วันนี้(27 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องที่สืบเนื่องมาจากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากมีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วปรากฎว่ามีกลุ่มบุคคลหรือบุคคลบางฝ่ายหรือบางพรรคการเมืองมีความพยายามที่จะนำกระแสพระราชดำรัสไปตีความเพื่อประโยชน์ของตนเอง และก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนถึงบุคคลอื่น ถึงพรรคการเมืองอื่น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์อยากจะวิงวอนทุก ๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมืองฝ่ายไหนก็ตามหรือใครก็ตามอย่าได้นำกระแสพระราชดำรัสไปตีความเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายของตนเอง และไม่ควรนำกระแสพระราชดำรัสไปกล่าวในทำนองให้ร้ายป้ายสีชี้นำให้เกิดความเสียหายกับบุคคล กลุ่มบุคคล และพรรคการเมืองอื่น
นายองอาจกล่าวว่า ตนคิดว่าบรรยากาศของประเทศไทยของเราในขณะนี้ควรจะเป็นบรรยากาศของการน้อมรับแนวพระราชดำรัสอย่างเต็มที่ อย่างดีที่สุด รวมทั้งเป็นบรรยากาศที่ทุกฝ่ายจะต้องทบทวนถึงการดำนินการของตนเองทั้งในอดีตปัจจุบันที่ผ่านมา รวมทั้งขณะนี้ควรเป็นบรรยากาศที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกันในการพยายามดำเนินการทุกวิถีทางที่จะทำให้เกิดความปกติขึ้นในประเทศชาติบ้านเมืองของเราไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติใด ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นการวิพากษ์วิจารณ์หรือการพูดจาใด ๆ ก็ตามที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบ หรืออาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นใดที่อาจจะไปก้าวล่วงถึงการตัดสินใจของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ตามก็ไม่ควรที่จะกระทำ และผมหวังว่าในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เสียงวิงวอนที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นจะมีส่วนอย่างสำคัญในการที่จะทำให้บรรยากาศที่กำลังจะเดินหน้าไปด้วยดีนั้นเราสามารถพบหนทางแห่งการแก้ปัญหาร่วมกันได้
นอกจากนี้นายองอาจยังเผยถึงข้อวิตกกังวลของพรรคเพิ่มเติมคือเรื่องที่เกี่ยวข้องทำนองเดียวกันคือจากการติดตามการรายงานกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรากฏว่าตั้งแต่วานนี้จนกระทั่งถึงวันนี้ยังมีทีวีบางช่องได้พยายามที่จะตัดตอนกระแสพระราชดำรัสไปเผยแพร่ทั้งในรูปแบบของข่าว และในรูปแบบของตัววิ่ง ซึ่งแน่นอนที่สุดการนำกระแสพระราชดำรัสไปตัดตอนบางส่วนนั้นอาจจะเป็นข้อจำกัดในเรื่องของการนำเสนอ และเป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ แต่อาจจะให้ทีวีบางช่องต้องพึงระมัดระวังในการนำกระแสพระราชดำรัสเพียงบางตอนไปนำเสนอนั้นอาจจะก่อให้เกิดการชี้นำ หรืออาจจะก่อให้เกิดการสร้างความชอบธรรมแต่ขณะเดียวกันอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลกลุ่มบุคคลหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้นายองอาจมีความเห็นว่าในบรรยากาศเช่นนี้นั้นไม่ควรมีบรรยากาศของการสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นซึ่งกันและกัน และประเด็นนี้เป็นเด็นสำคัญที่สื่อมวลชนเฉพาะทีวีนั้นเป็นกลไกสำคัญอีกส่วนหนึ่งในฐานะสื่อมวลชนที่จะมีส่วนช่วยให้บรรยากาศของประเทศชาติบ้านเมืองของเรานั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมและมีความชอบธรรมที่จะร่วมมือร่วมใจกันที่แก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศของเราในขณะนี้อันนี้ก็เป็นความปรารถนาดีและเป็นความหวังดีของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะเห็นประเทศชาติบ้านเมืองของเราเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศไทยในขณะนี้
