ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยค่าเงินบาทปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงระดับค่าเงินบาทในขณะนี้ว่าเป็นค่าเงินที่อยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่กระทบต่อภาคการค้าของไทย และ
ขณะนี้ ธปท.ยังไม่มีการประชุมหารือเรื่องภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายกับ ก.คลัง แต่อย่างใด ทั้งนี้ ค่าเงินบาทวานนี้
เปิดตลาดที่ระดับ 38.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากวันที่ 21 มี.ค.49 ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ
38.73 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, มติชน)
2. คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ มีมติให้ทยอยขายหุ้น ธพ.ที่กองทุนถืออยู่ 2 แห่ง นายไพโรจน์
เฮองสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุนและหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ
กองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้มีมติอนุมัติให้มีการทยอยขายหุ้น ธพ.ที่กองทุนถืออยู่ จำนวน 2 แห่ง
คือ ธ.กรุงไทย และ ธ.นครหลวงไทยให้กับนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะขายหุ้นกรุงไทย
300 ล้านหุ้น และ ธ.นครหลวงไทย 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3-4 ของหุ้นทั้งหมด โดยหลักเกณฑ์
ในการขายหุ้นครั้งนี้จะขายให้กับนักลงทุนรายย่อยทั่วไป แต่จะไม่ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยจะต้องให้ได้ระดับ
ราคาที่สมเหตุผล เมื่อเทียบกับราคาหน้าตั๋ว (Book Value) และขายในช่วงที่ภาวะตลาดดีด้วย (กรุงเทพธุรกิจ,
ไทยรัฐ, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า)
3. ธปท.ห่วงปัญหาช่อวงว่างการออมกับการลงทุนที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน นางอัจนา ไวความดี
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “นโยบาย
สาธารณะที่เป็นวาระแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาและเตรียมรองรับอนาคตประเทศไทย” ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ เมื่อ 22 มี.ค.49 ว่า ธปท.มีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาช่องว่างการออมกับการลงทุนจะอยู่ใน
ระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งในปัจจุบันการออมในประเทศยังมีไม่มากนัก ดังนั้น หากต่อไปประเทศไทยมีการลงทุนด้าน
โครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะทำให้สัดส่วนการลงทุนต่อผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) สูงกว่าสัดส่วนการออม
ต่อจีดีพีได้ ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หรือการออมสูงกว่าการลงทุนเล็กน้อย ก็จะทำให้มีผลต่อดุลบัญชีเดิน
สะพัดของประเทศ และมีผลต่อเสถียรภาพของประเทศให้ไม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ปัจจุบันปี
44-48 สัดส่วนการลงทุนต่อจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 26.3 ในขณะที่สัดส่วนการออมอยู่ที่ร้อยละ 31.2 ถือว่าเป็นช่องว่างที่
ใกล้เคียงกันมาก (แนวหน้า)
4. สอท.ประเมินผลกระทบวิกฤติการเมืองหากยืดเยื้อถึงสิ้นเดือน พ.ค.49 จะฉุดจีดีพีขยายตัวเพียง
ร้อยละ 3.64 รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำรายงาน
ผลกระทบทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ โดยแบ่งผลกระทบออกเป็น 2 ระยะ คือ ผลกระทบระยะสั้น และผลกระทบ
ระยะปานกลาง สำหรับผลกระทบระยะสั้นเริ่มตั้งแต่ประกาศยุบสภา เมื่อ 24 ก.พ. ถึง 2 เม.ย.49 โดยจะทำ
ให้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 4.22 จากเดิมที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.5 โดยทำให้มูลค่าจีดีพีลดลง
11,000 ล้านบาท จากการลดลงของการบริโภค 7,000 ล้านบาท ในส่วนของการลงทุนลดลง 3,000 ล้านบาท
และการส่งออกสุทธิลดลง 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 4,000 ล้านบาท ภาคเกษตร
ลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคการค้าโรงแรมและภัตตาคารลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง
1,000 ล้านบาท สำหรับผลกระทบในระยะปานกลาง เริ่มตั้งแต่ 24 ก.พ. ถึง 31 พ.ค.49 จะทำให้อัตราการ
ขยายตัวของจีดีพีปีนี้ลดเหลือร้อยละ 3.64 โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้จีดีพีมีมูลค่าลดลง 33,000 ล้านบาท เป็น
การลดลงของการบริโภค 21,000 ล้านบาท การลงทุนลดลง 8,000 ล้านบาท การส่งออกสุทธิลดลง
4,000 ล้านบาท และมีผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 13,000 ล้านบาท ภาคเกษตรลดลง 3,000 ล้านบาท
ภาคการค้าโรงแรมและภัตตาคารลดลง 6,000 ล้านบาท ภาคก่อสร้างลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคอสังหาริมทรัพย์
ลดลง 2,000 ล้านบาท ดังนั้น หากการชุมนุมยืดเยื้อออกไปหลัง 2 เม.ย.49 จะส่งผลให้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะ
ลอตัวอย่างมาก อาจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดที่จะมีผลให้การผลิตลดลง การลงทุนลดลง รวมทั้งอัตราการว่างงาน
เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ)
5. สศค.เตรียมพัฒนาระบบการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบกว่า 23 ล้านคน
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ทำศึกษาระบบการออมของประเทศ โดยเฉพาะ
ระบบการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบที่มีแรงงานในกลุ่มนี้กว่า 23 ล้านคน ซึ่งนโยบายการออมนี้
นอกจากจะเป็นมาตรการทางการคลังที่สำคัญในการพัฒนาการระดมเงินออมของประเทศ และพัฒนาตลาดเงิน
ตลาดทุน เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยผ่านระบบกองทุนเพื่อบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถทำหน้าที่เป็น
ระบบโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม (Social Safety Net) ที่สำคัญด้วย ดังนั้น สศค.จึงร่วมมือกับ
ก.แรงงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนอาเซ็มและธนาคารโลก เริ่มต้นศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการ
ออมมาตั้งแต่ปี 46 จนถึงปัจจุบันได้ทำการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว 4 โครงการ (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและการส่งออกและนำเข้าสินค้าของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ
Euro zone ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 22 มี.ค.49 Eurostat ซึ่งเป็น
สนง.สถิติของสหภาพยุโรปรายงานคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่งประกอบ
ด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผล
จากคำสั่งซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ในอุตสาหกรรมขนส่ง เช่น เรือ รางรถไฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่งทางอากาศ โดย
หากไม่รวมรายการเหล่านี้ซึ่งค่อนข้างผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ม.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน
ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือน เช่นเดียวกับตัวเลขเมื่อเทียบต่อปีซึ่งไม่รวมรายการ
สินค้าที่ผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ต่อปี และ Eurostat ได้รายงานในวันเดียวกัน
ว่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าในเดือนเดียวกันหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และ 0.3 ต่อ
เดือนตามลำดับ โดยมียอดเกินดุลการค้าจำนวน 2.5 พันล้านยูโร ลดลงจาก 2.6 พันล้านยูโรในเดือน ธ.ค.48
ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและตัวเลขการค้าที่เพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค.49 เป็น
สัญญาณว่าเศรษฐกิจของ Euro zone กำลังฟื้นตัว (รอยเตอร์)
2. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ. 955.7 พัน ล. เยน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่
23 มี.ค. 49 รมว. คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ. ญี่ปุ่นกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้ง เนื่องจากการส่งออก
ที่แข็งแกร่ง ภายหลังจากที่ขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค. จากผลกระทบราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
ทั้งนี้ในเดือนก.พ. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้า 955.7 พัน ล. เยน (8.17 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ภายหลังจากที่ขาดดุล
การค้า 351.0 พัน ล. เยนใน เดือน ม.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าในเดือน ก.พ. จะเกินดุลการค้า
สูงถึง 1.08 ล้าน ล้าน เยน โดยการส่งออกในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 20.8 อยู่ที่
ระดับ 5.8526 ล้าน ล้าน เยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 อยู่ที่ระดับ 4.8969 ล้าน ล้าน เยน(รอยเตอร์)
3. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจาก
สิงคโปร์เมื่อ 21 มี.ค.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ดัชนีราคา
ผู้บริโภค (CPI) ของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.49 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน หลังจากที่เดือน
ม.ค.ลดลงร้อยละ 0.3 ซึ่งเป็นการลดลงสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนคาดว่า
CPI ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่ำกว่าเดือน ม.ค.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เทียบต่อปี ทั้งนี้
เหตุผลที่มีการคาดการณ์ว่า CPI จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดการสั่งจองซื้อรถยนต์ในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้น
กว่าร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้ดัชนีการขนส่งและสื่อสาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีสัดส่วนถึง
ร้อยละ 22 ของ CPI เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ดัชนีราคาอาหารและเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 27 ของ CPI
ก็มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกจากการเพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายว่า
อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ สาเหตุจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง
ภาวะเศรษฐกิจซึ่งยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง และตลาดแรงงานซึ่งอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคาดว่าจีดีพีของมาเลเซียปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 6 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 มี.ค.49 ธ.กลางของมาเลเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียในปีนี้จะ
ขยายตัวร้อยละ 6 เนื่องจากมีการยกเลิกแนวคิดที่จะใช้การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดทำให้การเก็งกำไรค่าเงินขยายตัวมากขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ใกล้ถึงระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นและพันธบัตรในช่วงหลาย
เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เมื่อเดือน ก.พ.49 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ
3.25 นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและลดช่องว่างระหว่างอัตรา
ดอกเบี้ยในประเทศกับอัตราดอกเบี้ยของ สรอ. ด้านผู้ว่าการ ธ.กลางมาเลเซีย กล่าวว่าไม่ได้มีการกำหนดหรือ
มีแนวโน้มว่าจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีการติดตามและประเมินผลก่อนพิจารณาตัดสินใจ
ดำเนินการในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ให้กระทบต่อการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจ โดยพยายามส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวโดยไม่ต้องพึ่งพาการ
ส่งออกเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 49 และจะ
ยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจได้ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.5 — 4.0 เทียบกับร้อยละ 3.0 ในปี48
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 มี.ค. 49 22 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.942 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7443/39.0327 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.58016 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 724.41/ 13.60 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,150/10,250 10,150/10,250 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.26 57.35 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 18 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 27.14*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยค่าเงินบาทปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงระดับค่าเงินบาทในขณะนี้ว่าเป็นค่าเงินที่อยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่กระทบต่อภาคการค้าของไทย และ
ขณะนี้ ธปท.ยังไม่มีการประชุมหารือเรื่องภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายกับ ก.คลัง แต่อย่างใด ทั้งนี้ ค่าเงินบาทวานนี้
เปิดตลาดที่ระดับ 38.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากวันที่ 21 มี.ค.49 ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ
38.73 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, มติชน)
2. คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ มีมติให้ทยอยขายหุ้น ธพ.ที่กองทุนถืออยู่ 2 แห่ง นายไพโรจน์
เฮองสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุนและหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ
กองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้มีมติอนุมัติให้มีการทยอยขายหุ้น ธพ.ที่กองทุนถืออยู่ จำนวน 2 แห่ง
คือ ธ.กรุงไทย และ ธ.นครหลวงไทยให้กับนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะขายหุ้นกรุงไทย
300 ล้านหุ้น และ ธ.นครหลวงไทย 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3-4 ของหุ้นทั้งหมด โดยหลักเกณฑ์
ในการขายหุ้นครั้งนี้จะขายให้กับนักลงทุนรายย่อยทั่วไป แต่จะไม่ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยจะต้องให้ได้ระดับ
ราคาที่สมเหตุผล เมื่อเทียบกับราคาหน้าตั๋ว (Book Value) และขายในช่วงที่ภาวะตลาดดีด้วย (กรุงเทพธุรกิจ,
ไทยรัฐ, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า)
3. ธปท.ห่วงปัญหาช่อวงว่างการออมกับการลงทุนที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน นางอัจนา ไวความดี
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “นโยบาย
สาธารณะที่เป็นวาระแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาและเตรียมรองรับอนาคตประเทศไทย” ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ เมื่อ 22 มี.ค.49 ว่า ธปท.มีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาช่องว่างการออมกับการลงทุนจะอยู่ใน
ระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งในปัจจุบันการออมในประเทศยังมีไม่มากนัก ดังนั้น หากต่อไปประเทศไทยมีการลงทุนด้าน
โครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะทำให้สัดส่วนการลงทุนต่อผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) สูงกว่าสัดส่วนการออม
