3 พรรคฝ่ายค้าน ยินดีร่วมหาทางออกให้กับบ้านเมืองในเวทีสาธารณะ ที่พีเน็ตจัดขึ้น แต่ต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเพื่อเล่นเกมซื้อเวลา หาความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้ง อันส่อเค้าว่าจะมีการทุจริต และการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร
วันนี้(20 มี.ค. 49 ) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงจุดยืนของ 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านกรณีการเปิดเวทีสาธารณะของมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) เนื่องจากวันนี้มีการหารือ 3 ฝ่าย คือฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายพันธมิตร แต่เนื่องจากการประชุมไม่มีข้อสรุปใดที่จะเป็นข้อสรุปที่จะนำไปสู่การจัดเวทีสาธารณะในวันที่ 24 มี.ค. 49 และทางมูลนิธิองค์กรกลางจะนัดประชุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 22 มี.ค. แต่เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่กำลังจะมีการนำเวทีสาธารณะ หรือการจัดดีเบตของพีเน็ต นำมาเป็นการเล่นเกมทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล
พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังยืนยันจุดยืนในการเข้าร่วมกระบวนการเดิมในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศบนพื้นฐานของความโปร่งใสและบนพื้นฐานของเวทีสาธารณะ แต่เนื่องจากพีเน็ตมีที่มาที่ไป ซึ่งจำเป็นต้องชี้แจงให้ทราบว่าหนังสือเชิญของพีเน็ตมาถึงหัวพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 11 มี.ค.49 ได้มีการแจ้งรายละเอียดการจัดงานไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการถ่ายทอดสดทางสถานนีโทรทัศน์ และพบปะในที่สาธารณะ โดยมีการเชิญร่วมเจราจาในวันที่ 16 มี.ค. 49 ที่ผ่านมาทั้ง 3 ฝ่าย
ทางฝ่ายค้านได้ส่งตนเป็นผู้ไปเจราจา ซึ่งในวันดังกล่าวมี 2 ฝ่ายที่มาตามนัดคือฝ่ายค้านและฝ่ายพันธมิตร แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้มาร่วมด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะร่วมในเวทีสาธารณะมาแต่ต้น แต่เมื่อมีกระแสเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มี.ค. 49 ทางรัฐบาลจึงได้ประกาศว่าจะมาร่วมประชุมด้วยในวันที่ 20 มี.ค. 49 แต่มีการเสนอเงื่อนไข 2 ข้อคือ 1.ถ้ารัฐบาลตอบตกลงมาร่วมดีเบต ต้องมีการยุติการชุมนุมชั่วคราว 2.รัฐบาลพรรคไทยรักไทย เสนอว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ตกลงมาร่วมดีเบต จะต้องยุติการชุมนุมและทุกฝ่ายซึ่งรวมถึงฝ่ายค้านต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง
พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าการสร้างเงื่อนไขของรัฐบาลเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อการต่อรองและมีเจตนาที่จะทำให้การจัดเวทีสาธารณะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากฝ่ายค้านเห็นว่าความพยายามในการหาทางออกโดยการจัดเวทีสาธารณะเป็นเรื่องที่ เป็นจุดยืนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอยากเห็นและอยากจัดขึ้น
