กรุงเทพ--23 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปเยือนประเทศบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่าง 21-23 พฤษภาคม 2549 ก่อนการเข้าร่วมประชุม ACD (Asia Cooperation Dialogue - กรอบความร่วมมือเอเชีย) ที่กรุงโดฮา กาตาร์
ในระหว่างการเยือนบาห์เรน ดร. กันตธีร์ฯ ได้รับการต้อนรับเยี่ยงญาติสนิท โดยได้เข้าเฝ้าฯ HH Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรี และพบปะหารือกับ Shaikh Khalid bin Ahmed bin Mohammed Al-Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในบรรยากาศสนิทสนมเป็นกันเอง และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา เป็นตัวอย่างของการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน (personal-touch diplomacy)
บาห์เรนแสดงความชื่นชมข้อริเริ่มและบทบาทของไทยในความร่วมมือ ACD ซึ่งเป็นเวทีที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศในเอเชีย (Asia wide) อย่างแท้จริง ซึ่ง ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านพลังงาน และด้านการเงิน โดยเฉพาะพันธบัตรเอเชีย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก ACD ที่ส่งออกน้ำมันและมีรายได้จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นน่าจะนำเงินดังกล่าวกลับมาลงทุนในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันอย่างรอบด้าน แม้ว่าคณะกรรมาธิการความร่วมมือระดับสูง (High Joint Commission) ไทย-บาห์เรน ยังไม่สามารถจัดประชุมครั้งที่ 2 ได้ในปีนี้ เนื่องจากฝ่ายไทยต้องรอการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่ง ดร.กันตธีร์ฯ เสนอให้จัดประชุม HJC ในต้นปี 2550 นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนเสนอเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-บาห์เรน เป็นการจัดทำความตกลง FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council / คณะมนตรีความร่วมมือระหว่างรัฐอ่าวอาหรับ)
ฝ่ายบาห์เรนได้แสดงความสนใจที่จะเรียนรู้การจัดการด้านการท่องเที่ยวจากไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยก็ได้เชิญชวนให้ชาวบาห์เรนเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทย
โอกาสนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้เดินทางไปเยียมชมศูนย์ Thai Business Center ที่กรุงมานามา ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2549 โดย TBC เป็นตัวอย่างของวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีสองประเทศ และเป็นประตูสำหรับส่งเสริมการทำธุรกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยและบาห์เรน (มูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2548 มีมูลค่า 184.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 จากปี 2547)
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างไทย-บาห์เรนในกรอบพหุภาคี ซึ่งบาห์เรนยืนยันการสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในการสมัครตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
อนึ่ง ในการเข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลา (อา) ของพระราชาธิบดีบาห์เรน พระองค์ได้ทรงแสดงความประทับใจที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ทรงโปรดอย่างมาก และในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเดือนมิถุนายน ศกนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนก็จะเสด็จมาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติฯ ด้วย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้วกล่าวว่าหากตนมีโอกาสเดินทางไปเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วก็จะไปเยือนไทยเป็นประเทศแรก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปเยือนประเทศบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่าง 21-23 พฤษภาคม 2549 ก่อนการเข้าร่วมประชุม ACD (Asia Cooperation Dialogue - กรอบความร่วมมือเอเชีย) ที่กรุงโดฮา กาตาร์
ในระหว่างการเยือนบาห์เรน ดร. กันตธีร์ฯ ได้รับการต้อนรับเยี่ยงญาติสนิท โดยได้เข้าเฝ้าฯ HH Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรี และพบปะหารือกับ Shaikh Khalid bin Ahmed bin Mohammed Al-Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในบรรยากาศสนิทสนมเป็นกันเอง และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา เป็นตัวอย่างของการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน (personal-touch diplomacy)
บาห์เรนแสดงความชื่นชมข้อริเริ่มและบทบาทของไทยในความร่วมมือ ACD ซึ่งเป็นเวทีที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศในเอเชีย (Asia wide) อย่างแท้จริง ซึ่ง ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านพลังงาน และด้านการเงิน โดยเฉพาะพันธบัตรเอเชีย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก ACD ที่ส่งออกน้ำมันและมีรายได้จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นน่าจะนำเงินดังกล่าวกลับมาลงทุนในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันอย่างรอบด้าน แม้ว่าคณะกรรมาธิการความร่วมมือระดับสูง (High Joint Commission) ไทย-บาห์เรน ยังไม่สามารถจัดประชุมครั้งที่ 2 ได้ในปีนี้ เนื่องจากฝ่ายไทยต้องรอการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่ง ดร.กันตธีร์ฯ เสนอให้จัดประชุม HJC ในต้นปี 2550 นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนเสนอเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-บาห์เรน เป็นการจัดทำความตกลง FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council / คณะมนตรีความร่วมมือระหว่างรัฐอ่าวอาหรับ)
ฝ่ายบาห์เรนได้แสดงความสนใจที่จะเรียนรู้การจัดการด้านการท่องเที่ยวจากไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยก็ได้เชิญชวนให้ชาวบาห์เรนเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทย
โอกาสนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ได้เดินทางไปเยียมชมศูนย์ Thai Business Center ที่กรุงมานามา ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2549 โดย TBC เป็นตัวอย่างของวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีสองประเทศ และเป็นประตูสำหรับส่งเสริมการทำธุรกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยและบาห์เรน (มูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2548 มีมูลค่า 184.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 จากปี 2547)
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความร่วมมือระหว่างไทย-บาห์เรนในกรอบพหุภาคี ซึ่งบาห์เรนยืนยันการสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในการสมัครตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
อนึ่ง ในการเข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลา (อา) ของพระราชาธิบดีบาห์เรน พระองค์ได้ทรงแสดงความประทับใจที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ทรงโปรดอย่างมาก และในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเดือนมิถุนายน ศกนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนก็จะเสด็จมาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติฯ ด้วย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้วกล่าวว่าหากตนมีโอกาสเดินทางไปเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วก็จะไปเยือนไทยเป็นประเทศแรก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-