เซรามิกส์ได้
อัญมณีและเครื่องประดับ
ภาพรวมการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับปี 2547 หดตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและจากข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกปี 2547 ในช่วง 11 เดือนแรกพบว่าไทยยังมีมูลค่าและการขยายตัวของสัดส่วนการนำเข้ามากกว่ามูลค่าและการขยายตัวของสัดส่วนการ ส่งออก สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 15 โดยตลาดที่มีแนวโน้มดียังคงเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ฮ่องกง และออสเตรเลีย เนื่องจากการเปิดเสรีการค้าทั้งรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-