ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวที่ยังไม่ยืนยันออกไปว่าพรรคประชาธิปัตย์จะจัดให้มีการปราศรัยใหญ่หรือไม่นั้น วันนี้ (19 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมายืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการปราศรัยใหญ่ของพรรคที่สนามหลวง ในวันที่ 24 มี.ค. 2549 เวลา 17.00 น. ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นก็ตาม และผู้เข้าร่วมปราศรัยหลักประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งจะเป็นผู้ปราศรัยหลักในค่ำคืนวันนั้น โดยมีหัวข้อสำคัญในการปราศรัยประกอบด้วย การเปิดโปงเรื่องราวความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ของรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างรอบด้าน ครอบคลุมมากที่สุด นอกจากนั้นจะได้มีการอธิบายถึงระบอบทักษิณ ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจอย่างง่ายว่าระบอบทักษิณคืออะไรอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือจะได้มีการพูดถึงระบอบทักษิณที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติมากน้อยเพียงใด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเท่าใด และหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งและพ.ต.ท.ทักษิณได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป พร้อมกับรักษาอำนาจการขยายเครือข่ายของระบอบทักษิณให้อยู่ต่อไปจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร นอกจากนี้ในวันปราศรัยใหญ่นั้นพรรคประชาธิปัตย์จะได้แสดงจุดยืนของพรรคฯ อย่างชัดเจนต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองที่กำลังเกิดวิกฤตในขณะนี้ต่อพี่น้องประชาชน และจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์จะไปเกี่ยวข้องกับจุดเปลี่ยนของประเทศไทยไปสู่ทิศทางที่ดีกว่าเดิมอย่างไร
พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังคำปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 24 มี.ค. 2549 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ณ ท้องสนามหลวง
ประเด็นต่อไปนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีที่นายกิตติชัย ใสสะอาด รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1 ในแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงขับไล่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกทำร้ายร่างกายวานนี้ (18 มี.ค.49) ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการส่งสัญญานว่าจะมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการหาทางแก้ไขปัญหาและระงับยับยั้งไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นกับบุคคลและคณะบุคคลในทุกวิถีทาง ในฐานะที่เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ระบุถึงสาเหตุของการชุมนุมขับไล่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินแล้วว่า เกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำประเทศ 4 ประการ โดยเฉพาะการทุจริต ความไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง และไม่มีความอดทนต่อการกระทำมิชอบ ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจจนเกิดการชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชนและกลุ่มองค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงต่อไปว่า ขณะที่มีความพยายามจากหลายฝ่ายเพื่อเป็นคนกลางในการหาทางเจรจา 3 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า พร้อมเจรจาหาทางแก้วิกฤตของประเทศตลอดเวลา สิ่งที่พรรคจะเสนอคือทุกฝ่ายควรพบปะพูดคุยกันเบื้องต้น โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆก่อน เพราะการเสนอเงื่อนไขต่อสาธารณะก่อนการพูดคุยทำให้การพบกันเพื่อหาทางออกเป็นไปได้ยาก ดังนั้นแต่ละฝ่ายจึงไม่ควรนำข้อเสนอใดเปิดผ่านสาธารณชนก่อน แต่ควรให้ผู้แทนแต่ละฝ่ายได้ร่วมกันหาข้อคิดเห็น และให้มีการเจรจาในขั้นสุดท้ายอีกครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าวิธีการเช่นนี้น่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาของประเทศได้จึงอยากให้ทุกฝ่ายนำไปพิจารณา เพราะจะทำให้สถานการณ์ขณะนี้มีทิศทางดีขึ้นกว่าเดิม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 มี.ค. 2549--จบ--
พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังคำปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 24 มี.ค. 2549 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ณ ท้องสนามหลวง
ประเด็นต่อไปนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีที่นายกิตติชัย ใสสะอาด รองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1 ในแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงขับไล่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกทำร้ายร่างกายวานนี้ (18 มี.ค.49) ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการส่งสัญญานว่าจะมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการหาทางแก้ไขปัญหาและระงับยับยั้งไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นกับบุคคลและคณะบุคคลในทุกวิถีทาง ในฐานะที่เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ระบุถึงสาเหตุของการชุมนุมขับไล่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินแล้วว่า เกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำประเทศ 4 ประการ โดยเฉพาะการทุจริต ความไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง และไม่มีความอดทนต่อการกระทำมิชอบ ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจจนเกิดการชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชนและกลุ่มองค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงต่อไปว่า ขณะที่มีความพยายามจากหลายฝ่ายเพื่อเป็นคนกลางในการหาทางเจรจา 3 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า พร้อมเจรจาหาทางแก้วิกฤตของประเทศตลอดเวลา สิ่งที่พรรคจะเสนอคือทุกฝ่ายควรพบปะพูดคุยกันเบื้องต้น โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆก่อน เพราะการเสนอเงื่อนไขต่อสาธารณะก่อนการพูดคุยทำให้การพบกันเพื่อหาทางออกเป็นไปได้ยาก ดังนั้นแต่ละฝ่ายจึงไม่ควรนำข้อเสนอใดเปิดผ่านสาธารณชนก่อน แต่ควรให้ผู้แทนแต่ละฝ่ายได้ร่วมกันหาข้อคิดเห็น และให้มีการเจรจาในขั้นสุดท้ายอีกครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าวิธีการเช่นนี้น่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาของประเทศได้จึงอยากให้ทุกฝ่ายนำไปพิจารณา เพราะจะทำให้สถานการณ์ขณะนี้มีทิศทางดีขึ้นกว่าเดิม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 มี.ค. 2549--จบ--