กรุงเทพ--2 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
ปัจจุบันมีนักเรียนไทย-มุสลิมจำนวนประมาณ 110 คนกำลังศึกษาด้านศาสนาโดยทุนส่วนตัวในแอฟริกาใต้ สาเหตุที่ทำให้นักเรียนไทยเหล่านี้เลือกเดินทางไปเรียนที่แอฟริกาใต้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเรียนถูกกว่าในประเทศอื่นๆ และการที่แอฟริกาใต้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหนึ่งในการศึกษา จึงทำให้แนวโน้มที่นักเรียนไทยเดินทางไปศึกษาในแอฟริกาใต้เพิ่มมากขึ้น
โดยที่แอฟริกาใต้มีประชากรที่นับถือมุสลิมประมาณหนึ่งล้านสองแสนคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองเดอร์บัน เมืองเคปทาวน์ และนครโจฮันเนสเบิกร์ นักศึกษาไทยจึงมักจะเลือกสถานศึกษาในเมืองดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย จึงต้องออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนดูแลนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เจ้าหน้าที่สถานทูตและนักศึกษาไทยมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เมื่อครั้งที่ ดร. วีระชัย วีระเมธีกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปราชการที่แอฟริกาใต้ ก็ได้ถือโอกาสไปพบปะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบนักเรียนไทยที่นครโจฮันเนสเบิร์กด้วย เพื่อให้นักเรียนไทยเหล่านี้เกิดความอุ่นใจว่าจะสามารถขอคำแนะนำปรึกษากับทางการไทยได้ทุกครั้งที่ต้องการ
นักเรียนไทย-มุสลิมทุกคนที่ศึกษาอยู่ในแอฟริกาใต้มีความขยันหมั่นเพียรและตั้งใจจะศึกษาด้านศาสนาจนจบหลักสูตร และยังต้องการที่จะศึกษาทางสายสามัญควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพอย่างอื่นเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาเหล่านี้ ให้มีความรู้สายอาชีพ สถานทูตจึงได้จัดทำโครงการการจัดตั้งศูนย์การเรียนทางไกล โดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรียเป็นศูนย์การเรียนทางไกลแล้ว คาดว่าจะสามารถให้บริการด้านการศึกษาแก่นักศึกษาไทยได้ภายในกลางปีนี้
ส่วนสาเหตุที่สถานทูตต้องให้ความช่วยเหลือดูแลนักศึกษาไทยในแอฟริกาใต้อย่างใกล้ชิด ก็เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาเพียงแค่ระดับประถมปีที่ 6 เมื่อจบการศึกษาด้านศาสนาจากมหาวิทยาลัยในแอฟริกาใต้แล้วไม่สามารถเทียบโอนเป็นการศึกษาสายสามัญในประเทศไทยได้ทำให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาด้านศาสนาเสียโอกาสในการประกอบอาชีพอื่นๆ และต้องกลับไปเป็นครูสอนศาสนาในประเทศไทย
นอกจากการจัดตั้งศูนย์การเรียนทางไกลแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้ สถานทูตยังจะผลักดันโครงการใหม่ๆ ออกมาอีกมาก ซึ่งโครงการทั้งหมดล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือนักเรียนไทย-มุสลิมให้มีความรู้และทักษะด้านวิชาชีพ เพื่อที่กลับมาประเทศไทยจะได้นำความรู้ที่ได้รับทำมาหาเลี้ยงชีพและครอบครัวต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ปัจจุบันมีนักเรียนไทย-มุสลิมจำนวนประมาณ 110 คนกำลังศึกษาด้านศาสนาโดยทุนส่วนตัวในแอฟริกาใต้ สาเหตุที่ทำให้นักเรียนไทยเหล่านี้เลือกเดินทางไปเรียนที่แอฟริกาใต้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเรียนถูกกว่าในประเทศอื่นๆ และการที่แอฟริกาใต้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหนึ่งในการศึกษา จึงทำให้แนวโน้มที่นักเรียนไทยเดินทางไปศึกษาในแอฟริกาใต้เพิ่มมากขึ้น
โดยที่แอฟริกาใต้มีประชากรที่นับถือมุสลิมประมาณหนึ่งล้านสองแสนคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองเดอร์บัน เมืองเคปทาวน์ และนครโจฮันเนสเบิกร์ นักศึกษาไทยจึงมักจะเลือกสถานศึกษาในเมืองดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย จึงต้องออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนดูแลนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เจ้าหน้าที่สถานทูตและนักศึกษาไทยมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เมื่อครั้งที่ ดร. วีระชัย วีระเมธีกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปราชการที่แอฟริกาใต้ ก็ได้ถือโอกาสไปพบปะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบนักเรียนไทยที่นครโจฮันเนสเบิร์กด้วย เพื่อให้นักเรียนไทยเหล่านี้เกิดความอุ่นใจว่าจะสามารถขอคำแนะนำปรึกษากับทางการไทยได้ทุกครั้งที่ต้องการ
นักเรียนไทย-มุสลิมทุกคนที่ศึกษาอยู่ในแอฟริกาใต้มีความขยันหมั่นเพียรและตั้งใจจะศึกษาด้านศาสนาจนจบหลักสูตร และยังต้องการที่จะศึกษาทางสายสามัญควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพอย่างอื่นเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาเหล่านี้ ให้มีความรู้สายอาชีพ สถานทูตจึงได้จัดทำโครงการการจัดตั้งศูนย์การเรียนทางไกล โดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรียเป็นศูนย์การเรียนทางไกลแล้ว คาดว่าจะสามารถให้บริการด้านการศึกษาแก่นักศึกษาไทยได้ภายในกลางปีนี้
ส่วนสาเหตุที่สถานทูตต้องให้ความช่วยเหลือดูแลนักศึกษาไทยในแอฟริกาใต้อย่างใกล้ชิด ก็เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาเพียงแค่ระดับประถมปีที่ 6 เมื่อจบการศึกษาด้านศาสนาจากมหาวิทยาลัยในแอฟริกาใต้แล้วไม่สามารถเทียบโอนเป็นการศึกษาสายสามัญในประเทศไทยได้ทำให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาด้านศาสนาเสียโอกาสในการประกอบอาชีพอื่นๆ และต้องกลับไปเป็นครูสอนศาสนาในประเทศไทย
นอกจากการจัดตั้งศูนย์การเรียนทางไกลแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้ สถานทูตยังจะผลักดันโครงการใหม่ๆ ออกมาอีกมาก ซึ่งโครงการทั้งหมดล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือนักเรียนไทย-มุสลิมให้มีความรู้และทักษะด้านวิชาชีพ เพื่อที่กลับมาประเทศไทยจะได้นำความรู้ที่ได้รับทำมาหาเลี้ยงชีพและครอบครัวต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-