ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้น 20.1% เทียบต่อปี นายการุณ กิตติสถาพร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึง
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ต.ค.49 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 11,500.8 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
20.1% การนำเข้ามีมูลค่า 10,690.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 9.5% เกินดุลการค้า 810.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ 10 เดือนแรก
(ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 107,117.6 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.8% มูลค่าการนำเข้า 106,670.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น
7.9% เกินดุลการค้า 447.2 ล.ดอลลาร์ สรอ. และคาดว่าดุลการค้าในปีนี้จะบวกลบประมาณ 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่ถ้าเทียบเป็น
เงินบาทพบว่าในช่วง 10 เดือนแรกขาดดุลการค้าอยู่ 17,082.2 ล.บาท ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกในเดือน ต.ค.ดังกล่าวเป็นยอดที่สูงกว่า
10,000 ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงเป็นอันดับ 3 ในรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า (โลกวันนี้,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
2. บีโอไอเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนแก่โครงการผลิตอีโคคาร์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม.และ รมว.อุตสาหกรรม
เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการส่งเสริมการลงทุนแก่
โครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ เพื่อสร้างฐานการผลิตรถยนต์ประเภทใหม่ โดยจะไม่มีการกำหนดขนาด
เครื่องยนต์ แต่จะเน้นความประหยัด ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์เสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของภาคอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญเรื่องคุณค่าของโครงการที่จะลงทุนมากขึ้น ได้แก่ 1) การพัฒนาด้านวิศวกรรมและอุตสาหกรรมสนับสนุน
ซึ่งเป็นพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2) ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศที่มีผลต่อการพัฒนาและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง และ 3)
การลงทุนของคนไทยโดยเน้นจุดเด่นและเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะในด้านบริการ (มติชน, ข่าวสด)
3. ก.คลังเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินต่อ ครม. แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า วันที่ 21 พ.ย.นี้ ก.
คลังจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ....ให้คณะรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายที่แก้ไขล่าสุดสรุปว่าจะไม่มีการกำหนดส่วนต่าง
ระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก (สเปรด) รวมทั้งจะไม่กำหนดด้วยว่าต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดสเปรดเป็นรายปี
ด้วยการออกเป็นกฎกระทรวงหรือระเบียบ ธปท. แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด นอกจากนี้ จะมีการระบุถึงการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจของรัฐด้วย โดยอำนาจกำกับดูแลยังอยู่ที่ ก.คลัง แต่การควบคุมเป็นหน้าที่ของ ธปท. (ไทยโพสต์)
4. เจซีอาร์ปรับแนวโน้มระดับเครดิตของไทยในระดับที่มีเสถียรภาพ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ว่าที่ผู้อำนวยการสำนักงาน
บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศญี่ปุ่น (เจซีอาร์) ได้ปรับมุมมองแนวโน้มระดับเครดิตของไทยให้อยู่
ในระดับที่มีเสถียรภาพ และยกเลิกมุมมองระดับเครดิตของประเทศไทยที่ได้เฝ้าระวังระดับเครดิตที่เป็นลบออก เพราะเห็นว่าสถานการณ์ทางการ
เมืองได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประกอบกับสถานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งและสถานการณ์การคลังที่มีเสถียรภาพ จากเงินทุนสำรองระหว่าง
ประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่มีจำนวน 68,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็น 3.8 เท่าของหนี้ระยะสั้น และคิดเป็น 1.2 เท่าของหนี้
ต่างประเทศทั้งหมด (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การเจรจาการค้ารอบโดฮา สรอ.ไม่อาจดำเนินการเพียงลำพังได้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 49 ทางการสรอ.
