นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางกลับจากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ที่ประเทศเวียดนามแล้ว และเปิดเผยว่า รัฐมนตรีการค้า APEC ได้ร่วมกันผลักดันการเจรจารอบโดฮาของ WTO ให้มีความคืบหน้าและสามารถจัดทำรูปแบบการลดภาษีสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งการลดการอุดหนุนภายใต้สินค้าเกษตรได้ภายในเดือนมิถุนายน และปิดรอบการเจรจาได้ภายในปี 2549 พร้อมทั้งได้กำหนดแนวทางการเจรจาสำหรับระดับเจ้าหน้าที่ ณ นครเจนีวา ให้ดำเนินการ ดังนี้
1. การเปิดตลาดสินค้าเกษตร จะต้องลดภาษีสินค้าเกษตรลงอย่างมากเพื่อให้เกิดการเปิดตลาดที่แท้จะต้องลดและกำหนดระเบียบวินัยการอุดหนุนภายใน เพื่อมิให้บิดเบือนการค้าจะต้องทยอยลดการอุดหนุนการส่งออกทุกรูปแบบโดยเร็วและยกเลิกให้หมดภายในปี 2013 ทั้งนี้รัฐมนตรีเอเปคเห็นว่าเรื่องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรมีความคืบหน้าน้อยที่สุด เพราะต้องพิจารณาเรื่องสูตรการลดภาษี และรายการสินค้าอ่อนไหว สำหรับประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเปิดตลาดมากขึ้น เกิดกระแสการค้าใหม่ ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันผลกระทบต่อสินค้าอ่อนไหวของสมาชิกด้วย
2. การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม เมื่อปีที่แล้วรัฐมนตรีตกลงให้ใช้ สูตรที่เรียกว่า Swiss formulaในการลดภาษี (อัตราภาษีสูงจะต้องลดลงมากกว่าอัตราภาษีต่ำ) ในการประชุมครั้งนี้ ได้ตกลงกันว่าค่าสัมประสิทธิ์สำหรับการลดภาษีควรมี 2 อัตรา ที่แตกต่างกันระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา การลดภาษีจะต้องมีผลให้มีการเปิดตลาดเพิ่มขึ้นมากอย่างแท้จริง นอกจากนั้นรัฐมนตรีจะร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดเสรีรายสาขาต่อไป เพื่อให้มีการลดภาษีสินค้าในสาขาเหล่านั้นมากกว่าการลดภาษีใช้สูตร
ในการประชุมครั้งนี้ ฯพณฯรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แสดงบทบาทสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของไทย โดยย้ำว่าจะต้องมีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นทุกรายการ รวมทั้งสินค้าอ่อนไหว เนื่องจากขณะนี้มีสมาชิก WTO หลายประเทศต้องการกำหนดให้ข้าวและน้ำตาลเป็นสินค้าอ่อนไหว ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเปิดตลาดซึ่งจะมีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวและน้ำตาลของไทย ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมนั้น ค่าสัมประสิทธิ์ของประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาแล้วจะต้องแตกต่างกันตามระดับการพัฒนาของประเทศ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 (ค่าสัมประสิทธิ์ต่ำจะทำให้มีการลดภาษีลงมากกว่าค่าสัมประสิทธิ์สูง) และจะต้องก่อให้เปิดตลาดอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น ยังได้ย้ำกับสหรัฐฯ ว่า ปัญหาของการเจรจารอบโดฮาขณะนี้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ดังนั้น สหรัฐฯ ควรแสดงความเป็นผู้นำในการผลักดันการเจรจาแต่หากต้องการให้สมาชิกเอเปคช่วยก็ขอให้แจ้งให้ทราบเพื่อจะได้ร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-