โฆษกปชป. 'องอาจ คล้ามไพบูลย์' เรียกร้องนายกฯทักษิณ รับผิดชอบ ม็อบถล่มเวทีปราศรัยของพรรคที่ จ.เชียงใหม่ชี้ อย่ามองเป็นเรื่องปกติเล็กน้อย
วันนี้(1เม.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่อยากให้มองเป็นเรื่องปกติเล็กน้อย ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรีควรแสดงเจตนาสั่งการเอาผิดอย่างจริงจัง ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่า ทางพรรคต้องการเรียกร้องให้พรรคการเมือง องค์กร และบุคคลทุกกลุ่ม อย่ากระทำการใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งยั่วยุ ให้ประชาชนแสดงออกถึงความแตกแยก ไม่ว่าจะกับพรรคการเมืองใดก็ตาม
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้หลายฝ่ายวิตกว่า มีการเบิกธนบัตรใบละ 1 พันบาท ออกมาจำนวนนับหมื่นล้านบาท ในช่วงเดือนมีนาคมต่อเนื่องเมษายน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว พบว่าในปีนี้มีการเบิกแบงค์พันออกมามากกว่าอย่างมาก ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเลือกตั้ง หรืออาจนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อเสียง โดยเฉพาะหลายภูมิภาค ที่มีประวัติการซื้อเสียงอย่างหนักในการเลือกตั้งทุกครั้ง จึงอยากให้ กกต.ระวังคืนหมาหอนให้มาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่ส่งผู้สมัครพรรคการเมืองเดียวลงสมัคร ยิ่งทำให้การซื้อเสียงเป็นไปได้ง่าย โดยเฉพาะเขตที่มีผู้สมัครลงเพียงพรรคเดียวมีมากกว่าครึ่งในจำนวนเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้หลายเขตเลือกตั้งพยายามทำให้ได้คะแนนมากกว่า 20 %
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคยืนยันว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนนี้ ไม่ใช่คำตอบในการช่วยแก้วิกฤติของประเทศ และขอเรียกร้องให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตามหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ส่วนจะเลือกพรรคการเมืองใด หรือเลือกไม่ลงคะแนนให้พรรคใดเลย เป็นสิทธิของประชาชนในการตัดสินใจ สำหรับในวันเลือกตั้งนั้น พรรคได้ติดตามตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว เพราะขณะนี้มีรายงานว่า มีการพยายามใช้ทุกกลวิธีต่างๆให้ได้คะแนนถึง 20 % โดยไม่คำนึงว่าถูกกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจากหนังสือพิมพ์เดลี่เทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า สภาผู้แทนราษฎร 500 เสียง ซึ่งมีพรรคการเมืองเดียวเป็นเสียงส่วนมากนั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งนายกฯระบุว่าไม่ใช่ความผิดของพรรคไทยรักไทย แต่เป็นความผิดของฝ่ายค้าน ที่ไม่ลงเลือกตั้งว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการชี้แจงหลายครั้งแล้ว แต่ขอย้ำอีกครั้งว่านายกฯไม่ควรกล่าวเท็จต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ทำให้เข้าใจผิดเนื้อหาสาระสำคัญ และจุดยืนของฝ่ายค้าน ทั้งนี้การบอยคอต ไม่ใช่การทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี ดังนั้นสภาที่มาจากพรรคการเมืองพรรคเดียว น่าจะเป็นความผิดของพรรคไทยรักไทย ที่พยายามดึงดันให้เกิดสภาเผด็จการ และสภาโจ๊กรวมกันใน 2 นัยยะ ซึ่งนายกฯพยายามที่จะใช้ความเป็นเสียงข้างมากลากไป และใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจที่สั่งสมจากระบอบทักษิณ มาลากให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ทั้งที่ทราบกันว่าไม่ชอบธรรม
“ขอความกรุณานายกฯ อย่าไปกล่าวเท็จต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นอกจากทำให้ต่างชาติเข้าใจเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญผิดแล้ว เกียรติภูมิของนายกฯที่ควรพูดความจริง ก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า มองอย่างไรกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หลังการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยจะเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แทนพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อลดกระแสสังคม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามในลักษณะโยนหินถามทางหลายเรื่อง โดยเมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่มีหลักฐานความจริงเพียงพอให้เชื่อถือได้ ซึ่งรูปแบบการโยนหินเพื่อวัดกระแสประชาชน มากกว่าจะพยายามปฏิบัติจริงเพื่อแก้ไขปัญหา
“ข่าวลักษณะนี้ออกมาก่อนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนคัดค้าน และตำหนิพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นการมีข่าวว่าจะหาคนอื่นมาเป็นนายกฯแทน เท่ากับโยนหินให้เกิดผลทางการเมือง ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์จากการโยนหินคือรัฐบาล หรือพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเอง แต่หลังการเลือกตั้งไปแล้วยังไม่มีใครบอกได้ว่าสิ่งที่โยนหินถามมานี้จริงหรือไม่ แต่เป็นการพยายามให้เกิดผลทางจิตวิทยาการเมือง ที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อผลการเลือกตั้ง แต่ถึงแม้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเลือกตั้ง ก็ไม่ได้ทำเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิกฤติของประเทศได้”นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 เม.ย. 2549--จบ--