เปิดเผยว่า ลำพังสรอ.ไม่อาจที่จะให้การเจรจาการค้ารอบโดฮาดำเนินต่อไปได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยุโรป และประเทศอื่นๆ ประนีประนอมต่อกัน
เพื่อให้การเจรจาทางการค้าสามารถดำเนินต่อไปได้ ทั้งนี้นาย Gretchen Hamel โฆษกและเป็นผู้แทนการค้าของสรอ. กล่าวว่าประเทศต่างๆ
ทั้งหมดรวมทั้งยุโรป และ สรอ.ต่างจำเป็นต้องแสดงความยืดหยุ่นในการเจรจากันทางการค้า ทั้งนี้นาย Peter Mandelson ผู้แทนการค้าของ
ยุโรปได้เรียกร้องให้สรอ. แสดงความคืบหน้าในการยกเลิกนโยบายให้การอุดหนุนภาคการเกษตร ในขณะที่ตัวแทนสรอ. โต้แย้งว่า ยุโรปหลีก
เลี่ยงการประชุมอย่างต่อเนื่องในส่วนเกี่ยวกับการอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพื่อลดความไม่เป็นธรรมของตลาดสินค้าจากนโยบายให้การอุดหนุน
ดังกล่าว โดยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่อินเดีย นาย Peter Mandelson กรรมาธิการการค้าของยุโรปได้กล่าวในที่ประชุมว่าสรอ.จำเป็น
ต้องยกเลิกการอุดหนุนสินค้าทางการเกษตร 2 — 3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือประมาณปีละ 20 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนยุโรปก็จะลดการ
อุดหนุนสินค้าทางการเกษตรเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
2. จีนจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์จากที่ดินสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่เป็นสองเท่าเพื่อชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 20 พ.ย.49 ก.คลังของจีนประกาศจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์จากที่ดินสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่เป็นสอง
เท่านับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป เพื่อชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคเอกชนซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยการลงทุนในตัวเมือง
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 49 ขยายตัวร้อยละ 26.8 ชะลอตัวลงจากอัตราสูงสุดร้อยละ 31.3 ในช่วงครึ่งปีแรก มาตรการดังกล่าวของรัฐบาลมุ่ง
ที่จะควบคุมไม่ให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมากเกินไปโดยปกป้องที่ดินเพื่อการเกษตรและป้องกันการใช้ที่ดินเกินความจำเป็น โดยปัจจุบันอัตราค่า
ธรรมเนียมการใช้ที่ดินในโครงการก่อสร้างใหม่จะอยู่ระหว่าง 5 หยวน (63 เซนต์) ถึง 70 หยวน ต่อตารางเมตร และรายได้ดังกล่าวจะ
แบ่งสรรให้รัฐบาลกลางร้อยละ 30 และรัฐบาลท้องถิ่นร้อยละ 70 ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลกลางพยายามออกมาตรการมาจูงใจให้รัฐบาลท้องถิ่นควบคุม
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรไม่ให้ขยายตัวเร็วเกินไป แต่อย่างไรก็ดี ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวรอาจกลับมาขยายตัวอย่างรวดเร็วอีก หากรัฐบาลกลางผ่อนคลายมาตรการการควบคุมลง (รอยเตอร์)
3. จีนตั้งเป้าส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนมูลค่า 120 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ภายใน 10 ปี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.49 จีนตั้งเป้าส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนมูลค่า 120 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของปริมาณการค้ายาน
พาหนะทั้งหมดของโลกภายใน 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา การส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย
ในปี 48 มูลค่าการส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนพุ่งขึ้นถึงระดับ 10.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากปีก่อนหน้า ปัจจุบันการ
ส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนของจีนคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.7 ของปริมาณการค้ายานพาหนะทั้งหมดของโลก ในขณะที่จีนเป็นตลาดชิ้นส่วนรถยนต์
ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สามารถดึงดูดบริษัทรถยนต์ยี่ห้อดังระดับโลก เช่น ฮุนได มอเตอร์ และ เยนเนอรัล มอเตอร์ ให้เข้าไปจัดตั้งสายการ
ผลิตยานพาหนะในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก (รอยเตอร์)
4. การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ปี 49 ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.7 เทียบต่อปี รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 20 พ.ย.49 รัฐบาลสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ภาวะการค้าของสิงคโปร์ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 49 ชะลอ
ตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.7 เทียบต่อปี จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.8 และต่ำกว่าที่รัฐบาลประมาณการก่อนหน้านี้ว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.0 ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาส 2 ปี 49 ภายหลังการทบทวนตัวเลขแล้วขยายตัวร้อยละ 3.9 ส่วน
