นายเดช พัฒนเศรษฐพงษ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ได้เปิดเผยว่าผู้บริหารของสมาคมฯจะเดินสายล็อบบี้พรรคาการเมืองที่มีนโยบายหรือจุดยืนในการผลักดันเอฟทีเอไทย-สหรัฐและไทย-ญี่ปุ่นให้บรรลุข้อตกลง โดยเริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน และพรรคไทยรักไทย โดยที่จะไปอธิบายถึงการหยุดการเจรจาของทั้งสองเอฟทีเอจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและชิวิตของแรงงานอย่างไรบ้าง และหลังจากได้มีการลงนามแล้วจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
ด้านนายสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย ให้ความเห็นว่าการเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐและญี่ปุ่นจะทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งระบบได้รับผลประโยชน์ร่วมกันโดยในส่วนของโรงงานทอผ้าจะได้รับประโยชน์ในเรื่องการผลิตวัตถุดิบที่จะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับสหรัฐได้กำหนดแหล่งกำเนิดสินค้าที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต้องใช้เส้นด้าย เส้นใย ที่ผลิตในประเทศไทยหรือนำเข้าจากสหรัฐเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นกำหนดหลักเกณฑ์ให้ใช้ผ้าทอจากทั้งสองประเทศในการผลิต
เช่นเดียวกับนายนภดล เปี่ยมกุลวนิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมฟอกย้อม พิมพ์ และตกแต่งสิ่งทอไทย เห็นว่าการจัดทำเอฟทีเอกับสหรัฐและญี่ปุ่นจะทำให้อุตสาหกรรมฟอกย้อมได้รับประโยชน์เช่นกันเนื่องจากหากการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มขยายตัวเพิ่มขึ้นอุตสาหกรรมฟอกย้อมก็จะขยายตัวตามไปด้วยซึ่งสอดคล้องกับนายพิชัย อุตมภินันท์ ประธานกรรมการบริษัท ยูไนเต็ด เท็กซ์ไทล์มิลส์ จำกัด กล่าวว่าการทำเอฟทีเอทั้งสหรัฐและญีปุ่นจะทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งระบบปรับความสมดุลเข้าหากันมากขึ้นโดยผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มที่เคยใช้วัตถุดิบนำเข้าก็จะหันมาร่วมพัฒนาและใช้วัตถุดิบหรือใช้บริการอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศมากยิ่งขึ้นซึ่งจะก่อให้การลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น
ประเด็นวิเคราะห์
การจัดทำเอฟทีเอระหว่างไทย-สหรัฐ และไทย-ญี่ปุ่น ต้องชะลอออกไปเนื่องจากได้มีการยุบสภาเกิดขึ้น และรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่สามารถดำเนินการเจรจาใดๆ ต่อได้จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ได้ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และฟอกย้อมของไทยในการแข่งขัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นหากภาคสาขาใดที่จะได้รับผลกระทบจากการเปิดเอฟทีเอกับสหรัฐและญี่ปุ่นนี้ก็สามารถเจรจาต่อรองเพื่อลดผลกระทบได้ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเสรีในทันที
ที่มา: http://www.depthai.go.th