ต่อด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกกว่า 10 เขตภาคใต้นั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจ กล่าวว่า กกต.ยังเดินหน้าที่เปิดให้มีการรับสมัครรับเลือกตั้งอีก 10 เขตทางจังหวัดภาคใต้ และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 ที่จะถึงนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการตรวจสอบการสมัครรับเลือกตั้งของกกต.ใน 10 กว่าเขตทางภาคใต้ และนายองอาจเห็นว่าการดำเนินการของกกต.ในการเปิดรับสมัครใหม่ครั้งนี้ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 นั้นก็ยังเป็นการเปิดรับสมัครที่เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจที่ค้านกับสามัญสำนึกของพี่น้องประชาชนมีความพยายามที่จะร่วมด้วยช่วยกันในการผลักดันให้พรรคการเมืองใหญ่นั้นไม่ต้องไปแข่งขันกับตัวเองให้มีเสียงจากพี่น้องประชาชนมาเลือกถึง 20% นั่นก็คือยังมีความพยายามที่จะจัดการให้มีพรรคเล็กมาลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างเดิมเหมือนที่เคยทำมา 2-3 ครั้ง ข้อผิดสังเกตที่ทางพรรคประชาธิปัตย์พบนอกเหนือจากที่เคยพบมาแล้วใน 2-3 ครั้งที่ผ่านมาก็คือปกตินั้นขั้นตอนการรับสมัครจะมีอยู่ 5 ขั้นตอน ที่กกต.ในเขตเลือกตั้งต่าง ๆ จะเป็นผู้ดำเนินการตามข้อกำหนดตามกฎเกณฑ์ที่กกต.กลางกำหนดขึ้นมา แต่ปรากฎว่าในการรับสมัครครั้งนี้นั้นทางกกต.กลางได้แจ้งไปยังกกต.เขตว่าไม่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนการรับสมัคร 5 ขั้นตอนนั้น โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจเอกสารว่าสมบูรณ์หรือไม่นั้นทางกกต.กลางได้แจ้งไปยังกกต.เขตว่าไม่ต้องไปตรวจเอกสาร ณ ที่กกต.เขตให้ส่งรายละเอียดเอกสารต่าง ๆ ไปให้กกต.กลางตรวจสอบ ตรงนี้เป็ฯข้อพิรุทข้อผิดสังเกตว่าการเลือกตั้งใหม่ที่จะมีวันที่ 29 จึงจะต้องมีการปรับปลี่ยนขั้นตอนในการรับสมัครให้แตกต่างไปจากเดิมเพื่อผลอะไร หรือไม่อย่างไร ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดตาม นอกนั้นกกต.เขตเมื่อแจ้งไปว่าผู้สมัครบางรายมีคุณสมบัติไม่ครบแจ้งไปให้กกต.กลางได้รับทราบ เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่สมัครครบ 90 วัน ปรากฎว่าเมื่อแจ้งไปยังกกต.กลาง กกต.กลางก็แจ้งกลับมายังกกต.เขตว่าสมาชิกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้วให้รับสมัครได้อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราพบพิรุธอีกอย่างก็คือมีผู้สมัครของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ส่วนมากนั้นแจ้งว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ๆ เกือบจะวันเดียวกันคือวันที่ 3 มกราคมเกือบทั้งหมดอันนี้ก็เป็นข้อพิรุธในการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
“การรับสมัครเลือกตั้งของกกต.ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันคือตั้งแต่วันที่กำหนดการรับสมัครเพื่อให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษาเรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 29 เมษายนที่จะถึงนี้เป็นการรับสมัครที่เลอะเทอะมากที่สุด แทบจะเรียกได้ว่าหากฎเกณฑ์ได้อย่างยากลำบากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลาคงด้วยจุดประสงค์เดียวเพื่อจะให้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่มีคู่แข่งให้ได้เพื่อจะหนีกฎเกณฑ์ 20% เพราะฉะนั้นเฉพาะในการเลือกตั้งในวันที่ 29 กกต.ควรจะตรวจสอบว่าผู้สมัครพรรคเล็กจากหลาย ๆ พรรคได้มีการแก้ไขเอกสารหลักฐานอะไรเพื่อให้มีคุณสมบัติครบตามที่กกต.