ไตรมาสแรกขยายตัวแข็งแกร่งอย่างมากถึงร้อยละ 7.0 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปี 49 จะขยายตัวระหว่าง
ร้อยละ 7.5 — 8.0 จากร้อยละ 6.5 - 7.5 ที่รายงานเบื้องต้น และคาดว่าปี 50 เศรษฐกิจจะชะลอตัวระหว่างร้อยละ 4.0 — 6.0 อนึ่ง
นักวิเคราะห์กล่าวว่าสาเหตุสำคัญที่เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ชะลอตัว คือ ภาวะการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าหมวด
อิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงชะลอลง อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนอาจช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์กลับฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้
สำหรับการเติบโตของภาคบริการในไตรมาส 3 ปี 49 ก็อยู่ในภาวะชะลอตัวด้วย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมทั้งยอดขายปลีกในช่วงการ
ประชุมไอเอ็มเอฟและ ธ.โลกในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่รัฐบาลกล่าวเตือนว่า ควรเฝ้าติดตามการปรับปรุงสินค้า
คงคลังในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของหมวดอิเล็กทรอนิกส์ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หรือไม่ นอกจากนี้ ภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของสิงคโปร์ (สิงคโปร์ส่งออกสินค้าไปยัง สรอ.มากเป็น
อันดับ 2 รองจากสหภาพยุโรป) ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ชะลอตัวลงได้เช่นกัน
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 พ.ย. 49 20 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.613 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4181/36.7219 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 726.37/18.79 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,700/10,800 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.82 54.97 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 49 25.69*/23.84 25.69*/23.84 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้น 20.1% เทียบต่อปี นายการุณ กิตติสถาพร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึง
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ต.ค.49 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 11,500.8 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
20.1% การนำเข้ามีมูลค่า 10,690.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 9.5% เกินดุลการค้า 810.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ 10 เดือนแรก
(ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 107,117.6 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.8% มูลค่าการนำเข้า 106,670.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น
7.9% เกินดุลการค้า 447.2 ล.ดอลลาร์ สรอ. และคาดว่าดุลการค้าในปีนี้จะบวกลบประมาณ 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่ถ้าเทียบเป็น
เงินบาทพบว่าในช่วง 10 เดือนแรกขาดดุลการค้าอยู่ 17,082.2 ล.บาท ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกในเดือน ต.ค.ดังกล่าวเป็นยอดที่สูงกว่า
10,000 ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงเป็นอันดับ 3 ในรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า (โลกวันนี้,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
2. บีโอไอเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนแก่โครงการผลิตอีโคคาร์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม.และ รมว.อุตสาหกรรม
เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการส่งเสริมการลงทุนแก่
โครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ เพื่อสร้างฐานการผลิตรถยนต์ประเภทใหม่ โดยจะไม่มีการกำหนดขนาด
เครื่องยนต์ แต่จะเน้นความประหยัด ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์เสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของภาคอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญเรื่องคุณค่าของโครงการที่จะลงทุนมากขึ้น ได้แก่ 1) การพัฒนาด้านวิศวกรรมและอุตสาหกรรมสนับสนุน
ซึ่งเป็นพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2) ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศที่มีผลต่อการพัฒนาและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง และ 3)
การลงทุนของคนไทยโดยเน้นจุดเด่นและเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะในด้านบริการ (มติชน, ข่าวสด)
3. ก.คลังเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินต่อ ครม. แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า วันที่ 21 พ.ย.นี้ ก.
คลังจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ....ให้คณะรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายที่แก้ไขล่าสุดสรุปว่าจะไม่มีการกำหนดส่วนต่าง
ระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก (สเปรด) รวมทั้งจะไม่กำหนดด้วยว่าต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดสเปรดเป็นรายปี
ด้วยการออกเป็นกฎกระทรวงหรือระเบียบ ธปท. แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด นอกจากนี้ จะมีการระบุถึงการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจของรัฐด้วย โดยอำนาจกำกับดูแลยังอยู่ที่ ก.คลัง แต่การควบคุมเป็นหน้าที่ของ ธปท. (ไทยโพสต์)
4. เจซีอาร์ปรับแนวโน้มระดับเครดิตของไทยในระดับที่มีเสถียรภาพ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ว่าที่ผู้อำนวยการสำนักงาน
บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศญี่ปุ่น (เจซีอาร์) ได้ปรับมุมมองแนวโน้มระดับเครดิตของไทยให้อยู่
ในระดับที่มีเสถียรภาพ และยกเลิกมุมมองระดับเครดิตของประเทศไทยที่ได้เฝ้าระวังระดับเครดิตที่เป็นลบออก เพราะเห็นว่าสถานการณ์ทางการ
เมืองได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประกอบกับสถานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งและสถานการณ์การคลังที่มีเสถียรภาพ จากเงินทุนสำรองระหว่าง
ประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่มีจำนวน 68,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็น 3.8 เท่าของหนี้ระยะสั้น และคิดเป็น 1.2 เท่าของหนี้
ต่างประเทศทั้งหมด (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การเจรจาการค้ารอบโดฮา สรอ.ไม่อาจดำเนินการเพียงลำพังได้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 49 ทางการสรอ.
เปิดเผยว่า ลำพังสรอ.ไม่อาจที่จะให้การเจรจาการค้ารอบโดฮาดำเนินต่อไปได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยุโรป และประเทศอื่นๆ ประนีประนอมต่อกัน
เพื่อให้การเจรจาทางการค้าสามารถดำเนินต่อไปได้ ทั้งนี้นาย Gretchen Hamel โฆษกและเป็นผู้แทนการค้าของสรอ. กล่าวว่าประเทศต่างๆ
ทั้งหมดรวมทั้งยุโรป และ สรอ.ต่างจำเป็นต้องแสดงความยืดหยุ่นในการเจรจากันทางการค้า ทั้งนี้นาย Peter Mandelson ผู้แทนการค้าของ
ยุโรปได้เรียกร้องให้สรอ. แสดงความคืบหน้าในการยกเลิกนโยบายให้การอุดหนุนภาคการเกษตร ในขณะที่ตัวแทนสรอ. โต้แย้งว่า ยุโรปหลีก
เลี่ยงการประชุมอย่างต่อเนื่องในส่วนเกี่ยวกับการอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพื่อลดความไม่เป็นธรรมของตลาดสินค้าจากนโยบายให้การอุดหนุน
ดังกล่าว โดยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่อินเดีย นาย Peter Mandelson กรรมาธิการการค้าของยุโรปได้กล่าวในที่ประชุมว่าสรอ.จำเป็น
ต้องยกเลิกการอุดหนุนสินค้าทางการเกษตร 2 — 3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือประมาณปีละ 20 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนยุโรปก็จะลดการ
อุดหนุนสินค้าทางการเกษตรเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
2. จีนจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์จากที่ดินสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่เป็นสองเท่าเพื่อชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 20 พ.ย.49 ก.คลังของจีนประกาศจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์จากที่ดินสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่เป็นสอง
เท่านับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป เพื่อชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคเอกชนซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยการลงทุนในตัวเมือง
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 49 ขยายตัวร้อยละ 26.8 ชะลอตัวลงจากอัตราสูงสุดร้อยละ 31.3 ในช่วงครึ่งปีแรก มาตรการดังกล่าวของรัฐบาลมุ่ง
ที่จะควบคุมไม่ให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมากเกินไปโดยปกป้องที่ดินเพื่อการเกษตรและป้องกันการใช้ที่ดินเกินความจำเป็น โดยปัจจุบันอัตราค่า
ธรรมเนียมการใช้ที่ดินในโครงการก่อสร้างใหม่จะอยู่ระหว่าง 5 หยวน (63 เซนต์) ถึง 70 หยวน ต่อตารางเมตร และรายได้ดังกล่าวจะ
แบ่งสรรให้รัฐบาลกลางร้อยละ 30 และรัฐบาลท้องถิ่นร้อยละ 70 ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลกลางพยายามออกมาตรการมาจูงใจให้รัฐบาลท้องถิ่นควบคุม
