วันที่(30 เม.ย. 49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนินักการเมืองบางพรรคหรือกลุ่มบุคคล ที่นำกระแสพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เพียงบางส่วนไปให้ร้ายป้ายสี ทำลายคนอื่น ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้เป็นการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสด้วยความจริงใจ อีกทั้งจะทำให้เกิดวิกฤติบ้านเมืองเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามในขณะนี้อยากให้ทุกคนรอคำพิจารณาของทั้ง 3 ศาลก่อน ซึ่งตรงนี้จะเป็นแนวการช่วยเหลือสถานการณ์บ้านเมืองให้ราบรื่น ลดวิกฤติให้คลี่คลายลงไม่ตรึงเครียดเหมือนในอดีต
“หากศาลมีมติว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พรรคก็พร้อมที่จะส่งคนลงเลือกตั้ง โดยมีจุดยืนคือไม่โกง และต่อต้านคนโกงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะตัวผู้นำที่จะต้องไม่โคตรโกงหรือโกงทั้งโคตร และพรรคก็พร้อมที่จะเอาผู้ทุจริตเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจัง”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีบางคนพยายามจะบอกว่าเมื่อมีกระแสพระราชดำรัสก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาล แต่พรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเรื่องการเลือกตั้ง เป็นการแทรกแซงศาลนั้น ตรงนี้ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้แทรกแซงศาล แต่เป็นการทำหน้าที่ของประชาชนคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้ง และปฎิบัติหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้คณะทำงานของพรรคทุกชุด ไปเร่งสรุปนโยบายต่างๆ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพื่อจัดทำเป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้ง ที่ อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยพรรคจะเอาประชาชนเป็นศุนย์กลางการทำงาน ตรงนี้ไม่ใช่วาระสวยหรู แต่สามารถนำมาปฎิบัติได้จริง โดยนโยบายบางส่วนพรรคประชาธิปัยืเตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้งในอนาคต และยืนยันว่านโยบายขอพรรคไม่ได้เป็นการต่อยอดนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย แต่หากนโยบายไหนดีมีประโยชน์พรรคก็คงไว้ ส่วนที่เกิดผลกระทบกับคนส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องยกเลิก ซึ่งการจะคงไว้หรือยกเลิกต้องพิจารณาอย่งรอบด้าน ส่วนโครงการเม็กกโปรเจ็กท์ นั้นพรรคเตรียมที่จะลงทุนด้านการศึกษาเพราะที่ผ่านรัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญโดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
“ครึ่งปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ทำตัวเป็นภาระประชาชน จนถึงตอนนี้ก็อยากฝากถึงนายกฯ แม้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ จะเป็นรักษาการนายกฯซึ่งปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ท่านในฐานะนายกฯก็ควรจะเข้ามาแก้ไขปัญหาไม่ใช่ทำตัวเป็นภาระสังคม” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. 485 คน ในระหว่างที่ 3 ศาลอยู่ระหว่างการหารือเพื่อแก้วิกฤติของประเทศตามพระราชดำรัส นายองอาจ กล่าวว่า กกต.พยายามจะดิ้นเฮือกสุดท้ายในการรับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง และไม่รู้อะไรเป็นแรงดลใจให้กกตงทำเช่นนี้ เพราะจะเห็นว่าทั้ง 3 ศาลกำลังจะหาทางออกเพื่อผ่าทางตันให้วิกฤติทางการเมือง กกต.น่าจะหยุดกระบวนการต่างๆ เพื่อรอคำพิจารณาของศาล เพราะจะเห็นว่าผู้นำของศาล จะนำตัวกฎหมายและข้อเท็จจริง เพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง ดังนั้นทุกภาคส่วนของสังคมต้องรับฟังการพิจารณาของศาล ไม่ควรแสดงท่าทีอย่างอื่น อย่งไรก็ตามเชื่อว่าการประกาศรับรองผลของกกต.ไม่มีผลต่อการพิจารณาของศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 พ.ค. 2549--จบ--
“หากศาลมีมติว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พรรคก็พร้อมที่จะส่งคนลงเลือกตั้ง โดยมีจุดยืนคือไม่โกง และต่อต้านคนโกงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะตัวผู้นำที่จะต้องไม่โคตรโกงหรือโกงทั้งโคตร และพรรคก็พร้อมที่จะเอาผู้ทุจริตเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจัง”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีบางคนพยายามจะบอกว่าเมื่อมีกระแสพระราชดำรัสก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาล แต่พรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเรื่องการเลือกตั้ง เป็นการแทรกแซงศาลนั้น ตรงนี้ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้แทรกแซงศาล แต่เป็นการทำหน้าที่ของประชาชนคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้ง และปฎิบัติหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้คณะทำงานของพรรคทุกชุด ไปเร่งสรุปนโยบายต่างๆ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพื่อจัดทำเป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้ง ที่ อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยพรรคจะเอาประชาชนเป็นศุนย์กลางการทำงาน ตรงนี้ไม่ใช่วาระสวยหรู แต่สามารถนำมาปฎิบัติได้จริง โดยนโยบายบางส่วนพรรคประชาธิปัยืเตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้งในอนาคต และยืนยันว่านโยบายขอพรรคไม่ได้เป็นการต่อยอดนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย แต่หากนโยบายไหนดีมีประโยชน์พรรคก็คงไว้ ส่วนที่เกิดผลกระทบกับคนส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องยกเลิก ซึ่งการจะคงไว้หรือยกเลิกต้องพิจารณาอย่งรอบด้าน ส่วนโครงการเม็กกโปรเจ็กท์ นั้นพรรคเตรียมที่จะลงทุนด้านการศึกษาเพราะที่ผ่านรัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญโดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
“ครึ่งปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ทำตัวเป็นภาระประชาชน จนถึงตอนนี้ก็อยากฝากถึงนายกฯ แม้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ จะเป็นรักษาการนายกฯซึ่งปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ท่านในฐานะนายกฯก็ควรจะเข้ามาแก้ไขปัญหาไม่ใช่ทำตัวเป็นภาระสังคม” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. 485 คน ในระหว่างที่ 3 ศาลอยู่ระหว่างการหารือเพื่อแก้วิกฤติของประเทศตามพระราชดำรัส นายองอาจ กล่าวว่า กกต.พยายามจะดิ้นเฮือกสุดท้ายในการรับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง และไม่รู้อะไรเป็นแรงดลใจให้กกตงทำเช่นนี้ เพราะจะเห็นว่าทั้ง 3 ศาลกำลังจะหาทางออกเพื่อผ่าทางตันให้วิกฤติทางการเมือง กกต.น่าจะหยุดกระบวนการต่างๆ เพื่อรอคำพิจารณาของศาล เพราะจะเห็นว่าผู้นำของศาล จะนำตัวกฎหมายและข้อเท็จจริง เพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง ดังนั้นทุกภาคส่วนของสังคมต้องรับฟังการพิจารณาของศาล ไม่ควรแสดงท่าทีอย่างอื่น อย่งไรก็ตามเชื่อว่าการประกาศรับรองผลของกกต.ไม่มีผลต่อการพิจารณาของศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 พ.ค. 2549--จบ--