ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยต่างชาติพอใจการจัดทำเอเชียบอนด์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดทำ
พันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) ว่า จากที่ได้รับฟังจากชาวต่างชาติทั้งในที่ประชุมธนาคารกลาง (BIS) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ก็เห็นว่าทุกคนชื่นชอบกับการจัดทำเอเชียบอนด์ เพราะเอเชียบอนด์เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ส่งผลดีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และทุกประเทศ
ต้องการให้มีตลาดตราสารหนี้ระยะยาวในภูมิภาคเอเชียเช่นเดียวกับในนิวยอร์ก ประเทศ สรอ. ทั้งนี้ แนวคิดริเริ่มของเอเชียบอนด์นั้น เป็นการ
ระดมความคิดร่วมกันของหลายประเทศ ซึ่งทั้ง ธปท. และรัฐบาลไทยก็มีส่วนร่วมด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.อนุญาตให้ ธพ. ออกตั๋วแลกเงินเพื่อกู้ยืมเงินจากประชาชน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงนามในประกาศ
ธปท.เรื่องการอนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงินเพื่อกู้ยืมเงินจากประชาชน โดยได้อนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงิน เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการระดม
เงินของ ธพ. และเป็นทางเลือกในการออมเงินให้กับประชาชน ทั้งนี้ ประชาชนรวมถึงนิติบุคคล และนักลงทุนสถาบัน เช่น ธปท. ธพ. หรือ บง.
ด้วย โดย ธปท.อนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงินที่เป็นสกุลเงินบาท เพื่อกู้ยืมเงินจากผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศไทย และอนุญาตให้ ธพ.
ออกตั๋วแลกเงินเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ เพื่อการกู้ยืมเงินจากบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศไทย หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงินไทยที่ได้รับ
อนุญาตให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการชำระเงินต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การอนุญาตครั้งนี้ไม่รวมตั๋วแลกเงินที่มีอนุพันธ์การเงินแฝง หรือตั๋วแลกเงิน
ที่มีการอ้างอิงกับตัวแปรอื่น ๆ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์)
3. การจัดเก็บรายได้รัฐบาล 11 เดือนแรกของปี งปม.49 ต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 1 รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง แถลงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล 11 เดือนแรกของปี งปม.49 ว่า ยอดจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ
12,536 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของเป้าหมาย 1,314,115 ล้านบาท แต่สูงกว่าปีก่อน 69,275 ล้านบาท โดยจัดเก็บได้
1,301,579 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร 993,117 ล้านบาท กรมสรรพสามิต 250,637 ล้านบาท กรมศุลกากร
88,537 ล้านบาท และหน่วยงานอื่น 137,910 ล้านบาท และหักรายจ่ายอื่นจำนวน 150,270 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ช่วง 11 เดือนแรกของปี
งปม.ที่ต่ำกว่าประมาณการเป็นผลจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่ประมาณการไว้ ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร และจากการที่ราคา
น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายมาก รวมทั้งเกิดจากการคืนภาษีให้กับภาคเอกชน.
ของกรมสรรพากรที่สูงกว่าเป้าหมายถึง 25,724 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพคล่องของภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ลดลง ขณะที่ยอดสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น รายงานจาก วอชิงตัน เมื่อวันที่
7 ก.ย. 49 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ย. ลดลง
ประมาณ 9,000 คน อยู่ที่ 310,000 คนลดลงจาก 319,000 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุด
วันที่ 22 ก.ค. และต่ำกว่าที่ Wall Street คาดไว้ว่ายอดขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกจะลดลงเหลือ 315,000 คน และคาดว่าแนวโน้ม
ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานต่อสัปดาห์จะยังคงอยู่ที่ระดับ 315,000 คนต่อไปอีก ส่วนยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 เดือนซึ่งสามารถ
เป็นตัวเลขชี้วัดแนวโน้มการว่างงานที่ดี อยู่ที่ 315,250 ลดลงจาก 318,250 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ในขณะที่ ก.พาณิชย์ สรอ. ก็ได้รายงานยอด
สินค้าคงคลังของธุรกิจค้าส่งในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือน 35 มากกว่าที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street
คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีแต่ตลาดคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายใน
สิ้นปี 49 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ก.ย.49 ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีตามที่ตลาดคาดไว้
หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดหมายมาก่อนร้อยละ 0.25 ต่อปีเมื่อต้นเดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จากการที่เศรษฐกิจยังคง
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าไว้ ในขณะที่ราคาบ้านแสดงสัญญาณ