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรไม่ให้ขยายตัวเร็วเกินไป แต่อย่างไรก็ดี ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวรอาจกลับมาขยายตัวอย่างรวดเร็วอีก หากรัฐบาลกลางผ่อนคลายมาตรการการควบคุมลง (รอยเตอร์)
3. จีนตั้งเป้าส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนมูลค่า 120 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ภายใน 10 ปี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.49 จีนตั้งเป้าส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนมูลค่า 120 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของปริมาณการค้ายาน
พาหนะทั้งหมดของโลกภายใน 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา การส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย
ในปี 48 มูลค่าการส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนพุ่งขึ้นถึงระดับ 10.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากปีก่อนหน้า ปัจจุบันการ
ส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนของจีนคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.7 ของปริมาณการค้ายานพาหนะทั้งหมดของโลก ในขณะที่จีนเป็นตลาดชิ้นส่วนรถยนต์
ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สามารถดึงดูดบริษัทรถยนต์ยี่ห้อดังระดับโลก เช่น ฮุนได มอเตอร์ และ เยนเนอรัล มอเตอร์ ให้เข้าไปจัดตั้งสายการ
ผลิตยานพาหนะในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก (รอยเตอร์)
4. การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ปี 49 ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.7 เทียบต่อปี รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 20 พ.ย.49 รัฐบาลสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ภาวะการค้าของสิงคโปร์ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 49 ชะลอ
ตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.7 เทียบต่อปี จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.8 และต่ำกว่าที่รัฐบาลประมาณการก่อนหน้านี้ว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.0 ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาส 2 ปี 49 ภายหลังการทบทวนตัวเลขแล้วขยายตัวร้อยละ 3.9 ส่วน
ไตรมาสแรกขยายตัวแข็งแกร่งอย่างมากถึงร้อยละ 7.0 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปี 49 จะขยายตัวระหว่าง
ร้อยละ 7.5 — 8.0 จากร้อยละ 6.5 - 7.5 ที่รายงานเบื้องต้น และคาดว่าปี 50 เศรษฐกิจจะชะลอตัวระหว่างร้อยละ 4.0 — 6.0 อนึ่ง
นักวิเคราะห์กล่าวว่าสาเหตุสำคัญที่เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ชะลอตัว คือ ภาวะการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าหมวด
อิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงชะลอลง อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนอาจช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์กลับฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้
สำหรับการเติบโตของภาคบริการในไตรมาส 3 ปี 49 ก็อยู่ในภาวะชะลอตัวด้วย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมทั้งยอดขายปลีกในช่วงการ
ประชุมไอเอ็มเอฟและ ธ.โลกในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่รัฐบาลกล่าวเตือนว่า ควรเฝ้าติดตามการปรับปรุงสินค้า
คงคลังในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของหมวดอิเล็กทรอนิกส์ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หรือไม่ นอกจากนี้ ภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของสิงคโปร์ (สิงคโปร์ส่งออกสินค้าไปยัง สรอ.มากเป็น
อันดับ 2 รองจากสหภาพยุโรป) ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ชะลอตัวลงได้เช่นกัน
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 พ.ย. 49 20 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.613 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4181/36.7219 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 726.37/18.79 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,700/10,800 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.82 54.97 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 49 25.69*/23.84 25.69*/23.84 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--