กำหนดหรือไม่” นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้นายองอาจเสริมอีกว่า มาถึงวันนี้แล้วกกต.ควรจะสำเนียกถึงบทบาทภาระหน้าที่ของตัวเองว่าไม่ควรที่จะประพฤติปฏิบัติใด ๆ ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนของสังคมที่มีต่อกกต.นั้นหมดสิ้นไป แน่นอนที่สุดถ้าศรัทธาของพี่น้องประชาชนที่มีต่อกกต.หมดสิ้นไปนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่องค์กรอิสระตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเพื่อหวังจะให้ทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระ เพื่อเป็นหลักสำคัญของบ้านเมืองนั้นสามารถทำหน้าที่ได้
สำหรับประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ในวันเสาร์ที่ 29 เมษายน การประชุมทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมทั้งสิ้น เริ่มประชุมตั้งแต่ 09.00 — 12.00 น.การประชุมในวันนั้ก็จะเป็นเรื่องของเลขาธิการพรรคจะได้รายงานการดำเนินการในการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้ตัวแทนของสาขาพรรคและผู้ร่วมประชุมได้รับทราบ นอกเหนือจากนั้นก็จะมีการรายงานสถานะทางการเงินของพรรคในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และรายการที่สำคัญที่สุดคือการกล่าวปราศรัยของหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเวลาประมาณ 11.00 — 12.00 น. ในช่วงเวลาในการฟังปราศรัยครั้งนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์จัดให้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 เนชั่นทีวี และสถานีโทรทัศน์ASTV สถานีวิทยุเอฟเอ็มคลื่น 101
นอกเหนือจากนั้นปรากฎว่าท่านเอกอัคราชทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำประเทศไทยนั้นได้ตอบรับที่จะมาเข้าร่วมเป็นเกียรติ และเป็นผู้สังเกตการณ์ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ณ โรงแรมดิเอมเมอรัล หลาย 10 ประเทศแล้ว หลาย 10 ท่านแล้ว ซึ่งการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งนี้จึงถือว่าเป็นวาระสำคัญอีกครั้งหนึ่งในสถานการณ์ทางการเมืองในบรรยากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงในการร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขวิกฤตของประเทศชาติ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 เม.ย. 2549--จบ--
นายองอาจกล่าวว่า ตนคิดว่าบรรยากาศของประเทศไทยของเราในขณะนี้ควรจะเป็นบรรยากาศของการน้อมรับแนวพระราชดำรัสอย่างเต็มที่ อย่างดีที่สุด รวมทั้งเป็นบรรยากาศที่ทุกฝ่ายจะต้องทบทวนถึงการดำนินการของตนเองทั้งในอดีตปัจจุบันที่ผ่านมา รวมทั้งขณะนี้ควรเป็นบรรยากาศที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกันในการพยายามดำเนินการทุกวิถีทางที่จะทำให้เกิดความปกติขึ้นในประเทศชาติบ้านเมืองของเราไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติใด ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นการวิพากษ์วิจารณ์หรือการพูดจาใด ๆ ก็ตามที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบ หรืออาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นใดที่อาจจะไปก้าวล่วงถึงการตัดสินใจของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ตามก็ไม่ควรที่จะกระทำ และผมหวังว่าในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เสียงวิงวอนที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นจะมีส่วนอย่างสำคัญในการที่จะทำให้บรรยากาศที่กำลังจะเดินหน้าไปด้วยดีนั้นเราสามารถพบหนทางแห่งการแก้ปัญหาร่วมกันได้
