วันนี้ (25 พ.ค. 49) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV เกี่ยวกับการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ที่เกี่ยวกับวาระประชาชน ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เดินหน้าไปแล้วหลายส่วนอาทิ เรื่องการศึกษา โดยได้เดินทางพบนักเรียน นักศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครอง ส่วนในสัปดาห์นี้พรรคฯ กำลังติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ โครงการ 30 บาท โดยพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมข้อมูล และ ปัญหาของโครงการ 30 บาท โดยรวบรวมผลการศึกษาจากนักวิชาการทั้งหลายที่เกี่ยวพันกับโครงการ 30 บาท เพื่อทำการศึกษาถึงระบบสุขภาพทั้งระบบ จากเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางไปดูงานที่โรงพยาบาลมาแล้ว 2 แห่ง และร่วมประชุมกับนักวิชาการ ภาคเอกชน นักวิจัย และข้าราชการ ในวันนี้ที่โรงพยาบาลกลาง
นายสาทิตย์ตั้งข้อสังเกตว่า จากการติดตามเรื่องดังกล่าวมีสิ่งที่น่าสนใจพบว่าผู้ที่เข้าสู่ระบบสุขภาพนี้ มี 3 ส่วน คือระบบของราชการ ระบบกองทุนประกันสังคม และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยจากการประชุม และศึกษาเปรียบเทียบนั้นเพื่อให้ระบบสุขภาพทั้งหมดมีมาตราฐานที่ไม่แตกต่างกันจนเกินไป เช่นเรื่องการจ่ายยา การดูแลรักษาพยาบาล นอกจากนี้ได้ทำการศึกษาต่อไปถึงระบบการบริหาร งบประมาณ ของโรงพยาบาล เป็นต้น โดยหลังจากได้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านทั้งหมดแล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์จะนำมาประชุมเพื่อทำเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับสุขภาพของคนไทยต่อไป
นายสาทิตย์ ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค พบว่ามีเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำว่า 1 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่สามารถเทียบกับงบประมาณที่ต้องใช้ในโครงการนี้ บางโรงพยาบาลในต่างจังหวัดสามารถบริหารจัดการ และรักษาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บเงิน 30 บาทจากผู้มารับบริการอีกด้วย
นายสาทิตย์กล่าวต่อไปว่า เรื่องต่อไปที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะได้ติดต่อพูดคุยกับนักธุรกิจ ภาคบริการ ภาคพาณิชยกรรม เรื่องที่ใหญ่ที่สุดในการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจคือเรื่องหนี้สิน และหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องการเกษตรต่อไป
“ถามว่านโยบายของพรรคฯ จะไปถึงตรงไหนในครั้งต่อไป ผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญคือ ต้องตอบให้ได้ว่าหลังยุคทักษิณ ปัญหาของประเทศคืออะไร และโอกาสที่ประเทศของเราจะก้าวไปสู่จุดที่พึงปรารถนา ต้องทำกี่อย่าง และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องอธิบายให้เป็นรูปธรรม และให้ครอบคลุมกลุ่มปัญหาทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มของประชาชนในระดับพื้นฐานในชนบท และในเมือง” นายสาทิตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ค. 2549--จบ--
นายสาทิตย์ตั้งข้อสังเกตว่า จากการติดตามเรื่องดังกล่าวมีสิ่งที่น่าสนใจพบว่าผู้ที่เข้าสู่ระบบสุขภาพนี้ มี 3 ส่วน คือระบบของราชการ ระบบกองทุนประกันสังคม และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยจากการประชุม และศึกษาเปรียบเทียบนั้นเพื่อให้ระบบสุขภาพทั้งหมดมีมาตราฐานที่ไม่แตกต่างกันจนเกินไป เช่นเรื่องการจ่ายยา การดูแลรักษาพยาบาล นอกจากนี้ได้ทำการศึกษาต่อไปถึงระบบการบริหาร งบประมาณ ของโรงพยาบาล เป็นต้น โดยหลังจากได้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านทั้งหมดแล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์จะนำมาประชุมเพื่อทำเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับสุขภาพของคนไทยต่อไป
นายสาทิตย์ ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค พบว่ามีเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำว่า 1 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่สามารถเทียบกับงบประมาณที่ต้องใช้ในโครงการนี้ บางโรงพยาบาลในต่างจังหวัดสามารถบริหารจัดการ และรักษาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บเงิน 30 บาทจากผู้มารับบริการอีกด้วย
นายสาทิตย์กล่าวต่อไปว่า เรื่องต่อไปที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะได้ติดต่อพูดคุยกับนักธุรกิจ ภาคบริการ ภาคพาณิชยกรรม เรื่องที่ใหญ่ที่สุดในการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจคือเรื่องหนี้สิน และหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องการเกษตรต่อไป
“ถามว่านโยบายของพรรคฯ จะไปถึงตรงไหนในครั้งต่อไป ผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญคือ ต้องตอบให้ได้ว่าหลังยุคทักษิณ ปัญหาของประเทศคืออะไร และโอกาสที่ประเทศของเราจะก้าวไปสู่จุดที่พึงปรารถนา ต้องทำกี่อย่าง และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องอธิบายให้เป็นรูปธรรม และให้ครอบคลุมกลุ่มปัญหาทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มของประชาชนในระดับพื้นฐานในชนบท และในเมือง” นายสาทิตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ค. 2549--จบ--