ยุทธพงศ์ ชี้รถดับเพลิงฉาว 6 พันล้านบาท เกิดสมัยผู้ว่าฯสมัคร เป็นรถไทยแหกตาประชาชน ไม่ใช่ จี ทู จี ที่แท้ซื้อผ่านบริษัท โปกเกอร์ ที่ค้ารถถัง พบมีเงินสินบน 2,000 ล้านบาท ขอท้าสมัคร แน่จริงออกรายการ ทีวี คืนนี้พร้อม เรียกร้องนายกฯ เอาจริงอย่าเลือกปฏิบัติ เพราะเกี่ยวข้องกับกระบอกเสียงรัฐบาล ประชาธิปัตย์ไม่เกี่ยวเพราะมีมติห้ามซื้อสมัยบัญญัติฯ
วันนี้(30ม.ค.49) เวลา 14.00 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรค ปชป. แถลงว่า รถดับเพลิงของ กทม. จำนวน 315 คัน และ เรือดับเพลิงจำนวน 30 ลำ จัดซื้อตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นการจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687 ล้านบาท โดนกรุงเทพมหานครจ่ายเงิน 40% รัฐบาลอุดหนุน 60% ผูกพันงบประมาณปี 2549-2553 ในการจัดซื้อครั้งนี้ได้มีการดำเนินการการจัดซื้อในรูปแบบความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย หรือเรียกว่า G TO G กำหนดไว้ว่า รัฐบาลไทยจะซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยมูลค่า 6,687 ล้านบาทจากออสเตรีย และฝ่ายออสเตรียจะซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทยในวงเงินเท่ากัน
โดยนายยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่ามีกรณีส่อพิรุธในการจัดซื้อรถดับเพลิง คือ 1.นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าฯ กทม. รีบร้อนเซ็นสัญญาทิ้งทวนในขณะที่ตัวเอง เป็นเพียงผู้ว่าฯ รักษาการ วันสุดท้าย คือ วันที่ 27 ส.ค. 2547 (ดูเอกสาร)2.สัญญาบอกว่าเป็น G TO G ระหว่างประเทศไทยกับออสเตรีย ผมยังก็ยังงงๆ อยู่ว่ากลายเป็นรถปิคอัพ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ทำในประเทศไทย แล้วส่งออกไปยุโรป และส่งกลับมาเมืองไทย
3.ในสัญญา G TO G ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย ทำไปทำมากลายเป็น กรุงเทพมหานคร ทำสัญญากับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค จำกัด, ออสเตรีย ซึ่งผมตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทฯ นี้ไม่ได้ทำรถดับเพลิงขาย แต่เป็นบริษัทฯ ที่ผลิตรถถังยักษ์ใหญ่ของออสเตรียขายไปทั่วโลก ผมไปสืบมาพบว่า บริษัทฯ นี้ทำหน้าที่เป็นบริษัท นายหน้า หรือ ที่เรียกกันว่า โปกเกอร์ ซึ่งสัญญาการซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นคุณสมัครฯ ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าคุณสมัครฯ ไม่เซ็นสัญญาก็ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น
‘ถ้าคุณสมัครฯ บอกว่าคุณสมัครฯ ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ผิด ผมขอท้าคุณสมัครให้ไปออกรายการ ทีวี หรือ รายการวิทยุ ช่องไหนก็ได้ หรือถ้าคุณสรยุทธ รายการ “ถึงลูกถึงคน” คืนนี้ ให้เชิญผมมาได้เลย ผมจะไปเพื่อพิสูจน์ความจริงให้คนกรุงเทพฯ ได้รู้ความจริง
ถ้าคุณสมัครฯ แน่จริงอย่าหนีผมนะ หรือถ้าคุณสมัครฯ กลัวผม จะออกคนละห้องกับผมก็ได้ โดยให้แยกกันอยู่คนละห้อง จะได้ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากัน ผมขอท้าคุณสมัครฯ ผ่านทางสื่อมวลชน’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ส่วนประเด็นประเด็น สินบน 2,000. ล้านบาทนั้น นายยุทธพงศ์ ว่า กรณีรถดับเพลิง 6,687 ล้านบาท ตนเป็นคนเปิดประเด็นคนแรกตั้งแต่ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2547 และตนได้เคยนำใบเปรียบเทียบราคารถดับเพลิงจากประเทศสเปน ซึ่งอยู่ในมาตรฐาน EU เหมือนกันไปให้ท่านผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน เปรียบเทียบราคา พบว่าสินค้าจากประเทศสเปนมีราคาถูกกว่า 2,000.ล้านบาท ดังนั้นเมื่อซื้อของแพงย่อมต้องมีสินบน เพราะถ้าคนฉลาดต้องไม่ซื้อ ยกเว้นคนฉลาดแต่แกล้งโง่ถึงได้ซื้อ เพราะเอาเงินหลวงมาซื้อ ถึงยอมเป็นคนโง่