นอกจากนี้นายองอาจยังเผยถึงข้อวิตกกังวลของพรรคเพิ่มเติมคือเรื่องที่เกี่ยวข้องทำนองเดียวกันคือจากการติดตามการรายงานกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรากฏว่าตั้งแต่วานนี้จนกระทั่งถึงวันนี้ยังมีทีวีบางช่องได้พยายามที่จะตัดตอนกระแสพระราชดำรัสไปเผยแพร่ทั้งในรูปแบบของข่าว และในรูปแบบของตัววิ่ง ซึ่งแน่นอนที่สุดการนำกระแสพระราชดำรัสไปตัดตอนบางส่วนนั้นอาจจะเป็นข้อจำกัดในเรื่องของการนำเสนอ และเป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ แต่อาจจะให้ทีวีบางช่องต้องพึงระมัดระวังในการนำกระแสพระราชดำรัสเพียงบางตอนไปนำเสนอนั้นอาจจะก่อให้เกิดการชี้นำ หรืออาจจะก่อให้เกิดการสร้างความชอบธรรมแต่ขณะเดียวกันอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลกลุ่มบุคคลหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้นายองอาจมีความเห็นว่าในบรรยากาศเช่นนี้นั้นไม่ควรมีบรรยากาศของการสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นซึ่งกันและกัน และประเด็นนี้เป็นเด็นสำคัญที่สื่อมวลชนเฉพาะทีวีนั้นเป็นกลไกสำคัญอีกส่วนหนึ่งในฐานะสื่อมวลชนที่จะมีส่วนช่วยให้บรรยากาศของประเทศชาติบ้านเมืองของเรานั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมและมีความชอบธรรมที่จะร่วมมือร่วมใจกันที่แก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศของเราในขณะนี้อันนี้ก็เป็นความปรารถนาดีและเป็นความหวังดีของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะเห็นประเทศชาติบ้านเมืองของเราเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศไทยในขณะนี้
ต่อด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกกว่า 10 เขตภาคใต้นั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจ กล่าวว่า กกต.ยังเดินหน้าที่เปิดให้มีการรับสมัครรับเลือกตั้งอีก 10 เขตทางจังหวัดภาคใต้ และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 ที่จะถึงนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการตรวจสอบการสมัครรับเลือกตั้งของกกต.ใน 10 กว่าเขตทางภาคใต้ และนายองอาจเห็นว่าการดำเนินการของกกต.ในการเปิดรับสมัครใหม่ครั้งนี้ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 นั้นก็ยังเป็นการเปิดรับสมัครที่เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจที่ค้านกับสามัญสำนึกของพี่น้องประชาชนมีความพยายามที่จะร่วมด้วยช่วยกันในการผลักดันให้พรรคการเมืองใหญ่นั้นไม่ต้องไปแข่งขันกับตัวเองให้มีเสียงจากพี่น้องประชาชนมาเลือกถึง 20% นั่นก็คือยังมีความพยายามที่จะจัดการให้มีพรรคเล็กมาลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างเดิมเหมือนที่เคยทำมา 2-3 ครั้ง ข้อผิดสังเกตที่ทางพรรคประชาธิปัตย์พบนอกเหนือจากที่เคยพบมาแล้วใน 2-3 ครั้งที่ผ่านมาก็คือปกตินั้นขั้นตอนการรับสมัครจะมีอยู่ 5 ขั้นตอน ที่กกต.ในเขตเลือกตั้งต่าง ๆ จะเป็นผู้ดำเนินการตามข้อกำหนดตามกฎเกณฑ์ที่กกต.กลางกำหนดขึ้นมา แต่ปรากฎว่าในการรับสมัครครั้งนี้นั้นทางกกต.กลางได้แจ้งไปยังกกต.เขตว่าไม่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนการรับสมัคร 5 ขั้นตอนนั้น โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจเอกสารว่าสมบูรณ์หรือไม่นั้นทางกกต.กลางได้แจ้งไปยังกกต.เขตว่าไม่ต้องไปตรวจเอกสาร ณ ที่กกต.เขตให้ส่งรายละเอียดเอกสารต่าง ๆ ไปให้กกต.กลางตรวจสอบ ตรงนี้เป็ฯข้อพิรุทข้อผิดสังเกตว่าการเลือกตั้งใหม่ที่จะมีวันที่ 29 จึงจะต้องมีการปรับปลี่ยนขั้นตอนในการรับสมัครให้แตกต่างไปจากเดิมเพื่อผลอะไร หรือไม่อย่างไร ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดตาม นอกนั้นกกต.เขตเมื่อแจ้งไปว่าผู้สมัครบางรายมีคุณสมบัติไม่ครบแจ้งไปให้กกต.กลางได้รับทราบ เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่สมัครครบ 90 วัน ปรากฎว่าเมื่อแจ้งไปยังกกต.กลาง กกต.กลางก็แจ้งกลับมายังกกต.เขตว่าสมาชิกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้วให้รับสมัครได้อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราพบพิรุธอีกอย่างก็คือมีผู้สมัครของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ส่วนมากนั้นแจ้งว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ๆ เกือบจะวันเดียวกันคือวันที่ 3 มกราคมเกือบทั้งหมดอันนี้ก็เป็นข้อพิรุธในการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
