ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงิน รมว.คลัง
เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงินในประเทศ
ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอ โดยคณะกรรมการจะประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด
หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่ดูแลตลาดทุน และ ก.พาณิชย์ ดูแลธุรกิจประกันภัย โดยมี รมว.คลังเป็นประธาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะทำหน้าที่ประสานงานในการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงิน อนึ่ง ก่อนหน้านี้
มีข้อเสนอเกี่ยวกับการแยกการกำกับดูแลสถาบันการเงินออกจาก ธปท. เป็นองค์กรต่างหากเช่นเดียวกับ ก.ล.ต.
ที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ก.คลัง ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จึงเห็นว่าควรมีการจัดตั้งเป็น
ลักษณะคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาก่อน และหากมีความจำเป็นต้องแยกกำกับดูแลสถาบันการเงินหรือธุรกิจประกันภัยออก
จากหน่วยงานกำกับดูแลเดิม ก็สามารถเสนอ ครม.พิจารณาได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, ข่าวสด)
2. การออมของครัวเรือนไทยในปี 48 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) รายงานถึงฐานะการออมของครัวเรือนไทยผ่านยอดการฝากเงินภาคธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ
ของรัฐ และบริษัทเงินทุน ณ สิ้นปี 48 พบว่า ครัวเรือนไทยมีการออมเงินเพิ่มขึ้นจากปี 47 ในระดับต่ำ โดยสิ้นปี 48
เงินรับฝากจากครัวเรือนของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และบริษัทเงินทุนมีทั้งสิ้น 5,039,823 ล.บาท
เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปี 47 เพียง 1.58% ของยอดเงินฝากภาคครัวเรือนรวม นอกจากนี้ อธิบดีกรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสถาบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 48
จำนวน 14,650 แห่ง ซึ่งมีสมาชิก 9.6 ล.คน พบว่าธุรกิจสินเชื่อมีการเติบโตขึ้นถึง 8% คิดเป็นมูลค่ากว่า
559,358 ล.บาท จากปี 46 ที่มีมูลค่า 453,563 ล.บาท โดยหากพิจารณาเปรียบเทียบสัดส่วนของเงินออมกับ
หนี้สินของสมาชิกแล้ว พบว่ามีเงินออมเฉลี่ย 53,946 บาทต่อคน ขณะที่มีหนี้สินเฉลี่ย 60,507 บาทต่อคน ซึ่งไม่
สมดุลและต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะภาคเกษตรมีอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงถึง 97.63% (ผู้จัดการรายวัน,
ข่าวสด)
3. ธปท.ตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อยกระดับ 2 ธย. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการยกระดับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) ไทยเคหะ และบริษัทเงินทุน(บง.)
เอไอจี ไฟแนนซ์ ขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) ว่า หลังจากการตรวจสอบคุณสมบัติของทั้ง 2 แห่ง
เห็นว่าไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ติดใจ น่าจะสามารถขึ้นเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องนำข้อมูลที่
พิจารณาแล้วทั้งหมดเสนอคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ซึ่งมีผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธานพิจารณาในขั้นสุดท้าย
ก่อนเสนอ ก.คลังพิจารณาอีกครั้ง (โลกวันนี้, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. สศช.ยืนยันเศรษฐกิจไทยยังคงเข้มแข็ง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ฐานะทางเศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็งมาก เห็นได้จากตัวเลข
สำคัญที่เป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น ทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง อัตราการว่างงานที่ต่ำมาก รวม
ถึงดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งนี้ สศช.ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 49 ที่ระดับ 4.75-5.75%
เนื่องจากการลงทุนภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนยังคงเดินหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าดุลการค้าจะขาดดุล
10.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.(4 แสน ล.บาท) เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าทุนและปัจจัยการผลิตเพื่อสนับสนุน
การส่งออก ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุลประมาณ 4-4.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรืออยู่ที่ 2.25% ของ
จีดีพี สำหรับการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 15% (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษในรอบ 3 เดือนถึงเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ
+9 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 16 ก.พ. 49 The Royal Institution of Chartered Surveyors
(RICS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษในรอบ 3 เดือนถึงเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ
+9 จากระดับ +8 ในเดือน ธ.ค.48 ทั้งนี้ ราคาบ้านในอังกฤษเคยอยู่ในระดับสูงสุดที่ +18 เมื่อเดือน มิ.ย.47
ซึ่ง RICS กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในขณะนี้ยังอยู่ในระดับประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยระยะ
ยาว อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านในอนาคตและจำนวนบ้านที่พร้อมจำหน่ายลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวมามากกว่า 1 ปี นอกจากนี้
เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนคำถามจากผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ขณะที่อัตราส่วนของยอดขายต่อ
จำนวนบ้านที่สร้างเสร็จพร้อมขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเงื่อนไขในตลาดอสังหาริมทรัพย์
จะยังคงเข้มงวดต่อไป (รอยเตอร์)
2. อัตราว่างงานของเกาหลีใต้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.49 ต่ำสุดในรอบ
33 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ 16 ก.พ.49 อัตราว่างงานของเกาหลีใต้หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลง
มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.49 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน และอยู่ในระดับต่ำกว่าผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่
คาดว่าอัตราว่างงานในเดือน ม.ค.49 จะคงที่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือน ธ.ค.48 โดยจำนวนคนมีงานทำหลัง
ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 23.11 ล้านคนจาก 22.96 ล้านคนในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อเดือน
หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้น 209,000 คนในเดือน ก.ย.47 โดยการจ้างงานในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ธุรกิจภัตตาคาร
และโรงแรมเพิ่มขึ้นจำนวน 13,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อปีเป็นครั้งแรกในรอบ
14 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการในประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ทั้งนี้
ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าการบริโภคในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปีนี้หลังจากขยายตัวร้อยละ 3.2 ใน
ปีก่อนและคาดว่าอัตราว่างงานของทั้งปีนี้จะลดลงเหลือร้อยละ 3.6 จากร้อยละ 3.8 ในปีก่อน นอกจากนี้ทั้ง
ธ.กลางและ ก.คลังของเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 จากร้อยละ 4 ในปีก่อน
จากการฟื้นตัวของความต้องการในประเทศและการส่งออก (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 13 ต่อปีในไตรมาสสุดท้ายปี 48 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 16 ก.พ.49 เศรษฐกิจสิงคโปร์ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
ขยายตัวร้อยละ 13 ต่อปีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.9 โดยหาก
เทียบต่อปีแล้ว เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 ขยายตัวร้อยละ 8.7 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
8.1 ส่งผลให้ทั้งปี 48 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 6.4 ต่อปี สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
6.2 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และกิจการอู่ต่อเรือของสิงคโปร์ นอกจาก
นี้ผลผลิตอุตสาหกรรมยาก็มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 ขยายตัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับเพิ่ม
ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จากระหว่างร้อยละ 3 — 5 เป็นระหว่างร้อยละ 4 — 6 ต่อปี
(รอยเตอร์)
4. รายได้จากการจัดเก็บภาษีของเยอรมนีในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
6.6 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 49 หนังสือพิมพ์ Handelsblatt อ้างแหล่งข่าวทางการเยอรมนี
ว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีของเยอรมนีในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ในเดือน
ธ.ค. ตัวเลขเทียบต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน ทำให้คาดว่าทางการเยอรมนีจะ
ปรับเพิ่มประมาณการณ์รายได้จากการจัดเก็บภาษีจากที่ได้คาดการณ์ไว้เดิม ทั้งนี้เมื่อเดือน พ.ย. กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทาง
ด้านภาษีซึ่งจะประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 2 ครั้ง ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการ
จัดเก็บภาษีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้เยอรมนีไม่อาจบรรลุข้อตกลงเรื่อง
งบประมาณขาดดุลของ EU ที่กำหนดให้การขาดดุลงบประมาณไม่เกินกว่าร้อยละ 3.0 ของ GDP ได้ โดยคาดว่า
ในปี 49 รัฐบาลเยอรมนีจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 457.4 พัน ล. ยูโร(544.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)
ทั้งนี้ในเดือน ม.ค. 49 ยอดจัดเก็บภาษีรายได้ และภาษีการขายในเดือน ม.ค. ต่างเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่า
ในปี 49 นี้เยอรมนีจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณขาดดุลดังกล่าวได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน แต่คาดว่าจะ
สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณขาดดุลของ EU ได้ในปี 50 เนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีการขายร้อยละ 3.0
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.พ. 49 15 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร
(Bht/1US$) 39.353 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขาย
ถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1486/39.4433 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ.
ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.3000 2.1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย
(พันล้านบาท) 725.73/ 14.99 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 10,150/10,250 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.44 55.49 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ
16 ก.พ. 49 26.04*/24.29** 26.44/24.29** 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 ก.พ. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงิน รมว.คลัง
เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงินในประเทศ
ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอ โดยคณะกรรมการจะประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด
หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่ดูแลตลาดทุน และ ก.พาณิชย์ ดูแลธุรกิจประกันภัย โดยมี รมว.คลังเป็นประธาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะทำหน้าที่ประสานงานในการพัฒนาระบบการเงินและสถาบันการเงิน อนึ่ง ก่อนหน้านี้
มีข้อเสนอเกี่ยวกับการแยกการกำกับดูแลสถาบันการเงินออกจาก ธปท. เป็นองค์กรต่างหากเช่นเดียวกับ ก.ล.ต.
ที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ก.คลัง ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จึงเห็นว่าควรมีการจัดตั้งเป็น
ลักษณะคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาก่อน และหากมีความจำเป็นต้องแยกกำกับดูแลสถาบันการเงินหรือธุรกิจประกันภัยออก
จากหน่วยงานกำกับดูแลเดิม ก็สามารถเสนอ ครม.พิจารณาได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, ข่าวสด)
2. การออมของครัวเรือนไทยในปี 48 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) รายงานถึงฐานะการออมของครัวเรือนไทยผ่านยอดการฝากเงินภาคธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ
ของรัฐ และบริษัทเงินทุน ณ สิ้นปี 48 พบว่า ครัวเรือนไทยมีการออมเงินเพิ่มขึ้นจากปี 47 ในระดับต่ำ โดยสิ้นปี 48
เงินรับฝากจากครัวเรือนของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และบริษัทเงินทุนมีทั้งสิ้น 5,039,823 ล.บาท
เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปี 47 เพียง 1.58% ของยอดเงินฝากภาคครัวเรือนรวม นอกจากนี้ อธิบดีกรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสถาบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 48
จำนวน 14,650 แห่ง ซึ่งมีสมาชิก 9.6 ล.คน พบว่าธุรกิจสินเชื่อมีการเติบโตขึ้นถึง 8% คิดเป็นมูลค่ากว่า
559,358 ล.บาท จากปี 46 ที่มีมูลค่า 453,563 ล.บาท โดยหากพิจารณาเปรียบเทียบสัดส่วนของเงินออมกับ
หนี้สินของสมาชิกแล้ว พบว่ามีเงินออมเฉลี่ย 53,946 บาทต่อคน ขณะที่มีหนี้สินเฉลี่ย 60,507 บาทต่อคน ซึ่งไม่
สมดุลและต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะภาคเกษตรมีอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงถึง 97.63% (ผู้จัดการรายวัน,
ข่าวสด)
3. ธปท.ตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อยกระดับ 2 ธย. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการยกระดับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) ไทยเคหะ และบริษัทเงินทุน(บง.)
เอไอจี ไฟแนนซ์ ขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) ว่า หลังจากการตรวจสอบคุณสมบัติของทั้ง 2 แห่ง
เห็นว่าไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ติดใจ น่าจะสามารถขึ้นเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องนำข้อมูลที่
พิจารณาแล้วทั้งหมดเสนอคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ซึ่งมีผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธานพิจารณาในขั้นสุดท้าย
ก่อนเสนอ ก.คลังพิจารณาอีกครั้ง (โลกวันนี้, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. สศช.ยืนยันเศรษฐกิจไทยยังคงเข้มแข็ง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ฐานะทางเศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็งมาก เห็นได้จากตัวเลข
สำคัญที่เป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น ทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง อัตราการว่างงานที่ต่ำมาก รวม
ถึงดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งนี้ สศช.ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 49 ที่ระดับ 4.75-5.75%
เนื่องจากการลงทุนภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนยังคงเดินหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าดุลการค้าจะขาดดุล
10.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.(4 แสน ล.บาท) เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าทุนและปัจจัยการผลิตเพื่อสนับสนุน
การส่งออก ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุลประมาณ 4-4.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรืออยู่ที่ 2.25% ของ
จีดีพี สำหรับการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 15% (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษในรอบ 3 เดือนถึงเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ
+9 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 16 ก.พ. 49 The Royal Institution of Chartered Surveyors
(RICS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษในรอบ 3 เดือนถึงเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ
+9 จากระดับ +8 ในเดือน ธ.ค.48 ทั้งนี้ ราคาบ้านในอังกฤษเคยอยู่ในระดับสูงสุดที่ +18 เมื่อเดือน มิ.ย.47
ซึ่ง RICS กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในขณะนี้ยังอยู่ในระดับประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยระยะ
ยาว อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านในอนาคตและจำนวนบ้านที่พร้อมจำหน่ายลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวมามากกว่า 1 ปี นอกจากนี้
เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนคำถามจากผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ขณะที่อัตราส่วนของยอดขายต่อ
จำนวนบ้านที่สร้างเสร็จพร้อมขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเงื่อนไขในตลาดอสังหาริมทรัพย์
จะยังคงเข้มงวดต่อไป (รอยเตอร์)
2. อัตราว่างงานของเกาหลีใต้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.49 ต่ำสุดในรอบ
33 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ 16 ก.พ.49 อัตราว่างงานของเกาหลีใต้หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลง
มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.49 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน และอยู่ในระดับต่ำกว่าผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่
คาดว่าอัตราว่างงานในเดือน ม.ค.49 จะคงที่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือน ธ.ค.48 โดยจำนวนคนมีงานทำหลัง
ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 23.11 ล้านคนจาก 22.96 ล้านคนในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อเดือน
หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้น 209,000 คนในเดือน ก.ย.47 โดยการจ้างงานในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ธุรกิจภัตตาคาร
และโรงแรมเพิ่มขึ้นจำนวน 13,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อปีเป็นครั้งแรกในรอบ
14 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการในประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ทั้งนี้
ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าการบริโภคในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปีนี้หลังจากขยายตัวร้อยละ 3.2 ใน
ปีก่อนและคาดว่าอัตราว่างงานของทั้งปีนี้จะลดลงเหลือร้อยละ 3.6 จากร้อยละ 3.8 ในปีก่อน นอกจากนี้ทั้ง
ธ.กลางและ ก.คลังของเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 จากร้อยละ 4 ในปีก่อน
จากการฟื้นตัวของความต้องการในประเทศและการส่งออก (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 13 ต่อปีในไตรมาสสุดท้ายปี 48 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 16 ก.พ.49 เศรษฐกิจสิงคโปร์ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
ขยายตัวร้อยละ 13 ต่อปีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.9 โดยหาก
เทียบต่อปีแล้ว เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 ขยายตัวร้อยละ 8.7 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
8.1 ส่งผลให้ทั้งปี 48 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 6.4 ต่อปี สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
6.2 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และกิจการอู่ต่อเรือของสิงคโปร์ นอกจาก
นี้ผลผลิตอุตสาหกรรมยาก็มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 ขยายตัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับเพิ่ม
ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จากระหว่างร้อยละ 3 — 5 เป็นระหว่างร้อยละ 4 — 6 ต่อปี
(รอยเตอร์)
4. รายได้จากการจัดเก็บภาษีของเยอรมนีในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
6.6 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 49 หนังสือพิมพ์ Handelsblatt อ้างแหล่งข่าวทางการเยอรมนี
ว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีของเยอรมนีในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ในเดือน
ธ.ค. ตัวเลขเทียบต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน ทำให้คาดว่าทางการเยอรมนีจะ
ปรับเพิ่มประมาณการณ์รายได้จากการจัดเก็บภาษีจากที่ได้คาดการณ์ไว้เดิม ทั้งนี้เมื่อเดือน พ.ย. กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทาง
ด้านภาษีซึ่งจะประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 2 ครั้ง ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการ
จัดเก็บภาษีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้เยอรมนีไม่อาจบรรลุข้อตกลงเรื่อง
งบประมาณขาดดุลของ EU ที่กำหนดให้การขาดดุลงบประมาณไม่เกินกว่าร้อยละ 3.0 ของ GDP ได้ โดยคาดว่า
ในปี 49 รัฐบาลเยอรมนีจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 457.4 พัน ล. ยูโร(544.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)
ทั้งนี้ในเดือน ม.ค. 49 ยอดจัดเก็บภาษีรายได้ และภาษีการขายในเดือน ม.ค. ต่างเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่า
ในปี 49 นี้เยอรมนีจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณขาดดุลดังกล่าวได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน แต่คาดว่าจะ
สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณขาดดุลของ EU ได้ในปี 50 เนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีการขายร้อยละ 3.0
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.พ. 49 15 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมู
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร
(Bht/1US$) 39.353 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขาย
ถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1486/39.4433 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ.
ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.3000 2.1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย
(พันล้านบาท) 725.73/ 14.99 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 10,150/10,250 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.44 55.49 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ
16 ก.พ. 49 26.04*/24.29** 26.44/24.29** 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 ก.พ. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--