‘ผมแอบไปรู้เรื่องสินบน 500 ล้านบาท มา ส่วนที่เหลืออีก 1,500 ล้านบาท ท่านนายกฯ ในฐานะประธานปราบโกง ต้องไปติดตามเองผมทราบว่ามีคนที่เคยเป็นเสนาบดี แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว บินไปถึงออสเตรียเพื่อไปรับเงิน 500 ล้านบาท ผู้ใหญ่คนนี้วิ่งพล่านรู้กันทั้งตลาดมืดทั่วยุโรป เพื่อเอาเงินกลับประเทศไทย ผมขอฝากท่าพิธีกรอาวุโส ที่ออกรายการ “เห่ารายวัน” ช่วยตรวจสอบด้วยว่าเป็นใคร หน้าตาคุ้น๐หรือไม่ แต่ถ้าผู้อาวุโส บอกไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ขอให้หยุด “เห่ารายวัน”ได้แล้ว แล้วรีบๆมาหาผม ผมจะบอกให้ว่าเป็นใคร?’รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ได้ลงมาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วยตัวเอง เพราะขณะนี้ท่านนายกฯ เป็นประธานปราบโกง และท่านประกาศว่า คราวนี้ท่านเอาจริงแน่นอน เพราะนายกฯเคยพูดว่า รัฐบาลเอาจริง ถ้าพบเล่นงานเลยทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ไม่ดูหน้าคนด้วยซ้ำ ฝ่ายค้านช่วยได้เลย มีอะไรบอกมา ไม่เป็นไร เจอตรงไหนก็บอกมาเลย เอาจริงแน่ๆ ซึ่งกรณีนี้ ฝ่ายค้านมาบอกแล้วเรื่องรถดับเพลิง ขอให้นายกฯ เอาจริงกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าไปเจอคนที่เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลแล้วไม่กล้าทำอะไร เป็นมวยล้มต้มคนดู
‘นอกจากนี้ผมขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI รีบดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้รวดเร็วเหมือนเรื่องการประมูลอุโมงค์ของกรุงเทพมหานครมูลค่า 20,000 ล้านบาท ที่ DSI ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถออกหมายจับได้เลยผมขอฝาก DSI ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้ฟันไม่ต้องเลี้ยงว่าเป็นใคร แม้เจอคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต้องเว้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เราเน้นเรื่องปรัชญาสูงสุดของเรา คือ “ความซื่อสัตย์สุจริต” พรรค ปชป. ไม่ปกป้องคนของเราที่ไปทำผิด ผมขอย้ำนะครับว่า ใครอย่ามากล่าวหาว่าพรรค ปชป. ของผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง รถดับเพลิงนะครับ เพราะพรรค ปชป. มีมติพรรคห้ามไม่ให้ซื้อรถดับเพลิงไปแล้ว สมัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ม.ค. 2549--จบ--
วันนี้(30ม.ค.49) เวลา 14.00 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรค ปชป. แถลงว่า รถดับเพลิงของ กทม. จำนวน 315 คัน และ เรือดับเพลิงจำนวน 30 ลำ จัดซื้อตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นการจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687 ล้านบาท โดนกรุงเทพมหานครจ่ายเงิน 40% รัฐบาลอุดหนุน 60% ผูกพันงบประมาณปี 2549-2553 ในการจัดซื้อครั้งนี้ได้มีการดำเนินการการจัดซื้อในรูปแบบความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย หรือเรียกว่า G TO G กำหนดไว้ว่า รัฐบาลไทยจะซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยมูลค่า 6,687 ล้านบาทจากออสเตรีย และฝ่ายออสเตรียจะซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทยในวงเงินเท่ากัน
โดยนายยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่ามีกรณีส่อพิรุธในการจัดซื้อรถดับเพลิง คือ 1.นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าฯ กทม. รีบร้อนเซ็นสัญญาทิ้งทวนในขณะที่ตัวเอง เป็นเพียงผู้ว่าฯ รักษาการ วันสุดท้าย คือ วันที่ 27 ส.ค. 2547 (ดูเอกสาร)2.สัญญาบอกว่าเป็น G TO G ระหว่างประเทศไทยกับออสเตรีย ผมยังก็ยังงงๆ อยู่ว่ากลายเป็นรถปิคอัพ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ทำในประเทศไทย แล้วส่งออกไปยุโรป และส่งกลับมาเมืองไทย
3.ในสัญญา G TO G ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย ทำไปทำมากลายเป็น กรุงเทพมหานคร ทำสัญญากับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค จำกัด, ออสเตรีย ซึ่งผมตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทฯ นี้ไม่ได้ทำรถดับเพลิงขาย แต่เป็นบริษัทฯ ที่ผลิตรถถังยักษ์ใหญ่ของออสเตรียขายไปทั่วโลก ผมไปสืบมาพบว่า บริษัทฯ นี้ทำหน้าที่เป็นบริษัท นายหน้า หรือ ที่เรียกกันว่า โปกเกอร์ ซึ่งสัญญาการซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นคุณสมัครฯ ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าคุณสมัครฯ ไม่เซ็นสัญญาก็ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น
