วันนี้ (19 กรกฏาคม 2549)เวลา10.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์และคณะนำทีมเข้ายื่นหนังสือเอกสารประกอบการพิจารณาคดี กรณีการจัดซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานครให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายอุตตม สาวนายน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์รับมอบหนังสือแทน
นายอลงกรณ์ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องยื่นหนังสือให้กับนายสมคิดหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ตนคิดว่าเราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมและก็ภาษีของประชาชนที่จะต้องจ่ายไปแพงเกินกว่าความเป็นจริงและก็เพื่อให้มีการระงับเหตุไม่ให้เสียหายมากไปกว่านี้ ตนก็มาติดตามว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ทำไมถึงไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้ยกเลิกสัญญาที่ฉ้อฉลที่เราเสียเปรียบหรือว่าเรื่องมติ ครม.ที่ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 2547 — 2553 และปีนี้เป็นงวดแรกที่จะต้องจ่าย 506 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากว่า ครม.ไม่ได้มีมติในการสั่งการต่อ้อผูกพัยงบประมาณก็ต้องจ่ายไปซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าเราเสียเปรียบในเรื่องนี้
“นอกจากนั้นแล้วก็หวังว่า ท่านรักษาการรองนายกฯ รักษาการรมว.พาณิชย์ ท่านรองสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะได้เร่งรัดในการดำเนินการตรวจสอบสัญญาการค้าต่างตอบแทนซึ่งเป็นข้ออ้างของกลุ่มที่ชงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่าเมื่อใช้รูปแบบการค้าต่างตอบแทนที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากนายกฯปรากฎในภายหลังเราพบว่าไม่ได้เป็นูปแบบการค้าต่างตอบแทนอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นเพียงเสมือนการทำนิติกรรมอำพรางและทางดีเอสไอ(กองสอบสวนคดีพิเศษ) ก็ตรวจสอบเห็นพ้องต้องกันว่า บริษัทไสตเออร์ เดมเลอร์ได้จ่ายเงิน 150 ล้านบาทให้กับบริษัทเอกชนไทยที่มาทำการค้าต่างตอบแทน” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า และก็การส่งออกไก่ก็เป็นโควต้าเดิมเป็นแผนส่งออกเดิมไม่ได้มีส่วนเพิ่มที่จะทำให้เราเพิ่มในการส่งออกสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อรถดับเพลิงชุดนี้เพราะฉะนั้นก็จะนำเสนอเรื่องนี้และสัปดาห์หน้าก็จะขอทราบผลดำเนินการว่า การค้าต่างตอบแทนนั้นมีการส่งออกไปมากน้อยแค่ไหน ส่งออกในโควต้าเดิมใช่หรือไม่และเงินที่จ่ายไป 150 ล้านเป็นเงินที่จ่ายตามค่าธรรมเนียมการค้าต่างตอบแทนหรือว่าเป็นเงินฮั้วที่รู้กันในเรื่องนี้และก็มาถวงถามขอให้นายกฯช่วยกันระงับความเสียหายในการที่จะให้ระงับการจ่ายเงินก่อนงวดแรก 506 ล้านและก็ 2 .ก็คือว่ายกเลิกมติ ครม.และก็สัญญาจีทูจีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรียเพื่อที่จะเปิดช่องให้เราสามารถที่จะเปิดช่องยกเลิกสัญญาทั้งหมดได้
“ผมเรียนเพิ่มเติมว่าเราก็สอบเรื่องอื่นด้วยมีซื้อขายรูปแบบนี้รูปแบบเสนอการค้าต่างตอบแทนเพื่อที่จะเป็นช่องในการขอมติ ครม.และไม่ต้องมีการประมูลตอนนี้ที่ติดตามอยู่ก็คือ การแลกหัวรถจักรรถไฟกับลำใยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็อีหรอบเดิมซึ่งตนคิดว่ารัฐมนตรีต้องรอบคอบกว่านี้ในการพิจารณาอนุมัติรูปแบบลักษณะนี้ก็เพราะว่ามันเป็นช่องทางของการทุจริตได้โดยง่ายพอมีมติ้ว่าให้ทำการค้าต่างตอบแทนก็ไม่ต้องมีการแข่งขันไม่ต้องมีการประมูลและเสนอราคาอะไรมา ครม.อนุมัติในชั้นสอบราคาตั้งแต่ต้นมันก็ถูกล็อคราคาและประเทศไทยก็เสียเปรียบต้องจ่ายแพง” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มิหนำซ้ำแทนที่จะขายสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้นกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราฉะนั้นก็ขอให้ติดตามเพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ก็ฝากให้ทางรมว.