เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ดร.อำพน กิตติอำพน ได้แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2549 ว่ามีการขยายตัว 6% โดยมีผลมาจากปัจจัยด้านการส่งออกที่ขยายตัว 17.9% ภาคการเกษตรขยายตัว 7.1% ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวขยายตัว ดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการปรับชะลอตัวลงทั้งการลงทุนในภาค การก่อสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ รวมทั้งกำลังซื้อเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนในประเทศที่ค่อนข้างทรงตัว
สภาพัฒน์ได้ประเมินว่าการขยายตัวทั้งปี 2549 จะอยู่ที่ประมาณ 4.2-4.9% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการส่งออกสินค้าและบริการ และการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และหมวดอาหาร ซึ่งยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การนำเข้าและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามจากการประเมิณผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งสัญญาณว่าค่าเงินบาทจะเพิ่มเร็วขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้การส่งออกของไทยแข่งขันได้ยากขึ้น หากกำหนดราคาสินค้าในรูปของเงินบาท
ประเด็นวิเคราะห์:
เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยภาคการส่งออก ในขณะที่ภาคการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งการบริโภคภายในประเทศก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพจึงจะต้องส่งเสริมการส่งออกให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยจะต้องมีการปฏิวัติโครงสร้างการผลิตอย่างจริงจังพร้อมกับเพิ่มการลงทุนในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ภาครัฐบาลจะต้องควบคุมเสถียรภาพการเงิน และแก้ไขปัญหาทางการเมืองให้อยู่ในภาวะปกติ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศและความเชื่อถือของนักลงทุนต่างประเทศกลับคืนมาโดยเร็ว
ที่มา: http://www.depthai.go.th