‘ถ้าคุณสมัครฯ บอกว่าคุณสมัครฯ ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ผิด ผมขอท้าคุณสมัครให้ไปออกรายการ ทีวี หรือ รายการวิทยุ ช่องไหนก็ได้ หรือถ้าคุณสรยุทธ รายการ “ถึงลูกถึงคน” คืนนี้ ให้เชิญผมมาได้เลย ผมจะไปเพื่อพิสูจน์ความจริงให้คนกรุงเทพฯ ได้รู้ความจริง
ถ้าคุณสมัครฯ แน่จริงอย่าหนีผมนะ หรือถ้าคุณสมัครฯ กลัวผม จะออกคนละห้องกับผมก็ได้ โดยให้แยกกันอยู่คนละห้อง จะได้ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากัน ผมขอท้าคุณสมัครฯ ผ่านทางสื่อมวลชน’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ส่วนประเด็นประเด็น สินบน 2,000. ล้านบาทนั้น นายยุทธพงศ์ ว่า กรณีรถดับเพลิง 6,687 ล้านบาท ตนเป็นคนเปิดประเด็นคนแรกตั้งแต่ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2547 และตนได้เคยนำใบเปรียบเทียบราคารถดับเพลิงจากประเทศสเปน ซึ่งอยู่ในมาตรฐาน EU เหมือนกันไปให้ท่านผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน เปรียบเทียบราคา พบว่าสินค้าจากประเทศสเปนมีราคาถูกกว่า 2,000.ล้านบาท ดังนั้นเมื่อซื้อของแพงย่อมต้องมีสินบน เพราะถ้าคนฉลาดต้องไม่ซื้อ ยกเว้นคนฉลาดแต่แกล้งโง่ถึงได้ซื้อ เพราะเอาเงินหลวงมาซื้อ ถึงยอมเป็นคนโง่
‘ผมแอบไปรู้เรื่องสินบน 500 ล้านบาท มา ส่วนที่เหลืออีก 1,500 ล้านบาท ท่านนายกฯ ในฐานะประธานปราบโกง ต้องไปติดตามเองผมทราบว่ามีคนที่เคยเป็นเสนาบดี แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว บินไปถึงออสเตรียเพื่อไปรับเงิน 500 ล้านบาท ผู้ใหญ่คนนี้วิ่งพล่านรู้กันทั้งตลาดมืดทั่วยุโรป เพื่อเอาเงินกลับประเทศไทย ผมขอฝากท่าพิธีกรอาวุโส ที่ออกรายการ “เห่ารายวัน” ช่วยตรวจสอบด้วยว่าเป็นใคร หน้าตาคุ้น๐หรือไม่ แต่ถ้าผู้อาวุโส บอกไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ขอให้หยุด “เห่ารายวัน”ได้แล้ว แล้วรีบๆมาหาผม ผมจะบอกให้ว่าเป็นใคร?’รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ได้ลงมาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วยตัวเอง เพราะขณะนี้ท่านนายกฯ เป็นประธานปราบโกง และท่านประกาศว่า คราวนี้ท่านเอาจริงแน่นอน เพราะนายกฯเคยพูดว่า รัฐบาลเอาจริง ถ้าพบเล่นงานเลยทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ไม่ดูหน้าคนด้วยซ้ำ ฝ่ายค้านช่วยได้เลย มีอะไรบอกมา ไม่เป็นไร เจอตรงไหนก็บอกมาเลย เอาจริงแน่ๆ ซึ่งกรณีนี้ ฝ่ายค้านมาบอกแล้วเรื่องรถดับเพลิง ขอให้นายกฯ เอาจริงกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าไปเจอคนที่เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลแล้วไม่กล้าทำอะไร เป็นมวยล้มต้มคนดู
‘นอกจากนี้ผมขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI รีบดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้รวดเร็วเหมือนเรื่องการประมูลอุโมงค์ของกรุงเทพมหานครมูลค่า 20,000 ล้านบาท ที่ DSI ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถออกหมายจับได้เลยผมขอฝาก DSI ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้ฟันไม่ต้องเลี้ยงว่าเป็นใคร แม้เจอคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต้องเว้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เราเน้นเรื่องปรัชญาสูงสุดของเรา คือ “ความซื่อสัตย์สุจริต” พรรค ปชป. ไม่ปกป้องคนของเราที่ไปทำผิด ผมขอย้ำนะครับว่า ใครอย่ามากล่าวหาว่าพรรค ปชป. ของผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง รถดับเพลิงนะครับ เพราะพรรค ปชป. มีมติพรรคห้ามไม่ให้ซื้อรถดับเพลิงไปแล้ว สมัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ม.ค. 2549--จบ--