“การรับสมัครเลือกตั้งของกกต.ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันคือตั้งแต่วันที่กำหนดการรับสมัครเพื่อให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษาเรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 29 เมษายนที่จะถึงนี้เป็นการรับสมัครที่เลอะเทอะมากที่สุด แทบจะเรียกได้ว่าหากฎเกณฑ์ได้อย่างยากลำบากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลาคงด้วยจุดประสงค์เดียวเพื่อจะให้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่มีคู่แข่งให้ได้เพื่อจะหนีกฎเกณฑ์ 20% เพราะฉะนั้นเฉพาะในการเลือกตั้งในวันที่ 29 กกต.ควรจะตรวจสอบว่าผู้สมัครพรรคเล็กจากหลาย ๆ พรรคได้มีการแก้ไขเอกสารหลักฐานอะไรเพื่อให้มีคุณสมบัติครบตามที่กกต.กำหนดหรือไม่” นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้นายองอาจเสริมอีกว่า มาถึงวันนี้แล้วกกต.ควรจะสำเนียกถึงบทบาทภาระหน้าที่ของตัวเองว่าไม่ควรที่จะประพฤติปฏิบัติใด ๆ ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนของสังคมที่มีต่อกกต.นั้นหมดสิ้นไป แน่นอนที่สุดถ้าศรัทธาของพี่น้องประชาชนที่มีต่อกกต.หมดสิ้นไปนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่องค์กรอิสระตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเพื่อหวังจะให้ทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระ เพื่อเป็นหลักสำคัญของบ้านเมืองนั้นสามารถทำหน้าที่ได้
สำหรับประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ในวันเสาร์ที่ 29 เมษายน การประชุมทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมทั้งสิ้น เริ่มประชุมตั้งแต่ 09.00 — 12.00 น.การประชุมในวันนั้ก็จะเป็นเรื่องของเลขาธิการพรรคจะได้รายงานการดำเนินการในการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้ตัวแทนของสาขาพรรคและผู้ร่วมประชุมได้รับทราบ นอกเหนือจากนั้นก็จะมีการรายงานสถานะทางการเงินของพรรคในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และรายการที่สำคัญที่สุดคือการกล่าวปราศรัยของหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเวลาประมาณ 11.00 — 12.00 น. ในช่วงเวลาในการฟังปราศรัยครั้งนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์จัดให้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 เนชั่นทีวี และสถานีโทรทัศน์ASTV สถานีวิทยุเอฟเอ็มคลื่น 101
นอกเหนือจากนั้นปรากฎว่าท่านเอกอัคราชทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำประเทศไทยนั้นได้ตอบรับที่จะมาเข้าร่วมเป็นเกียรติ และเป็นผู้สังเกตการณ์ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ณ โรงแรมดิเอมเมอรัล หลาย 10 ประเทศแล้ว หลาย 10 ท่านแล้ว ซึ่งการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งนี้จึงถือว่าเป็นวาระสำคัญอีกครั้งหนึ่งในสถานการณ์ทางการเมืองในบรรยากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงในการร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขวิกฤตของประเทศชาติ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 เม.ย. 2549--จบ--