วันนี้ (19 เม.ย.2548) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงท้วงติงไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะการจัดระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า โดยปกติในทุกวันพฤหัสบดี จะมีการประชุมกระทู้ถาม ซึ่งมีทั้งกระทู้ถามทั่วไปและกระทู้ถามสด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจดีว่า กระทู้ถามทั่วไปยังไม่มีการเสนอเข้ามา จึงไม่มีการบรรจุในวาระ หรืออาจจะมีผู้เสนอไปแล้วแต่ยังไม่มีการตอบรับ แต่ปรากฏว่าในระเบียบการประชุมไม่มีการจัดระเบียบวาระกระทู้ถามสด ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และควรจะให้มีกระทู้ถามสดตามปกติเหมือนที่ผ่านมา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าขณะนี้ปัญหาในบ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ควรหยิบยกขึ้นมาตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐบาล ต่อนายกฯ หรือต่อรัฐมนตรี แต่เมื่อมีการจัดระเบียบวาระในลักษณะนี้ ทำให้เราไม่สามารถทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชนได้
“พรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากได้คำตอบว่า ทำไมจึงไม่มีการบรรจุให้มีระเบียบวาระที่เกี่ยวกับกระทู้ถามสดในการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งกระทู้ถามสดเป็นเรื่องสดๆ ยื่นก่อน 10.00 น. แล้วก็ถามตอน 13.30 น. หรือเวลาที่เหมาะสม สภาจะอ้างว่า มีประชุมร่วมตอนเช้ากับวุฒิ ในการพิจารณาเห็นชอบกฎหมาย 41 ฉบับ แต่การพิจารณาระเบียบวาระที่ถัดมาก็มีหมายเหตุที่ชัดเจนในการประชุมว่า การประชุมในวันพฤหัสบดีจะเริ่มหลังจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพราะฉะนั้นกระทู้ถามสดก็สามารถพิจารณาหลังการประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะไม่มีเรื่องนี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการพิจารณางบกลางปีของรัฐบาลว่า 1. ตนคิดว่าประเด็นสำคัญของพ.ร.บ.งบประมาณกลางปีของรัฐบาลก็คือ การพยายามนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง 2. การจัดร่างพ.ร.บ.งบประมาณกลางปีครั้งนี้ไม่ได้เป็นการจัด ร่าง พ.ร.บ. เพื่อสนองเจตนารมณ์ของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่มีการอภิปรายกันในสภาก่อนหน้านี้มาแล้ว คือ ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ และปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และ 3. งบประมาณกลางปีค่อนข้างเปิดกว้างที่จะให้รัฐบาลนำเงินไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดนี้ คงไม่นำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของพี่น้องประชาชนเหมือนกับที่ได้ทำมาในอดีต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าขณะนี้ปัญหาในบ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ควรหยิบยกขึ้นมาตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐบาล ต่อนายกฯ หรือต่อรัฐมนตรี แต่เมื่อมีการจัดระเบียบวาระในลักษณะนี้ ทำให้เราไม่สามารถทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชนได้
“พรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากได้คำตอบว่า ทำไมจึงไม่มีการบรรจุให้มีระเบียบวาระที่เกี่ยวกับกระทู้ถามสดในการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งกระทู้ถามสดเป็นเรื่องสดๆ ยื่นก่อน 10.00 น. แล้วก็ถามตอน 13.30 น. หรือเวลาที่เหมาะสม สภาจะอ้างว่า มีประชุมร่วมตอนเช้ากับวุฒิ ในการพิจารณาเห็นชอบกฎหมาย 41 ฉบับ แต่การพิจารณาระเบียบวาระที่ถัดมาก็มีหมายเหตุที่ชัดเจนในการประชุมว่า การประชุมในวันพฤหัสบดีจะเริ่มหลังจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพราะฉะนั้นกระทู้ถามสดก็สามารถพิจารณาหลังการประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะไม่มีเรื่องนี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการพิจารณางบกลางปีของรัฐบาลว่า 1. ตนคิดว่าประเด็นสำคัญของพ.ร.บ.งบประมาณกลางปีของรัฐบาลก็คือ การพยายามนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง 2. การจัดร่างพ.ร.บ.งบประมาณกลางปีครั้งนี้ไม่ได้เป็นการจัด ร่าง พ.ร.บ. เพื่อสนองเจตนารมณ์ของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่มีการอภิปรายกันในสภาก่อนหน้านี้มาแล้ว คือ ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ และปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และ 3. งบประมาณกลางปีค่อนข้างเปิดกว้างที่จะให้รัฐบาลนำเงินไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดนี้ คงไม่นำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของพี่น้องประชาชนเหมือนกับที่ได้ทำมาในอดีต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-