ว่าชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย โดยบริษัทให้กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน Halifax และ Nationwide รายงานราคาบ้านในเดือน ส.ค.49 ยังคงสูงขึ้นร้อยละ
0.8 — 1.0 ต่อเดือน นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5.0 ต่อปีภายในสิ้นปีนี้ โดย
ส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นเดือน พ.ย.49 ซึ่งเป็นเดือนที่ ธ.กลางอังกฤษมีกำหนดจะออกรายงานประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาวะ
เงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.49 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ก.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2
เทียบต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.5 โดยเป็นผลจากภาคการก่อสร้างขยายตัวได้ดีที่ระดับร้อยละ 3.4
ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ
0.9 ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี (รอยเตอร์)
4. คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 5.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน รายงาน
จากสิงคโปร์เมื่อ 7 ก.ย.49 The Monetary Authority of Singapore (MAS) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของบรรดา
นักเศรษฐศาสตร์จาก 19 ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 7.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากที่มีการคาดการณ์ก่อน
หน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.7 นอกจากนี้ ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ว่าจะขยายตัวร้อยละ
5.9 และ 4.6 เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 และ 4.2 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประมาณการครั้งใหม่ก็ยัง
ต่ำกว่าอัตราการขยายตัวในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี ที่ขยายตัวร้อยละ 10.8 และ 8.1 ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะ
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สำหรับปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะประกอบด้วย ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง
และเศรษฐกิจ สรอ.ที่กำลังประสบภาวะซบเซาตามทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ทั้งนี้
ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของ.
ยอดขายปลีก สถานการณ์แรงงาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สำหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเนื่องจากมีสัดส่วนถึง 1
ใน 4 ของระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.7 ในปี 49 ปรับเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.4
อันเป็นผลจากยอดการผลิตสินค้าไฮเทคที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาคบริการทางการเงินคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8.3 เพิ่มขึ้นการประมาณการครั้งก่อนที่
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ก.ย. 49 7 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.361 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1830/37.4774 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.56/9.31 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 11,150/11,250 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.45 62.24 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7 ก.ย. 49 27.69*/26.89* 27.69*/26.89* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยต่างชาติพอใจการจัดทำเอเชียบอนด์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดทำ
พันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) ว่า จากที่ได้รับฟังจากชาวต่างชาติทั้งในที่ประชุมธนาคารกลาง (BIS) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ก็เห็นว่าทุกคนชื่นชอบกับการจัดทำเอเชียบอนด์ เพราะเอเชียบอนด์เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ส่งผลดีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และทุกประเทศ
ต้องการให้มีตลาดตราสารหนี้ระยะยาวในภูมิภาคเอเชียเช่นเดียวกับในนิวยอร์ก ประเทศ สรอ. ทั้งนี้ แนวคิดริเริ่มของเอเชียบอนด์นั้น เป็นการ
ระดมความคิดร่วมกันของหลายประเทศ ซึ่งทั้ง ธปท. และรัฐบาลไทยก็มีส่วนร่วมด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.อนุญาตให้ ธพ. ออกตั๋วแลกเงินเพื่อกู้ยืมเงินจากประชาชน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงนามในประกาศ
ธปท.เรื่องการอนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงินเพื่อกู้ยืมเงินจากประชาชน โดยได้อนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงิน เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการระดม
เงินของ ธพ. และเป็นทางเลือกในการออมเงินให้กับประชาชน ทั้งนี้ ประชาชนรวมถึงนิติบุคคล และนักลงทุนสถาบัน เช่น ธปท. ธพ. หรือ บง.
ด้วย โดย ธปท.อนุญาตให้ ธพ.ออกตั๋วแลกเงินที่เป็นสกุลเงินบาท เพื่อกู้ยืมเงินจากผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศไทย และอนุญาตให้ ธพ.