นายสาทิตย์ กล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงส่งตนไปร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ฝ่ายค้านยืนยันว่าถ้ามีการจัดเวทีสาธารณะ โดยที่มีผู้นำทุกฝ่ายมาและเป็นเวทีเปิดฝ่ายค้านยืนยันเข้าร่วมการจัดเวทีสาธารณะด้วย แต่ในที่สุดแล้วฝ่ายรัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ยัง ยืนยันที่จะเสนอเงื่อนไขโดยเรียกเงื่อนไขนั้น ว่าเป็นทางออกของประเทศ แต่พรรคฝ่ายค้านเห็นว่าการใช้คำพูดสวยหรู ว่าเป็นทางออกของประเทศนั้น แท้จริงแล้วเป็นการเล่นเกมซื้อเวลา และต้องการหาความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้ง ซึ่งส่อเค้าว่าจะมีการทุจริตและการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร ดังนั้นเงื่อนไขนี้จึงไม่ใช่การเสนอทางออก แต่เป็นทางปิดของการจัดเงื่อนไขในการจัดเวทีสาธารณะ ดังนั้นจุดยืนของรัฐบาลจึงแตกต่างจากฝ่ายอื่นโดยสิ้นเชิง ซึ่งในวันที่ 22 มี.ค.49 จะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฝ่ายมูลนิธิองค์กรกลางบอกว่าเป็นการยืนยันการจัดว่าใครอยากให้จัดก็มา ใครไม่อยากให้จัดก็มา
นายสาทิตย์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านของยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมร่วมการจัดเวทีเพื่อเจราจา แต่ต้องไม่มีเงื่อนไขหลังวันที่ 24 มี.ค. ว่าฝ่ายใดต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เช่นจะให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง หรือให้ยุติการชุมนุม หรือแม้แต่การเสนอเงื่อนไขอื่นใดก็ไม่สมควร เพราะควรให้เป็นไปด้วยดุลยพินิจของผู้นำทั้ง 3 ฝ่ายที่ขึ้นเจรจากันถ้าวันที่ 24 มี.ค. เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง และควรเป็นดุลยพินิจของประชาชนที่รับฟังการดีเบต หรือการถ่ายทอดสดที่จะเกิดขึ้นมากกว่า จะให้พรรคไทยรักไทยใช้เงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว ทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ
ฝ่ายค้านจะไม่ไปร่วมประชุมในวันที่ 22 มี.ค. 49 แต่หากฝ่ายมูลนิธิองค์กรกลางยืนยันว่าจะจัดเวทีเจรจาโดยไม่มีเงื่อนหลังวันที่ 24 กล่าวคือเงื่อนไขที่บอกว่ายุติการชุมนุม และยอมรับการเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเข้าร่วมเวทีสาธารณะทันที
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 มี.ค. 2549--จบ--
วันนี้(20 มี.ค. 49 ) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตัวแทนจากอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงจุดยืนของ 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านกรณีการเปิดเวทีสาธารณะของมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) เนื่องจากวันนี้มีการหารือ 3 ฝ่าย คือฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายพันธมิตร แต่เนื่องจากการประชุมไม่มีข้อสรุปใดที่จะเป็นข้อสรุปที่จะนำไปสู่การจัดเวทีสาธารณะในวันที่ 24 มี.ค. 49 และทางมูลนิธิองค์กรกลางจะนัดประชุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 22 มี.ค. แต่เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่กำลังจะมีการนำเวทีสาธารณะ หรือการจัดดีเบตของพีเน็ต นำมาเป็นการเล่นเกมทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล
พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังยืนยันจุดยืนในการเข้าร่วมกระบวนการเดิมในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศบนพื้นฐานของความโปร่งใสและบนพื้นฐานของเวทีสาธารณะ แต่เนื่องจากพีเน็ตมีที่มาที่ไป ซึ่งจำเป็นต้องชี้แจงให้ทราบว่าหนังสือเชิญของพีเน็ตมาถึงหัวพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 11 มี.ค.49 ได้มีการแจ้งรายละเอียดการจัดงานไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการถ่ายทอดสดทางสถานนีโทรทัศน์ และพบปะในที่สาธารณะ โดยมีการเชิญร่วมเจราจาในวันที่ 16 มี.ค. 49 ที่ผ่านมาทั้ง 3 ฝ่าย
