ผู้ส่งออกน้ำตาลไทยไชโย - ไทยชนะคดีฟ้องร้องสหภาพยุโรปเรื่องน้ำตาล

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 3, 2005 13:55 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

          นางอภิรดี   ตันตราภรณ์  อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้ร่วมกับออสเตรเลียและบราซิลฟ้องร้องสหภาพยุโรปภายใต้กระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) เรื่อง สหภาพยุโรป ให้การอุดหนุนส่งออกน้ำตาลเกินกว่าข้อผูกพันภายใต้ WTO  โดยเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2547 คณะผู้พิจารณา (Panel) ได้มีข้อตัดสินขั้นสุดท้ายว่าสหภาพยุโรปได้ให้การอุดหนุนการส่งออกสินค้าน้ำตาลเกินกว่าปริมาณและมูลค่าที่ผูกพันไว้ใน WTO จริงตามที่ถูกกล่าวหา  ดังนั้น  สหภาพฯ จะต้องปรับระบบการอุดหนุนให้เป็นไปตามข้อผูกพัน  แต่สหภาพยุโรป ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินดังกล่าว ทำให้คดียืดเยื้อออกไป
นางอภิรดีฯ กล่าวต่อว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2548 องค์กรอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ไทยชนะคดี โดยยืนตามคำตัดสินของคณะผู้พิจารณาว่า ระบบน้ำตาลของสหภาพยุโรป ขัดต่อความตกลงเกษตร เนื่องสหภาพฯ ให้การอุดหนุนกับผู้ผลิตน้ำตาลในสหภาพฯสูงกว่าที่ได้ผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงเกษตร ทำให้ไทยได้รับความเสียหาย และสหภาพฯจะต้องระงับการอุดหนุนในส่วนที่เกินกว่าที่ได้ผูกพันไว้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2549 เป็นอย่างช้า
สหภาพยุโรปมีนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศสูงมาก โดยให้การอุดหนุน การผลิตน้ำตาลภายในประเทศ ณ ราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกกว่าเท่าตัว และมีการอุดหนุนส่งออกเพื่อระบายสต็อกน้ำตาลส่วนเกินในประเทศออกต่างประเทศ จนส่งผลกระทบให้ราคาน้ำตาลตลาดโลกตกต่ำ
นางอภิรดี ยังกล่าวต่อว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทย ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และมีประชากรในอุตสาหกรรมนี้กว่า 1.5 ล้านคนที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาน้ำตาลตลาดโลกตกต่ำ ไทยจึงได้ร่วมกับออสเตรเลียและบราซิลฟ้องร้องสหภาพยุโรปที่ให้การอุดหนุนส่งออกน้ำตาลในปริมาณที่สูงกว่าที่ได้รับอนุญาตภายใต้ WTO ใน 2 ประเด็นหลัก คือ
1. สหภาพยุโรปให้การอุดหนุนโดยกำหนดราคารับซื้อน้ำตาลโควตา A และ B ในระดับที่สูงมาก จนเกษตรกรสามารถผลิตและส่งออกน้ำตาลส่วนที่เกินกว่าโควตาดังกล่าว (น้ำตาลโควตา C) ไปจำหน่ายยังตลาดโลกในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน (น้ำตาลโควตา A และ B จะได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ขณะที่น้ำตาลโควตา C จะไม่ได้รับการอุดหนุนและห้ามจำหน่ายในประเทศ ต้องส่งออกเพียงอย่างเดียว)
2.สหภาพยุโรปนำเข้าน้ำตาลทรายดิบจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดจำนวนหนึ่งภายใต้โครงการการให้สิทธิพิเศษทางการค้าประมาณกว่า 1.2-1.4 ล้านตันต่อปี เพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำตาลทรายขาวและส่งออกไปตลาดโลกโดยได้รับการอุดหนุนส่งออก
เมื่อรวมการอุดหนุนส่งออกที่สหภาพยุโรปให้กับน้ำตาลโควตา C และน้ำตาลทรายขาวที่ผลิตจากน้ำตาลดิบที่นำเข้าจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับสิทธิพิเศษข้างต้น ก็จะทำให้สหภาพยุโรปมีปริมาณการอุดหนุนส่งออกรวมเป็นปริมาณ 4.77 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,139 ล้านยูโร เกินกว่าเพดานที่ผูกพันไว้กับ WTO ภายใต้ความตกลงเกษตร ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1.274 ล้านตัน โดยคิดเป็นเงินอุดหนุนไม่เกิน 499.10 ล้านยูโร/ปี
คำตัดสินขององค์กรอุทธรณ์ถือเป็นที่สิ้นสุด จึงถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของไทยเพราะคำตัดสินดังกล่าวจะทำให้สหภาพฯ ต้องลดการอุดหนุนส่งออกน้ำตาลลงประมาณปีละ 4 ล้านตัน โดยไทยได้รับความเสียหายจากการอุดหนุนดังกล่าวคิดเป็นเงินประมาณ 6,493 ล้านบาทในปี 2545 ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้น และทำให้ไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกสามารถส่งออกน้ำตาลได้ในปริมาณและราคาที่สูงขึ้นด้วย นางอภิรดีกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