ไอ.เอ็ม.เอฟ เตือนเศรษฐกิจโลกปีหน้าชะลอตัว

          กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอ.เอ็ม.เอฟ) ได้ชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้าซึ่งได้รับสัญญาณจากการชะลอตัวลงของภาคอสังหาริมทรัพย์และได้ระบุว่าแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะมีความแข็งแกร่งในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2549 ก็ตามแต่การเติบโตทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4% ในปีนี้และอาจชะลอตัวลงเหลือเพียง 2.9% ในปี 2550
          ในรายงาน World Economic Outlook ของไอเอ็มเอฟ ได้อธิบายว่าความวิตกเกี่ยวกับ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มปรับตัวลงอย่างรุนแรงและอาจจะก่อให้เกิดแรงปะทะต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งนี้ธนาคารกลางของสหรัฐอาจจะต้องคงมาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะเพื่อรับกับภาวะเงินเฟ้อ ในรายงานฉบับนี้ยังได้ให้ข้อเสนอแนะว่าธนาคารกลางสหรัฐควรจะต้องสือสารออกมาให้ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของตัวเองโดยเฉพาะเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อในระยะกลาง ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟได้ประเมินว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐอาจจะขยับเพิ่มเป็น 6.9% ของผลิตภัณฑมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในขณะที่ประเทศในเอเซียโดยเฉพาะญี่ปุ่นจะมีการได้ดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นรวมถึงประเทศในตะวันออกกลางที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันด้วย
          สำหรับการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกโดยรวมนั้น ไอเอ็มเอฟได้ระบุว่าเนื่องจากเศรษฐกิจของจีนยังคงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2549 นี้เพิ่มขึ้นอีก 0.25% เป็น 5.1% ส่วนในปี 2550 คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 4.9% แต่จะมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังที่อาจจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2550 น้อยกว่าหรือไม่เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ นั่นคือ แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น และเศรษฐกิจของสหรัฐที่อาจปรับชะลอตัวลง ส่วนภูมิภาคยุโรป ไอเอ็มเอฟ ได้ระบุว่า 12 ประเทศใน   ยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกันมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2549 นี้จะอยู่ที่ 2.4% ก่อนที่ในปี 2550จะปรับตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 2% 
ประเด็นวิเคราะห์
          ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2550 มีแนวโน้มลดลงโดยมี 3 ปัจจัยหลักที่จะต้องจับตามองเป็นพิเศษ นั่นก็คือ แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่ยังผันผวน และเศรษฐกิจของสหรัฐอาจปรับชะลอตัวลงอย่างฉับพลัน
          ที่มา: http://www.depthai.go.th