ทางฝ่ายค้านได้ส่งตนเป็นผู้ไปเจราจา ซึ่งในวันดังกล่าวมี 2 ฝ่ายที่มาตามนัดคือฝ่ายค้านและฝ่ายพันธมิตร แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้มาร่วมด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะร่วมในเวทีสาธารณะมาแต่ต้น แต่เมื่อมีกระแสเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มี.ค. 49 ทางรัฐบาลจึงได้ประกาศว่าจะมาร่วมประชุมด้วยในวันที่ 20 มี.ค. 49 แต่มีการเสนอเงื่อนไข 2 ข้อคือ 1.ถ้ารัฐบาลตอบตกลงมาร่วมดีเบต ต้องมีการยุติการชุมนุมชั่วคราว 2.รัฐบาลพรรคไทยรักไทย เสนอว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ตกลงมาร่วมดีเบต จะต้องยุติการชุมนุมและทุกฝ่ายซึ่งรวมถึงฝ่ายค้านต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง
พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าการสร้างเงื่อนไขของรัฐบาลเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อการต่อรองและมีเจตนาที่จะทำให้การจัดเวทีสาธารณะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากฝ่ายค้านเห็นว่าความพยายามในการหาทางออกโดยการจัดเวทีสาธารณะเป็นเรื่องที่ เป็นจุดยืนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอยากเห็นและอยากจัดขึ้น
นายสาทิตย์ กล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงส่งตนไปร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ฝ่ายค้านยืนยันว่าถ้ามีการจัดเวทีสาธารณะ โดยที่มีผู้นำทุกฝ่ายมาและเป็นเวทีเปิดฝ่ายค้านยืนยันเข้าร่วมการจัดเวทีสาธารณะด้วย แต่ในที่สุดแล้วฝ่ายรัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ยัง ยืนยันที่จะเสนอเงื่อนไขโดยเรียกเงื่อนไขนั้น ว่าเป็นทางออกของประเทศ แต่พรรคฝ่ายค้านเห็นว่าการใช้คำพูดสวยหรู ว่าเป็นทางออกของประเทศนั้น แท้จริงแล้วเป็นการเล่นเกมซื้อเวลา และต้องการหาความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้ง ซึ่งส่อเค้าว่าจะมีการทุจริตและการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร ดังนั้นเงื่อนไขนี้จึงไม่ใช่การเสนอทางออก แต่เป็นทางปิดของการจัดเงื่อนไขในการจัดเวทีสาธารณะ ดังนั้นจุดยืนของรัฐบาลจึงแตกต่างจากฝ่ายอื่นโดยสิ้นเชิง ซึ่งในวันที่ 22 มี.ค.49 จะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฝ่ายมูลนิธิองค์กรกลางบอกว่าเป็นการยืนยันการจัดว่าใครอยากให้จัดก็มา ใครไม่อยากให้จัดก็มา
นายสาทิตย์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านของยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมร่วมการจัดเวทีเพื่อเจราจา แต่ต้องไม่มีเงื่อนไขหลังวันที่ 24 มี.ค. ว่าฝ่ายใดต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เช่นจะให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง หรือให้ยุติการชุมนุม หรือแม้แต่การเสนอเงื่อนไขอื่นใดก็ไม่สมควร เพราะควรให้เป็นไปด้วยดุลยพินิจของผู้นำทั้ง 3 ฝ่ายที่ขึ้นเจรจากันถ้าวันที่ 24 มี.ค. เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง และควรเป็นดุลยพินิจของประชาชนที่รับฟังการดีเบต หรือการถ่ายทอดสดที่จะเกิดขึ้นมากกว่า จะให้พรรคไทยรักไทยใช้เงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว ทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ
ฝ่ายค้านจะไม่ไปร่วมประชุมในวันที่ 22 มี.ค. 49 แต่หากฝ่ายมูลนิธิองค์กรกลางยืนยันว่าจะจัดเวทีเจรจาโดยไม่มีเงื่อนหลังวันที่ 24 กล่าวคือเงื่อนไขที่บอกว่ายุติการชุมนุม และยอมรับการเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเข้าร่วมเวทีสาธารณะทันที
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 มี.ค. 2549--จบ--