วันนี้ (14 ก.ย.49) เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธิอมร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานตรวจสอบความเป็นนอมินีของบริษัทต่างด้าวของนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาเปิดเผยว่า จะทำการตรวจสอบความเป็นนอมินีอีก 16 บริษัทเพิ่มเติมว่า ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ทราบข่าวมาก่อนหน้านี้ แต่ทางกระทรวงพาญิชย์ไม่เคยประกาศ ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่า ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน คนไหนมีเหตุผลอันควรที่จะไปตรวจสอบทำได้ พรรคสนับสนุน แต่ควรจะมีการชี้แจงเหตุผลและการร้องเรียนตัวตนของบุคคลที่ร้องเรียนให้ชัดเจน
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ตนทราบมาใน 16 บริษัทที่อ้างถึงบางกรณีจะเป็นใบปลิวมา บางกรณีก็จะมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาจากกลุ่มที่ไม่ได้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย บางกรณีมีการให้ชื่อแต่ไม่ให้เหตุผลที่จะมีการตรวจสอบ บางชื่อที่อยู่ในขั้นที่บุคคลที่กำลังถูกกล่าวเป็นคนที่บอกให้กรรมการไปสอบ ตรงนี้จึงมีความน่าเป็นห่วงว่า บรรทัดฐานการดำเนินการในการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างไร
“ประการถัดไปก็คือว่า คณะกรรมการชุดนี้จากคำสั่งแต่งตั้ง ผมไม่เชื่อว่า ในทางกฎหมายมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่ ในเรื่องนี้คณะกรรมการต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า มีอำนาจหรือไม่ แต่ตามมาตราต่างๆ และกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่อ้างถึงในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ นักกฎหมายหลายคนและพรรคตีความตรงกันว่า ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.การกประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เห็นได้ชัดว่า ยังทำตัวเป็นผู้รับเรื่องและเป็นผู้ดำเนินการต่อจึงไม่น่าจะถูกต้อง” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อไปว่า อีกประการที่อยากจะตั้งข้อสังเกตคือ ในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่มีกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2542 มีกรณีทีร้องเรียนเข้ามาเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้นแทน ตนเป็นคณะกรรมการตั้งแต่ปี 2542 — 2547 ทราบดีว่ากระบวนการร้องเรียนจะยื่นไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาโดยตลอดและการสอบข้อเท็จจริงก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐานของแต่ละกรณี ซึ่งมีความแตกต่างกัน
“แต่ครั้งนี้ทำไมมีการร้องเรียนไปยังนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ทุกครั้งตั้งแต่มีการยืนยันว่า การตรวจสอบเสร็จสิ้น โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมที่จะดำเนินการต่อตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นทุกเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาจะผ่านนายปรีชาทั้งสิ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ อีกหลายกรณีที่ผ่านมาก็ดำเนินการโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามเขตอำนาจของกรมฯ จะมีหุผลอย่างไรก็แล้วแต่กรณี” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติกล่าวต่อไปว่า ตนอยากจะให้ทางนายยรรยงไปตรวจสอบตัวเองในเรื่องของขอบเขตอำนาจของกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมา ในขณะเดียวกันนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนถามไปหลายรอบ นายสมคิดบอกให้ไปถามคนอื่นทุกที นายสมคิดเป็นรัฐมนตรีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงขอให้นายสมคิดออกมาชี้แจง คนในสังคมตอนนี้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในกระทรวงพาณิชย์ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ย. 2549--จบ--
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ตนทราบมาใน 16 บริษัทที่อ้างถึงบางกรณีจะเป็นใบปลิวมา บางกรณีก็จะมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาจากกลุ่มที่ไม่ได้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย บางกรณีมีการให้ชื่อแต่ไม่ให้เหตุผลที่จะมีการตรวจสอบ บางชื่อที่อยู่ในขั้นที่บุคคลที่กำลังถูกกล่าวเป็นคนที่บอกให้กรรมการไปสอบ ตรงนี้จึงมีความน่าเป็นห่วงว่า บรรทัดฐานการดำเนินการในการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างไร
“ประการถัดไปก็คือว่า คณะกรรมการชุดนี้จากคำสั่งแต่งตั้ง ผมไม่เชื่อว่า ในทางกฎหมายมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่ ในเรื่องนี้คณะกรรมการต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า มีอำนาจหรือไม่ แต่ตามมาตราต่างๆ และกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่อ้างถึงในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ นักกฎหมายหลายคนและพรรคตีความตรงกันว่า ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.การกประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เห็นได้ชัดว่า ยังทำตัวเป็นผู้รับเรื่องและเป็นผู้ดำเนินการต่อจึงไม่น่าจะถูกต้อง” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อไปว่า อีกประการที่อยากจะตั้งข้อสังเกตคือ ในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่มีกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2542 มีกรณีทีร้องเรียนเข้ามาเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้นแทน ตนเป็นคณะกรรมการตั้งแต่ปี 2542 — 2547 ทราบดีว่ากระบวนการร้องเรียนจะยื่นไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาโดยตลอดและการสอบข้อเท็จจริงก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐานของแต่ละกรณี ซึ่งมีความแตกต่างกัน
“แต่ครั้งนี้ทำไมมีการร้องเรียนไปยังนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ทุกครั้งตั้งแต่มีการยืนยันว่า การตรวจสอบเสร็จสิ้น โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมที่จะดำเนินการต่อตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นทุกเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาจะผ่านนายปรีชาทั้งสิ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ อีกหลายกรณีที่ผ่านมาก็ดำเนินการโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามเขตอำนาจของกรมฯ จะมีหุผลอย่างไรก็แล้วแต่กรณี” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติกล่าวต่อไปว่า ตนอยากจะให้ทางนายยรรยงไปตรวจสอบตัวเองในเรื่องของขอบเขตอำนาจของกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมา ในขณะเดียวกันนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนถามไปหลายรอบ นายสมคิดบอกให้ไปถามคนอื่นทุกที นายสมคิดเป็นรัฐมนตรีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงขอให้นายสมคิดออกมาชี้แจง คนในสังคมตอนนี้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในกระทรวงพาณิชย์ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ย. 2549--จบ--