ออกตั๋วแลกเงินเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ เพื่อการกู้ยืมเงินจากบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศไทย หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงินไทยที่ได้รับ
อนุญาตให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการชำระเงินต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การอนุญาตครั้งนี้ไม่รวมตั๋วแลกเงินที่มีอนุพันธ์การเงินแฝง หรือตั๋วแลกเงิน
ที่มีการอ้างอิงกับตัวแปรอื่น ๆ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์)
3. การจัดเก็บรายได้รัฐบาล 11 เดือนแรกของปี งปม.49 ต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 1 รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง แถลงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล 11 เดือนแรกของปี งปม.49 ว่า ยอดจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ
12,536 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของเป้าหมาย 1,314,115 ล้านบาท แต่สูงกว่าปีก่อน 69,275 ล้านบาท โดยจัดเก็บได้
1,301,579 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร 993,117 ล้านบาท กรมสรรพสามิต 250,637 ล้านบาท กรมศุลกากร
88,537 ล้านบาท และหน่วยงานอื่น 137,910 ล้านบาท และหักรายจ่ายอื่นจำนวน 150,270 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ช่วง 11 เดือนแรกของปี
งปม.ที่ต่ำกว่าประมาณการเป็นผลจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่ประมาณการไว้ ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร และจากการที่ราคา
น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายมาก รวมทั้งเกิดจากการคืนภาษีให้กับภาคเอกชน.
ของกรมสรรพากรที่สูงกว่าเป้าหมายถึง 25,724 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพคล่องของภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ลดลง ขณะที่ยอดสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น รายงานจาก วอชิงตัน เมื่อวันที่
7 ก.ย. 49 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ย. ลดลง
ประมาณ 9,000 คน อยู่ที่ 310,000 คนลดลงจาก 319,000 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุด
วันที่ 22 ก.ค. และต่ำกว่าที่ Wall Street คาดไว้ว่ายอดขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกจะลดลงเหลือ 315,000 คน และคาดว่าแนวโน้ม
ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานต่อสัปดาห์จะยังคงอยู่ที่ระดับ 315,000 คนต่อไปอีก ส่วนยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 เดือนซึ่งสามารถ
เป็นตัวเลขชี้วัดแนวโน้มการว่างงานที่ดี อยู่ที่ 315,250 ลดลงจาก 318,250 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ในขณะที่ ก.พาณิชย์ สรอ. ก็ได้รายงานยอด
สินค้าคงคลังของธุรกิจค้าส่งในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือน 35 มากกว่าที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street
คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีแต่ตลาดคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายใน
สิ้นปี 49 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ก.ย.49 ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีตามที่ตลาดคาดไว้
หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดหมายมาก่อนร้อยละ 0.25 ต่อปีเมื่อต้นเดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จากการที่เศรษฐกิจยังคง
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าไว้ ในขณะที่ราคาบ้านแสดงสัญญาณ
ว่าชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย โดยบริษัทให้กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน Halifax และ Nationwide รายงานราคาบ้านในเดือน ส.ค.49 ยังคงสูงขึ้นร้อยละ
0.8 — 1.0 ต่อเดือน นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5.0 ต่อปีภายในสิ้นปีนี้ โดย
ส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นเดือน พ.ย.49 ซึ่งเป็นเดือนที่ ธ.กลางอังกฤษมีกำหนดจะออกรายงานประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาวะ
เงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.49 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ก.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2
เทียบต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.5 โดยเป็นผลจากภาคการก่อสร้างขยายตัวได้ดีที่ระดับร้อยละ 3.4
ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ
0.9 ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี (รอยเตอร์)
4. คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 5.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน รายงาน
จากสิงคโปร์เมื่อ 7 ก.ย.49 The Monetary Authority of Singapore (MAS) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของบรรดา
นักเศรษฐศาสตร์จาก 19 ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 7.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากที่มีการคาดการณ์ก่อน
หน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.7 นอกจากนี้ ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ว่าจะขยายตัวร้อยละ
5.9 และ 4.6 เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 และ 4.2 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประมาณการครั้งใหม่ก็ยัง
ต่ำกว่าอัตราการขยายตัวในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี ที่ขยายตัวร้อยละ 10.8 และ 8.1 ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะ
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สำหรับปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะประกอบด้วย ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง
และเศรษฐกิจ สรอ.ที่กำลังประสบภาวะซบเซาตามทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ทั้งนี้
ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของ.
ยอดขายปลีก สถานการณ์แรงงาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สำหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเนื่องจากมีสัดส่วนถึง 1
ใน 4 ของระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.7 ในปี 49 ปรับเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.4
อันเป็นผลจากยอดการผลิตสินค้าไฮเทคที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาคบริการทางการเงินคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8.3 เพิ่มขึ้นการประมาณการครั้งก่อนที่
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ก.ย. 49 7 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.361 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1830/37.4774 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.56/9.31 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 11,150/11,250 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.45 62.24 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7 ก.ย. 49 27.69*/26.89* 27.69*/26.89* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--