นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2549-2550 ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2549 น่าจะขยายตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2550 คาดว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.0-5.0 ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ขณะที่ภาคการส่งออกที่เคยขยายตัวได้ดีในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวลดลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เศรษฐกิจไทยในปี 2549
เศรษฐกิจไทยในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายนอกประเทศสุทธิ กล่าวคือ ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี สูงขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.4 ต่อปี เนื่องจากฐานการนำเข้าที่สูงผิดปกติหลายรายการในปี 2548 เช่น น้ำมันดิบ เหล็ก ทองคำ และเครื่องบิน เป็นต้น และการชะลอตัวลงของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยการบริโภครวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ต่อปี ชะลอลงจากปี 2548 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่อปี ในขณะที่ การลงทุนรวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ต่อปี จากปี 2548 ที่มีการขยายตัวสูงร้อยละ 11.4 ต่อปี
ในด้านเสถียรภาพภายนอก คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2549 จะกลับมาเกินดุล ประมาณร้อยละ 2.1 ของ GDP ปรับตัวดีขึ้นจากที่เคยขาดดุลสูงร้อยละ -2.0 ของ GDP ในปี 2548 โดยสาเหตุที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนมาจากการขาดดุลการค้าที่ลดลงตามมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวสูงกว่ามูลค่าการนำเข้าค่อนข้างมาก และการปรับตัวดีขึ้นของดุลบริการที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 16.5 ต่อปี ตามอุปสงค์ในตลาดโลกที่สูงขึ้นทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ จะขยายตัวในอัตราชะลอลงเหลือร้อยละ 7.8 ต่อปี ตามปริมาณและราคาสินค้านำเข้าที่ชะลอตัวลง
ในด้านเสถียรภาพภายในคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2549 จะขยายตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในครึ่งปีแรกจะอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 5.9 ต่อปี แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงค่อนข้างมากตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบ และค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตสินค้าถูกลง ประกอบกับฐานดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 อยู่ในระดับสูง หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในช่วงครึ่งหลังของปีก่อน
2. เศรษฐกิจไทยในปี 2550
เศรษฐกิจไทยในปี 2550 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0-5.0 ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยรองรับการลดลงของการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยการบริโภครวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2550 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.7-4.7 ต่อปี เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2550 ประกอบกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น จะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนรวมของภาครัฐและเอกชนคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 5.6-6.6 ต่อปี เนื่องจากคาดว่าการลงทุนภาครัฐในปี 2550 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการจัดทำงบประมาณที่เร็วขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ (Crowding-in Effect) และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนจากปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะอ่อนแรงลง ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่จะขยายตัวชะลอลงในปี 2550 โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2550 จะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.8-6.8 ต่อปี ขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2550 จะเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.4-7.4 ต่อปี ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนจากปริมาณการส่งออกสุทธิปรับตัวลดลงจากปีก่อน
ในด้านเสถียรภาพภายนอก คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2550 จะยังคงเกินดุลที่ร้อยละ 0.3-2.3 ของ GDP เนื่องจากการเกินดุลบริการ โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2550 คาดว่า จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนมาอยู่ร้อยละ 9.2-11.2 ต่อปี ตามการชะลอตัวของประเทศคู่ค้า ขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2550 จะกลับมาขยายตัวเร่งขึ้น ที่ร้อยละ 9.6-11.6 ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ
ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายใน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2550 จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1-3.1 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลงต่อเนื่อง
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 28/2549 29 พฤศจิกายน 2549--
1. เศรษฐกิจไทยในปี 2549
เศรษฐกิจไทยในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายนอกประเทศสุทธิ กล่าวคือ ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี สูงขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.4 ต่อปี เนื่องจากฐานการนำเข้าที่สูงผิดปกติหลายรายการในปี 2548 เช่น น้ำมันดิบ เหล็ก ทองคำ และเครื่องบิน เป็นต้น และการชะลอตัวลงของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยการบริโภครวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ต่อปี ชะลอลงจากปี 2548 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่อปี ในขณะที่ การลงทุนรวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ต่อปี จากปี 2548 ที่มีการขยายตัวสูงร้อยละ 11.4 ต่อปี
ในด้านเสถียรภาพภายนอก คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2549 จะกลับมาเกินดุล ประมาณร้อยละ 2.1 ของ GDP ปรับตัวดีขึ้นจากที่เคยขาดดุลสูงร้อยละ -2.0 ของ GDP ในปี 2548 โดยสาเหตุที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนมาจากการขาดดุลการค้าที่ลดลงตามมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวสูงกว่ามูลค่าการนำเข้าค่อนข้างมาก และการปรับตัวดีขึ้นของดุลบริการที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 16.5 ต่อปี ตามอุปสงค์ในตลาดโลกที่สูงขึ้นทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ จะขยายตัวในอัตราชะลอลงเหลือร้อยละ 7.8 ต่อปี ตามปริมาณและราคาสินค้านำเข้าที่ชะลอตัวลง
ในด้านเสถียรภาพภายในคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2549 จะขยายตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในครึ่งปีแรกจะอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 5.9 ต่อปี แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงค่อนข้างมากตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบ และค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตสินค้าถูกลง ประกอบกับฐานดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 อยู่ในระดับสูง หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในช่วงครึ่งหลังของปีก่อน
2. เศรษฐกิจไทยในปี 2550
เศรษฐกิจไทยในปี 2550 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0-5.0 ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยรองรับการลดลงของการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยการบริโภครวมภาครัฐและเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 2550 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.7-4.7 ต่อปี เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2550 ประกอบกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น จะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนรวมของภาครัฐและเอกชนคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 5.6-6.6 ต่อปี เนื่องจากคาดว่าการลงทุนภาครัฐในปี 2550 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการจัดทำงบประมาณที่เร็วขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ (Crowding-in Effect) และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนจากปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะอ่อนแรงลง ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่จะขยายตัวชะลอลงในปี 2550 โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2550 จะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.8-6.8 ต่อปี ขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2550 จะเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.4-7.4 ต่อปี ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนจากปริมาณการส่งออกสุทธิปรับตัวลดลงจากปีก่อน
ในด้านเสถียรภาพภายนอก คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2550 จะยังคงเกินดุลที่ร้อยละ 0.3-2.3 ของ GDP เนื่องจากการเกินดุลบริการ โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2550 คาดว่า จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนมาอยู่ร้อยละ 9.2-11.2 ต่อปี ตามการชะลอตัวของประเทศคู่ค้า ขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2550 จะกลับมาขยายตัวเร่งขึ้น ที่ร้อยละ 9.6-11.6 ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ
ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายใน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2550 จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1-3.1 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลงต่อเนื่อง
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 28/2549 29 พฤศจิกายน 2549--