วันนี้(1เม.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่อยากให้มองเป็นเรื่องปกติเล็กน้อย ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรีควรแสดงเจตนาสั่งการเอาผิดอย่างจริงจัง ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่า ทางพรรคต้องการเรียกร้องให้พรรคการเมือง องค์กร และบุคคลทุกกลุ่ม อย่ากระทำการใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งยั่วยุ ให้ประชาชนแสดงออกถึงความแตกแยก ไม่ว่าจะกับพรรคการเมืองใดก็ตาม
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้หลายฝ่ายวิตกว่า มีการเบิกธนบัตรใบละ 1 พันบาท ออกมาจำนวนนับหมื่นล้านบาท ในช่วงเดือนมีนาคมต่อเนื่องเมษายน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว พบว่าในปีนี้มีการเบิกแบงค์พันออกมามากกว่าอย่างมาก ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเลือกตั้ง หรืออาจนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อเสียง โดยเฉพาะหลายภูมิภาค ที่มีประวัติการซื้อเสียงอย่างหนักในการเลือกตั้งทุกครั้ง จึงอยากให้ กกต.ระวังคืนหมาหอนให้มาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่ส่งผู้สมัครพรรคการเมืองเดียวลงสมัคร ยิ่งทำให้การซื้อเสียงเป็นไปได้ง่าย โดยเฉพาะเขตที่มีผู้สมัครลงเพียงพรรคเดียวมีมากกว่าครึ่งในจำนวนเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้หลายเขตเลือกตั้งพยายามทำให้ได้คะแนนมากกว่า 20 %
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคยืนยันว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนนี้ ไม่ใช่คำตอบในการช่วยแก้วิกฤติของประเทศ และขอเรียกร้องให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตามหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ส่วนจะเลือกพรรคการเมืองใด หรือเลือกไม่ลงคะแนนให้พรรคใดเลย เป็นสิทธิของประชาชนในการตัดสินใจ สำหรับในวันเลือกตั้งนั้น พรรคได้ติดตามตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว เพราะขณะนี้มีรายงานว่า มีการพยายามใช้ทุกกลวิธีต่างๆให้ได้คะแนนถึง 20 % โดยไม่คำนึงว่าถูกกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจากหนังสือพิมพ์เดลี่เทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า สภาผู้แทนราษฎร 500 เสียง ซึ่งมีพรรคการเมืองเดียวเป็นเสียงส่วนมากนั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งนายกฯระบุว่าไม่ใช่ความผิดของพรรคไทยรักไทย แต่เป็นความผิดของฝ่ายค้าน ที่ไม่ลงเลือกตั้งว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการชี้แจงหลายครั้งแล้ว แต่ขอย้ำอีกครั้งว่านายกฯไม่ควรกล่าวเท็จต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ทำให้เข้าใจผิดเนื้อหาสาระสำคัญ และจุดยืนของฝ่ายค้าน ทั้งนี้การบอยคอต ไม่ใช่การทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี ดังนั้นสภาที่มาจากพรรคการเมืองพรรคเดียว น่าจะเป็นความผิดของพรรคไทยรักไทย ที่พยายามดึงดันให้เกิดสภาเผด็จการ และสภาโจ๊กรวมกันใน 2 นัยยะ ซึ่งนายกฯพยายามที่จะใช้ความเป็นเสียงข้างมากลากไป และใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจที่สั่งสมจากระบอบทักษิณ มาลากให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ทั้งที่ทราบกันว่าไม่ชอบธรรม
“ขอความกรุณานายกฯ อย่าไปกล่าวเท็จต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นอกจากทำให้ต่างชาติเข้าใจเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญผิดแล้ว เกียรติภูมิของนายกฯที่ควรพูดความจริง ก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า มองอย่างไรกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หลังการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยจะเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แทนพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อลดกระแสสังคม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามในลักษณะโยนหินถามทางหลายเรื่อง โดยเมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่มีหลักฐานความจริงเพียงพอให้เชื่อถือได้ ซึ่งรูปแบบการโยนหินเพื่อวัดกระแสประชาชน มากกว่าจะพยายามปฏิบัติจริงเพื่อแก้ไขปัญหา
“ข่าวลักษณะนี้ออกมาก่อนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนคัดค้าน และตำหนิพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นการมีข่าวว่าจะหาคนอื่นมาเป็นนายกฯแทน เท่ากับโยนหินให้เกิดผลทางการเมือง ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์จากการโยนหินคือรัฐบาล หรือพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเอง แต่หลังการเลือกตั้งไปแล้วยังไม่มีใครบอกได้ว่าสิ่งที่โยนหินถามมานี้จริงหรือไม่ แต่เป็นการพยายามให้เกิดผลทางจิตวิทยาการเมือง ที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อผลการเลือกตั้ง แต่ถึงแม้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเลือกตั้ง ก็ไม่ได้ทำเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิกฤติของประเทศได้”นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 เม.ย. 2549--จบ--