วันนี้(23 พ.ค.49)นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า รู้จักกับ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานอนุกรรมการ กกต. ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องที่เป็นนักกฎหมาย แต่ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว
กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า รู้จักนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือ มีความสนิทสนมอย่างที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทยกล่าวหา
ผมเป็นนักกฎหมายรุ่นน้อง รู้จักนายนาม ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เป็นผู้พิพากษาที่มีความรู้ความสามารถ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย เป็นคนตรงไปตรงมา สามารถสอบถามนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่พี่ชายของนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทยดูได้ นายสุทัศน์ กล่าว
นายสุทัศน์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม นายนามเกษียณอายุราชการไปแล้ว และรัฐมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์ให้คุณให้โทษ หรือเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษา ดังนั้น จึงเชื่อว่า การที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว ก็เพื่อต้องการจะลดความน่าเชื่อถือของคณะอนุกรรมการฯ
การรู้จักกันถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญคือพรรคไทยรักไทยต้องชี้แจงข้อกล่าวหา ตามที่มีการร้องไป และ กกต.ชุดใหญ่ เมื่อได้รับผลการสอบแล้ว ควรต้องเร่งสอบสวนโดยเร่งด่วน นายสุทัศน์ กล่าว
ส่วนที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาคือพรรคไทยรักไทยยังไม่ได้ชี้แจง แต่คณะอนุกรรมการฯ กลับสรุปเรื่องแล้วนั้น นายสุทัศน์ กล่าวว่า เข้าใจว่าการสอบสวนเรื่องดังกล่าว เป็นการสอบข้อเท็จจริง ดังนั้น ผู้ที่มีชื่อถูกกล่าวหาควรเตรียมตัวชี้แจง อย่าบิดเบือนประเด็นให้เป็นที่สับสน และว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. เป็นคนแต่งตั้ง ถ้าจะร้องคัดค้าน ก็ต้องร้องคัดค้านทั้งหมด
ใบปลิวที่ออกมา ถือว่าเป็นความพยายามดิสเครดิตคณะอนุกรรมการฯ ผมคิดว่าคงไม่รู้จะกล่าวหาใคร อย่างกรณียกชื่อท่านสวัสดิ์ โชติพานิช อดีต กกต.ขึ้นมา ก็ต้องบอกว่า ท่านสวัสดิ์ก็สนิทกับท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และขณะที่เกิดวิกฤติตุลาการก็เป็นฝ่ายเดียวกัน ฉะนั้นเรื่องความรู้จัก เรื่องความสนิท เป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวกัน แต่เป็นหน้าที่ของพรรคไทยรักไทยต้องชี้แจง หากพรรคถูกกล่าวหาก็ต้องชี้แจง หน้าที่ตัดสินก็คือ กกต. ขออย่าช้า นายสุทัศน์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ค. 2549--จบ--
กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า รู้จักนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือ มีความสนิทสนมอย่างที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทยกล่าวหา
ผมเป็นนักกฎหมายรุ่นน้อง รู้จักนายนาม ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เป็นผู้พิพากษาที่มีความรู้ความสามารถ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย เป็นคนตรงไปตรงมา สามารถสอบถามนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่พี่ชายของนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทยดูได้ นายสุทัศน์ กล่าว
นายสุทัศน์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม นายนามเกษียณอายุราชการไปแล้ว และรัฐมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์ให้คุณให้โทษ หรือเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษา ดังนั้น จึงเชื่อว่า การที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว ก็เพื่อต้องการจะลดความน่าเชื่อถือของคณะอนุกรรมการฯ
การรู้จักกันถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญคือพรรคไทยรักไทยต้องชี้แจงข้อกล่าวหา ตามที่มีการร้องไป และ กกต.ชุดใหญ่ เมื่อได้รับผลการสอบแล้ว ควรต้องเร่งสอบสวนโดยเร่งด่วน นายสุทัศน์ กล่าว
ส่วนที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาคือพรรคไทยรักไทยยังไม่ได้ชี้แจง แต่คณะอนุกรรมการฯ กลับสรุปเรื่องแล้วนั้น นายสุทัศน์ กล่าวว่า เข้าใจว่าการสอบสวนเรื่องดังกล่าว เป็นการสอบข้อเท็จจริง ดังนั้น ผู้ที่มีชื่อถูกกล่าวหาควรเตรียมตัวชี้แจง อย่าบิดเบือนประเด็นให้เป็นที่สับสน และว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. เป็นคนแต่งตั้ง ถ้าจะร้องคัดค้าน ก็ต้องร้องคัดค้านทั้งหมด
ใบปลิวที่ออกมา ถือว่าเป็นความพยายามดิสเครดิตคณะอนุกรรมการฯ ผมคิดว่าคงไม่รู้จะกล่าวหาใคร อย่างกรณียกชื่อท่านสวัสดิ์ โชติพานิช อดีต กกต.ขึ้นมา ก็ต้องบอกว่า ท่านสวัสดิ์ก็สนิทกับท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และขณะที่เกิดวิกฤติตุลาการก็เป็นฝ่ายเดียวกัน ฉะนั้นเรื่องความรู้จัก เรื่องความสนิท เป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวกัน แต่เป็นหน้าที่ของพรรคไทยรักไทยต้องชี้แจง หากพรรคถูกกล่าวหาก็ต้องชี้แจง หน้าที่ตัดสินก็คือ กกต. ขออย่าช้า นายสุทัศน์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ค. 2549--จบ--