ต่อจีดีพีได้ ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หรือการออมสูงกว่าการลงทุนเล็กน้อย ก็จะทำให้มีผลต่อดุลบัญชีเดิน
สะพัดของประเทศ และมีผลต่อเสถียรภาพของประเทศให้ไม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ปัจจุบันปี
44-48 สัดส่วนการลงทุนต่อจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 26.3 ในขณะที่สัดส่วนการออมอยู่ที่ร้อยละ 31.2 ถือว่าเป็นช่องว่างที่
ใกล้เคียงกันมาก (แนวหน้า)
4. สอท.ประเมินผลกระทบวิกฤติการเมืองหากยืดเยื้อถึงสิ้นเดือน พ.ค.49 จะฉุดจีดีพีขยายตัวเพียง
ร้อยละ 3.64 รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำรายงาน
ผลกระทบทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ โดยแบ่งผลกระทบออกเป็น 2 ระยะ คือ ผลกระทบระยะสั้น และผลกระทบ
ระยะปานกลาง สำหรับผลกระทบระยะสั้นเริ่มตั้งแต่ประกาศยุบสภา เมื่อ 24 ก.พ. ถึง 2 เม.ย.49 โดยจะทำ
ให้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 4.22 จากเดิมที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.5 โดยทำให้มูลค่าจีดีพีลดลง
11,000 ล้านบาท จากการลดลงของการบริโภค 7,000 ล้านบาท ในส่วนของการลงทุนลดลง 3,000 ล้านบาท
และการส่งออกสุทธิลดลง 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 4,000 ล้านบาท ภาคเกษตร
ลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคการค้าโรงแรมและภัตตาคารลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง
1,000 ล้านบาท สำหรับผลกระทบในระยะปานกลาง เริ่มตั้งแต่ 24 ก.พ. ถึง 31 พ.ค.49 จะทำให้อัตราการ
ขยายตัวของจีดีพีปีนี้ลดเหลือร้อยละ 3.64 โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้จีดีพีมีมูลค่าลดลง 33,000 ล้านบาท เป็น
การลดลงของการบริโภค 21,000 ล้านบาท การลงทุนลดลง 8,000 ล้านบาท การส่งออกสุทธิลดลง
4,000 ล้านบาท และมีผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 13,000 ล้านบาท ภาคเกษตรลดลง 3,000 ล้านบาท
ภาคการค้าโรงแรมและภัตตาคารลดลง 6,000 ล้านบาท ภาคก่อสร้างลดลง 1,000 ล้านบาท ภาคอสังหาริมทรัพย์
ลดลง 2,000 ล้านบาท ดังนั้น หากการชุมนุมยืดเยื้อออกไปหลัง 2 เม.ย.49 จะส่งผลให้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะ
ลอตัวอย่างมาก อาจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดที่จะมีผลให้การผลิตลดลง การลงทุนลดลง รวมทั้งอัตราการว่างงาน
เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ)
5. สศค.เตรียมพัฒนาระบบการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบกว่า 23 ล้านคน
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ทำศึกษาระบบการออมของประเทศ โดยเฉพาะ
ระบบการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบที่มีแรงงานในกลุ่มนี้กว่า 23 ล้านคน ซึ่งนโยบายการออมนี้
นอกจากจะเป็นมาตรการทางการคลังที่สำคัญในการพัฒนาการระดมเงินออมของประเทศ และพัฒนาตลาดเงิน
ตลาดทุน เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยผ่านระบบกองทุนเพื่อบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถทำหน้าที่เป็น
ระบบโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม (Social Safety Net) ที่สำคัญด้วย ดังนั้น สศค.จึงร่วมมือกับ
ก.แรงงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนอาเซ็มและธนาคารโลก เริ่มต้นศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการ
ออมมาตั้งแต่ปี 46 จนถึงปัจจุบันได้ทำการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว 4 โครงการ (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและการส่งออกและนำเข้าสินค้าของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ
Euro zone ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 22 มี.ค.49 Eurostat ซึ่งเป็น
สนง.สถิติของสหภาพยุโรปรายงานคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่งประกอบ
ด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผล
จากคำสั่งซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ในอุตสาหกรรมขนส่ง เช่น เรือ รางรถไฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่งทางอากาศ โดย
หากไม่รวมรายการเหล่านี้ซึ่งค่อนข้างผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ม.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน
ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือน เช่นเดียวกับตัวเลขเมื่อเทียบต่อปีซึ่งไม่รวมรายการ
สินค้าที่ผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ต่อปี และ Eurostat ได้รายงานในวันเดียวกัน
ว่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าในเดือนเดียวกันหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และ 0.3 ต่อ
เดือนตามลำดับ โดยมียอดเกินดุลการค้าจำนวน 2.5 พันล้านยูโร ลดลงจาก 2.6 พันล้านยูโรในเดือน ธ.ค.48
ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและตัวเลขการค้าที่เพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค.49 เป็น
สัญญาณว่าเศรษฐกิจของ Euro zone กำลังฟื้นตัว (รอยเตอร์)
2. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ. 955.7 พัน ล. เยน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่
23 มี.ค. 49 รมว. คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ. ญี่ปุ่นกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้ง เนื่องจากการส่งออก
ที่แข็งแกร่ง ภายหลังจากที่ขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค. จากผลกระทบราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
ทั้งนี้ในเดือนก.พ. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้า 955.7 พัน ล. เยน (8.17 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ภายหลังจากที่ขาดดุล
การค้า 351.0 พัน ล. เยนใน เดือน ม.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าในเดือน ก.พ. จะเกินดุลการค้า
สูงถึง 1.08 ล้าน ล้าน เยน โดยการส่งออกในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 20.8 อยู่ที่
ระดับ 5.8526 ล้าน ล้าน เยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 อยู่ที่ระดับ 4.8969 ล้าน ล้าน เยน(รอยเตอร์)
3. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจาก
สิงคโปร์เมื่อ 21 มี.ค.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ดัชนีราคา
ผู้บริโภค (CPI) ของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.49 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน หลังจากที่เดือน
ม.ค.ลดลงร้อยละ 0.3 ซึ่งเป็นการลดลงสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนคาดว่า
CPI ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่ำกว่าเดือน ม.ค.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เทียบต่อปี ทั้งนี้
เหตุผลที่มีการคาดการณ์ว่า CPI จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดการสั่งจองซื้อรถยนต์ในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้น
กว่าร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้ดัชนีการขนส่งและสื่อสาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีสัดส่วนถึง
ร้อยละ 22 ของ CPI เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ดัชนีราคาอาหารและเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 27 ของ CPI
ก็มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกจากการเพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายว่า
อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ สาเหตุจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง
ภาวะเศรษฐกิจซึ่งยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง และตลาดแรงงานซึ่งอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคาดว่าจีดีพีของมาเลเซียปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 6 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 มี.ค.49 ธ.กลางของมาเลเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียในปีนี้จะ
ขยายตัวร้อยละ 6 เนื่องจากมีการยกเลิกแนวคิดที่จะใช้การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดทำให้การเก็งกำไรค่าเงินขยายตัวมากขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ใกล้ถึงระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นและพันธบัตรในช่วงหลาย
เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาเลเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เมื่อเดือน ก.พ.49 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ
3.25 นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและลดช่องว่างระหว่างอัตรา
ดอกเบี้ยในประเทศกับอัตราดอกเบี้ยของ สรอ. ด้านผู้ว่าการ ธ.กลางมาเลเซีย กล่าวว่าไม่ได้มีการกำหนดหรือ
มีแนวโน้มว่าจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีการติดตามและประเมินผลก่อนพิจารณาตัดสินใจ
ดำเนินการในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ให้กระทบต่อการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจ โดยพยายามส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวโดยไม่ต้องพึ่งพาการ
ส่งออกเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 49 และจะ
ยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจได้ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.5 — 4.0 เทียบกับร้อยละ 3.0 ในปี48
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 มี.ค. 49 22 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.942 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7443/39.0327 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.58016 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 724.41/ 13.60 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,150/10,250 10,150/10,250 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.26 57.35 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 18 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 27.14*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--