แถลงการณ์ร่วม
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน
กราบเรียน พี่น้องประชาชนชาวไทย ที่เคารพรักยิ่ง
หลังการประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และร่วมกันปรึกษาหารือด้วยความเป็นห่วงต่ออนาคตของประเทศชาติ เรามีความเห็นตรงกันว่า การยุบสภา ไม่ใช่เป็นคำตอบของการแก้ปัญหาของประเทศ เพราะปัญหามาจากตัวนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเอง และการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา พรรคการเมืองทั้งสามจึงพยายามหาแนวทางที่ถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤติของประเทศที่ดำรงอยู่
พรรคการเมืองทั้งสามเห็นว่า การปฏิรูปการเมืองที่ เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีคนกลางที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นผู้ดำเนินการยกร่าง ขณะเดียวกันให้ฝ่ายการเมืองซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมือง ๔ พรรคที่เคยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เพิ่งพ้นวาระไป มาปรึกษาหารือร่วมกัน ในการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางนี้ และพรรคการเมืองทั้งสี่จะต้องแสดงเจตนารมณ์ในการผลักดันการปฏิรูปการเมืองดังกล่าวภายในวันนี้ ด้วยการลงสัตยาบันร่วมกัน ก่อนที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อเป็นหลักประกันที่จะให้เจตนารมณ์ดังกล่าวเป็นจริง
บัดนี้ ข้อเสนอของพรรคการเมืองทั้งสาม กลับไม่ได้รับการสนองตอบจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย โดยได้ออกแถลงต่อสาธารณชนปฏิเสธการลงสัตยาบัน โดยอ้างว่าเพียงให้สัญญาประชาคมก็เพียงพอแล้ว ทั้งยังเบี่ยงเบนประเด็น และสร้างกระบวนการอื่นเพื่อรองรับวิธีการของตนเอง ที่ไม่ต้องการผูกมัด ทำให้ไม่มีความแน่นอนว่า การปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นได้ และวิกฤติของประเทศที่มีดำรงอยู่ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะคลี่คลายลงได้ในที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจึงไม่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่จะเป็นเพียงเครื่องมือสนองตอบต่อแนวทางที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขีดเส้นไว้ ซึ่งรังแต่จะทำให้สถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งลุกลามบานปลาย จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงได้
หัวหน้าพรรคการเมืองทั้งสาม ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ได้ประชุมหารือกันอย่างรอบคอบ โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและระบอบประชาธิปไตยเป็นสำคัญ แล้วมีมติร่วมกันดังนี้
๑. พรรคการเมืองทั้งสามไม่อาจเข้าร่วมประชุมกับพรรคไทยรักไทย ตามคำนัดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเวลา ๑๘.๐๐ น. วันเดียวกันนี้ได้ เนื่องจากการประชุมที่จัดขึ้นดังกล่าว เป็นคนละเจตนารมณ์โดยสิ้นเชิง
๒. พรรคการเมืองทั้งสาม เห็นว่าภาวะการณ์เช่นนี้ยังจะทำให้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่อแนวโน้มว่าไม่อาจจะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ ตรงกันข้ามยิ่งจะดำเนินไปตามแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำหนดโดยสิ้นเชิง ทั้งสามพรรคจึงตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ และจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้กรอบกติกาประชาธิปไตยต่อไป
จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ก.พ. 2549--จบ--
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน
กราบเรียน พี่น้องประชาชนชาวไทย ที่เคารพรักยิ่ง
หลังการประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และร่วมกันปรึกษาหารือด้วยความเป็นห่วงต่ออนาคตของประเทศชาติ เรามีความเห็นตรงกันว่า การยุบสภา ไม่ใช่เป็นคำตอบของการแก้ปัญหาของประเทศ เพราะปัญหามาจากตัวนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเอง และการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา พรรคการเมืองทั้งสามจึงพยายามหาแนวทางที่ถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤติของประเทศที่ดำรงอยู่
พรรคการเมืองทั้งสามเห็นว่า การปฏิรูปการเมืองที่ เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีคนกลางที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นผู้ดำเนินการยกร่าง ขณะเดียวกันให้ฝ่ายการเมืองซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมือง ๔ พรรคที่เคยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เพิ่งพ้นวาระไป มาปรึกษาหารือร่วมกัน ในการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางนี้ และพรรคการเมืองทั้งสี่จะต้องแสดงเจตนารมณ์ในการผลักดันการปฏิรูปการเมืองดังกล่าวภายในวันนี้ ด้วยการลงสัตยาบันร่วมกัน ก่อนที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อเป็นหลักประกันที่จะให้เจตนารมณ์ดังกล่าวเป็นจริง
บัดนี้ ข้อเสนอของพรรคการเมืองทั้งสาม กลับไม่ได้รับการสนองตอบจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย โดยได้ออกแถลงต่อสาธารณชนปฏิเสธการลงสัตยาบัน โดยอ้างว่าเพียงให้สัญญาประชาคมก็เพียงพอแล้ว ทั้งยังเบี่ยงเบนประเด็น และสร้างกระบวนการอื่นเพื่อรองรับวิธีการของตนเอง ที่ไม่ต้องการผูกมัด ทำให้ไม่มีความแน่นอนว่า การปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นได้ และวิกฤติของประเทศที่มีดำรงอยู่ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะคลี่คลายลงได้ในที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจึงไม่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่จะเป็นเพียงเครื่องมือสนองตอบต่อแนวทางที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขีดเส้นไว้ ซึ่งรังแต่จะทำให้สถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งลุกลามบานปลาย จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงได้
หัวหน้าพรรคการเมืองทั้งสาม ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ได้ประชุมหารือกันอย่างรอบคอบ โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและระบอบประชาธิปไตยเป็นสำคัญ แล้วมีมติร่วมกันดังนี้
๑. พรรคการเมืองทั้งสามไม่อาจเข้าร่วมประชุมกับพรรคไทยรักไทย ตามคำนัดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเวลา ๑๘.๐๐ น. วันเดียวกันนี้ได้ เนื่องจากการประชุมที่จัดขึ้นดังกล่าว เป็นคนละเจตนารมณ์โดยสิ้นเชิง
๒. พรรคการเมืองทั้งสาม เห็นว่าภาวะการณ์เช่นนี้ยังจะทำให้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่อแนวโน้มว่าไม่อาจจะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ ตรงกันข้ามยิ่งจะดำเนินไปตามแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำหนดโดยสิ้นเชิง ทั้งสามพรรคจึงตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ และจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้กรอบกติกาประชาธิปไตยต่อไป
จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ก.พ. 2549--จบ--