พาณิชย์ไปด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ค. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องยื่นหนังสือให้กับนายสมคิดหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ตนคิดว่าเราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมและก็ภาษีของประชาชนที่จะต้องจ่ายไปแพงเกินกว่าความเป็นจริงและก็เพื่อให้มีการระงับเหตุไม่ให้เสียหายมากไปกว่านี้ ตนก็มาติดตามว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ทำไมถึงไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้ยกเลิกสัญญาที่ฉ้อฉลที่เราเสียเปรียบหรือว่าเรื่องมติ ครม.ที่ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 2547 — 2553 และปีนี้เป็นงวดแรกที่จะต้องจ่าย 506 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากว่า ครม.ไม่ได้มีมติในการสั่งการต่อ้อผูกพัยงบประมาณก็ต้องจ่ายไปซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าเราเสียเปรียบในเรื่องนี้
“นอกจากนั้นแล้วก็หวังว่า ท่านรักษาการรองนายกฯ รักษาการรมว.พาณิชย์ ท่านรองสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะได้เร่งรัดในการดำเนินการตรวจสอบสัญญาการค้าต่างตอบแทนซึ่งเป็นข้ออ้างของกลุ่มที่ชงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่าเมื่อใช้รูปแบบการค้าต่างตอบแทนที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากนายกฯปรากฎในภายหลังเราพบว่าไม่ได้เป็นูปแบบการค้าต่างตอบแทนอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นเพียงเสมือนการทำนิติกรรมอำพรางและทางดีเอสไอ(กองสอบสวนคดีพิเศษ) ก็ตรวจสอบเห็นพ้องต้องกันว่า บริษัทไสตเออร์ เดมเลอร์ได้จ่ายเงิน 150 ล้านบาทให้กับบริษัทเอกชนไทยที่มาทำการค้าต่างตอบแทน” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า และก็การส่งออกไก่ก็เป็นโควต้าเดิมเป็นแผนส่งออกเดิมไม่ได้มีส่วนเพิ่มที่จะทำให้เราเพิ่มในการส่งออกสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อรถดับเพลิงชุดนี้เพราะฉะนั้นก็จะนำเสนอเรื่องนี้และสัปดาห์หน้าก็จะขอทราบผลดำเนินการว่า การค้าต่างตอบแทนนั้นมีการส่งออกไปมากน้อยแค่ไหน ส่งออกในโควต้าเดิมใช่หรือไม่และเงินที่จ่ายไป 150 ล้านเป็นเงินที่จ่ายตามค่าธรรมเนียมการค้าต่างตอบแทนหรือว่าเป็นเงินฮั้วที่รู้กันในเรื่องนี้และก็มาถวงถามขอให้นายกฯช่วยกันระงับความเสียหายในการที่จะให้ระงับการจ่ายเงินก่อนงวดแรก 506 ล้านและก็ 2 .ก็คือว่ายกเลิกมติ ครม.และก็สัญญาจีทูจีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรียเพื่อที่จะเปิดช่องให้เราสามารถที่จะเปิดช่องยกเลิกสัญญาทั้งหมดได้
“ผมเรียนเพิ่มเติมว่าเราก็สอบเรื่องอื่นด้วยมีซื้อขายรูปแบบนี้รูปแบบเสนอการค้าต่างตอบแทนเพื่อที่จะเป็นช่องในการขอมติ ครม.และไม่ต้องมีการประมูลตอนนี้ที่ติดตามอยู่ก็คือ การแลกหัวรถจักรรถไฟกับลำใยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็อีหรอบเดิมซึ่งตนคิดว่ารัฐมนตรีต้องรอบคอบกว่านี้ในการพิจารณาอนุมัติรูปแบบลักษณะนี้ก็เพราะว่ามันเป็นช่องทางของการทุจริตได้โดยง่ายพอมีมติ้ว่าให้ทำการค้าต่างตอบแทนก็ไม่ต้องมีการแข่งขันไม่ต้องมีการประมูลและเสนอราคาอะไรมา ครม.อนุมัติในชั้นสอบราคาตั้งแต่ต้นมันก็ถูกล็อคราคาและประเทศไทยก็เสียเปรียบต้องจ่ายแพง” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มิหนำซ้ำแทนที่จะขายสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้นกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราฉะนั้นก็ขอให้ติดตามเพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ก็ฝากให้ทางรมว.พาณิชย์ไปด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ค. 2549--จบ--